ทาง Samsung พัฒนา One UI ขึ้นในปี 2018 โดยเน้นการออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้โฟกัสหรือจดจ่ออยู่กับข้อมูลบนหน้าจอที่จำเป็นในการใช้งาน ณ ขณะนั้น และง่ายต่อการใช้งานมือเดียว ในขณะที่มือถือมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น โดยได้ปรับการวางตำแหน่งตัวอักษร เมนู เพื่อให้มองสบายตามากยิ่งขึ้น ไม่รก ซึ่งเมื่อ 1 ปีผ่านไป One UI ก็มีการปรับปรุง พัฒนาเวอร์ชั่น จนล่าสุด One UI 2.0 ได้รับการพัฒนาให้ใช้งานง่ายขึ้น และต่อยอดจาก One UI 1.1/1.5 โดยเริ่มต้นใช้งานได้บน Galaxy S10+ | S10 และ Galaxy Note 10+ | 10 รันบน Android 10
วันนี้อุ้มมาเล่าหลังจากที่ได้ใช้งาน One UI 2.0 บน Galaxy Note 10+ กับ 10 ทีเด็ดที่ควรรู้หลังอัพ จากที่ได้ใช้งาน อุ้มคิดว่าน่าใช้ขึ้นเยอะเลย โดยอ้างอิงจากเครื่อง Galaxy Note 10+ ของอุ้ม
1) สามารถทำ Full Screen Gesture ได้แล้ว
วิธีการใช้งาน : เข้าไปที่ Setting (การตั้งค่า) > จอภาพ (Display) เลื่อนมาจนเจอเมนู “แถบการนำทาง” เลือก “ท่าทางเต็มหน้าจอ” กด “ตัวเลือกเพิ่มเติม” แล้วเลือก “ปัดจากด้านข้างและด้านล่าง”
ปกติการควบคุมการใช้งานมือถือ จะมีปุ่มนำทาง Menu, Home, Back แต่มือถือรุ่นใหม่ๆ ในปีนี้ ได้เปลี่ยนมาใช้การปัดหน้าจอ จากล่างขึ้นบน แทนการกดปุ่ม Back เพราะมือถือยุคนี้หน้าจอเต็ม ไร้ขอบ โดยใน One UI 2.0 นี้ มีตัวเลือกเพิ่มเติม ให้ใช้งานแบบเต็มหน้าจอ หรือ Full Screen Gesture ได้ โดยการปัดจากด้านข้างและด้านล่าง โดยสามารถ
- ปัดขึ้น จากด้านล่างของหน้าจอ เพื่อกลับไปหน้าจอหลัก
- ปัดขึ้น แล้วแตะค้างไว้ จะเข้าไปดูแอปที่เปิดล่าสุด
- ปัดจากด้านนอกเข้าหาด้านใน จะเป็นการย้อนกลับ (ปัดจากด้านข้างจอ)
ตอนนี้เราสามารถใช้นิ้วตวัดบนหน้าจอ ทั้งด้านข้าง และด้านล่างได้เลย จากเดิมที่ทำได้แค่การปัดจากด้านล่างขึ้นบนเท่านั้น
2) เปลี่ยนจาก Night Mode เป็น Dark Mode
วิธีการใช้งาน : เข้าเมนู การตั้งค่า (Setting) > จอภาพ (Display) > เปิด โหมดแสงทึบ (Dark Mode)
หน้าจอจะเปลี่ยนเป็นธีมสีดำมืดทั้งจอ ตัวอักษรสีขาว ทั้ง Facebook, Instagram, YouTube, E-Mail, ตั้งเวลาปลุก, ปฏิทิน ก็เปลี่ยนเป็นโหมด Dark ทั้งหมดเลย โดยแบ็คกราวน์มืดลง หรี่แสงลง มองสบายตามากยิ่งขึ้น ทำให้จ้องมือถือได้นานๆ โดยไม่แสบตา
3. UI แอพกล้องเปลี่ยน
UI แอปกล้องเปลี่ยนไปหมดทุกส่วนเลย ไอคอนสลับกล้องหน้าเป็นกล้องหลังก็เปลี่ยน เมนูแถบด้านล่างก็เปลี่ยน ลดลงเหลือ 5 เมนู โดยทุกอย่างจะถูกย้ายไปอยู่ใน “อื่นๆ” (ถ้าจะเข้าโหมด Pro ต้องมากดตรงนี้) โหมดการซูม กดค้างไว้ จะมีเมนูให้เลือกละเอียดกว่าเดิม 0.5x 1.0x 2.0x 10x ทำให้ซูมได้ง่ายกว่าเมื่อก่อน
และมีไอคอนใหม่สำหรับโหมด Live Focus ปรับความเบลอได้ง่ายกว่าเดิม จากที่ใช้งาน อุ้มรู้สึกว่าใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
4. Selfie Slo-Motion
เพิ่มฟีเจอร์ Slow Motion Selfie โดยเข้าไปที่โหมดกล้อง > อื่นๆ > Slow-motion เลือกกล้องหน้า จะมีสัญลักษณ์ Slo-mo ให้กดในโหมด Selfie ด้วยกล้องหน้า ใช้งานได้บนตระกูล Galaxy S และ Galaxy Note รวมไปถึงตระกูล Galaxy A ด้วย
5. สแกนนิ้ว สแกนใบหน้าได้ไวกว่าเดิม
เสริมความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น กับตัวเลือก “จำเป็นต้องลืมตา” โดยเข้าไปที่ Setting > ชีวมาตรและความปลอดภัย > การจำแนกใบหน้า จากนั้น ป้อนรหัสผ่าน หรือ Pattern > จำเป็นต้องลืมตา (ถ้าไม่ลืมตาก็จะปลดล็อกเข้าหน้าจอมือถือเราไม่ได้) ทีนี้เพื่อนแกล้งปลดล็อกหน้าจอตอนเราหลับไม่ได้แล้วล่ะ
6. บันทึกหน้าจอได้เลย แม้ไม่ได้ใช้ Note 10
ใครใช้เครื่องรุ่นอื่นๆ สามารถบันทึกหน้าจอแบบ Note 10 ได้เลย
โดยเลื่อนแถบคำสั่งด่วนลงมา แล้วเลือก “ตัวบันทึกหน้าจอ” เลือกได้ทั้งแบบ ไม่มีเสียง, เสียงมีเดีย เช่น เล่นเกม และเสียงมีเดียและไมโครโฟน สามารถพูดคุยไปด้วย เล่นเกมไปด้วย อัดเสียงตอนเล่นเกมได้ และยังเปิดกล้องหน้าเพื่อแคสเกมได้อีกด้วย
7. แถบเสียงที่เปลี่ยนไป
เมื่อกดปุ่มเร่งเสียง – ลดเสียง จากเดิมที่มีเมนูด้านข้าง เปลี่ยนเป็นด้านบน ทำให้เรากดเข้าไปตั้งค่าเสียงได้ละเอียดขึ้น ปรับได้มากขึ้น ใช้ง่ายขึ้น
8. UI โดยรวม ดีขึ้นมาก
หลังจากที่อัพ One UI 2.0 อุ้มรู้สึกว่า ทั้งแอนิเมชั่น และเอ็ฟเฟกต์ต่างๆ ลื่นไหลมากกว่าเดิม และการจัดวางโฟลเดอร์ มีการปรับให้มีหน้าตาสวยงามกว่าเดิม มีชื่อโฟลเดอร์ด้านบน แล้วมีโฟลเดอร์อยู่ด้านล่าง โดยรวมแล้วสะอาด ดูสวยงามกว่าเดิม
ลูกเล่น Always On Display ขณะปิดหน้าจอ พอเอานิ้วกดปุ่ม Power 1 ครั้ง จะเป็นเอ็ฟเฟ็กซ์เปลี่ยนหน้าจอวิ่งขึ้นด้านบน (ดูในวีดีโอ)
เปลี่ยนสีคีย์บอร์ดตามแอป
ถ้าใครไม่ได้ปรับธีม สามารถปรับสีคีย์บอร์ดให้เปลี่ยนตามแอป โดยเข้าไปที่ คีย์บอร์ด (จากหน้า Home หน้าแรก กดเข้าปุ่มค้นหา Google ก็ได้) แล้วกดตรงฟันเฟือง Setting > สไตล์และรูปแบบ (Style & Layout) > ธีมแป้นพิมพ์ จะมีให้เลือก คีย์บอร์ดสีขาว หรือสีดำ หรือเลือก คีย์บอร์ดปรับสีตามแอป (Adaptive theme) สลับสีเปลี่ยนสีคีย์บอร์ดตามแอปได้
9. เข้า One-Hand Mode ได้ง่ายขึ้น
บางช่วง บางจังหวะ เราสาวนิ้วไปกดมือถือไม่ถึงอีกมุมจอ เพราะจอใหญ่ ส่วนอีกมือนึงก็ไม่ว่างกด ให้เลื่อนนิ้วลงบนหน้าจอ เพื่อเข้า One-Handed Mode ทำให้กดมือถือมือเดียวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
รอบนี้ One UI 2.0 ปรับให้เข้า One-Handed Mode ได้ง่ายขึ้น ไม่เข้ายากเหมือนเมื่อก่อน
เข้าไปที่ Setting > คุณสมบัติขั้นสูง (Advanced Features) > โหมดมือเดียว (One-Handed Mode) > ใช้โหมดมือเดียว เลือกเป็น ท่าทาง (Gesture)
ตอนใช้งาน ให้กดนิ้วลงน้ำหนักด้านล่างของจอ (คล้ายๆ สะกิด) ใต้ไอคอน Facebook, Chrome ช่วงกลางๆ จอ เพื่อเข้า One- Handed Mode ถ้าออกจากโหมดนี้ ให้กดตรงสีดำด้านนอก
10. Focus Mode
โหมดนี้คือ Digital Well-Being แสดงข้อมูลว่าเราใช้แอปไหน เป็นเวลาเท่าไหร กี่นาที ติดมือถือแค่ไหน แต่โหมดนี้ อุ้มจะเรียกว่า โหมดบังคับใช้ หรือโหมด ไม่ว่อกแว่ก เป็นการโฟกัสสมาธิของเรา
โดยเข้าไปที่ คำสั่งด่วน > โหมดโฟกัส จะมีหน้าจอให้เราเลือกว่า โหมดทำงาน หรือโหมดส่วนตัว
โหมดโฟกัสนี้เหมาะมากกับคนที่ทำงานแล้วสมาธิไม่ได้จดจ่อกับงานที่ทำ ดันเผลออยากหยิบมือถือมาไถ IG, Facebook ระหว่างทำงาน โดยกำหนดได้ว่า “เวลาทำงาน” (Work Time) จะอนุญาตให้ใช้แอปอะไรได้บ้าง “เวลาส่วนตัว” (Me Time) หรือช่วงพักผ่อน รีแล็กซ์ จะอนุญาตให้ใช้แอปอะไรได้ ทำให้เราจดจ่อ (โฟกัส) ในงานที่ทำ ไม่เผลอไปกดเข้าเกม ไถ IG Facebook ขณะทำงาน หรือตอนพักผ่อนก็ไม่เผลอกดไปเช็กอีเมล เป็นต้น ซึ่งเราสามารถเลือกออกจากโหมดโฟกัสได้เอง
ในภาพ โหมดโฟกัส จะเข้าได้เฉพาะแอปที่เรากำหนดไว้เท่านั้น แอปอื่นจะกลายเป็นสีเทา
คุยโทรศัพท์ได้ รับส่ง SMS ได้ ใช้ Facebook ได้ ดูนาฬิกา เล่นแอปที่กำหนดไว้ได้ แต่ไม่สามารถกดเข้าแอพที่ใช้ทำงานได้ (เพราะเราไม่ได้เลือกไว้) หรือในโหมดทำงาน เราก็จะเข้า Facebook ไม่ได้ เพราะเราจำกัดเอาไว้นั่นเอง
นอกจากนี้ สามารถเพิ่มช่วงเวลาพิเศษ เอาไว้ใช้ในตอนที่เราไปกินข้าวกับแฟนได้ด้วย เพื่อให้เราโฟกัสเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าเรา ไม่เผลอหยิบมือถือมากดแช็ตคุยกับเพื่อน
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 ฟังก์ชั่นบน One UI 2.0 บน Android 10 ที่ตอนนี้เริ่มทยอยอัพเดตให้กับผู้ใช้ Samsung Galaxy S10 Series และ Samsung Galaxy Note 10 Series ค่ะ
การอัพเดต ให้เข้าไปที่ Setting > Software Update เลือก Download & Install ดูว่ามีอัพเดตหรือยัง ขนาดไฟล์ประมาณ 2GB (แนะนำให้ใช้เน็ตบ้านดาวน์โหลด) หลังจากนี้ ต่อไปก็จะถึงคิว A Series และ M Series ที่ได้อัพเดต เริ่ม มกราคม 2563 เป็นต้นไป จากใจอุ้มเลย บอกได้เลยว่า อัพเสร็จแล้วรู้สึกว่าน่าใช้งานขึ้นเยอะเลยค่ะ