กลับมาจากญี่ปุ่นได้สองวัน เป็นทริปที่เดินขาลาก แต่สนุกมากกก อยากจะบันทึกการเดินทาง และทำ รีวิว Tokyo & Kawaguchiko แบบไปตามง่ายๆ ไว้ให้อ่านนะคะ จริงๆ เอาไว้เตือนความจำตัวเอง ในการไปญี่ปุ่นครั้งหน้าด้วยค่ะ จริงๆแล้ว อุ้มไปญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เที่ยวเองแบบเต็มๆเลย เดินไปเที่ยวทั้งหมด 6 วัน 5 คืน (19-26 ตุลา 59 แต่ได้เที่ยวจริงๆ 20-26 ตุลา) ไปติดตามกันได้เลยค่า
รูปเยอะมากๆ และแต่ละจุดจะมีพิกัด Google maps บอกนะคะ
Day1 [Lake Kawaguchiko]
• ถึงสนามบินนาริตะ Terminal 2 ให้เดินมาตามป้าย Railway หรือรูปโลโก้รถไฟนะคะ เมื่อเดินลงบันไดเลื่อนมา จะเจอ Counter ให้ไปซื้อตั๋วนั่ง NEX เข้ามาชินจูกุ หลับได้เลย เอาอาหารขึ้นไปกินได้นะคะ
• ถึงชินจูกุแล้ว ให้เดินมาทาง New South West Exit เพื่อขึ้นไปข้างบนก่อน จะได้ไม่งงนะคะ
• พอขึ้นมาแล้ว จะเจอกับ Locker ฝากกระเป๋า สามารถฝากได้ตรงนั้นเลย วันละ 600 เยน ใบใหญ่ก็ฝากได้ ค้างคืนได้สูงสุด 3 วัน
• ถ้าจะขึ้นรถบัสมา Kawaguchiko เดินออกมาทางออก New South West แล้วขึ้นมาชั้น 4 ได้เลย แต่เราไม่ได้จองรถมา ได้รอบบ่าย เลยเปลี่ยนใจไปรถไฟดีกว่า แนะนำว่าให้จองมาจากไทยเลยนะคะ ไม่งั้นรถเต็ม จะเป็นเหมือนอุ้ม
• ตัดสินใจไปซื้อข้าวกล่องหน้
• เดินเข้าไปซื้อตั๋วรถไฟ JR ที่ Tourist Information Center บอกเค้าว่าจะไป Kawaguchiko ซื้อแบบไม่ต้อง Reserved เก้าอี้ก็ได้นะคะ แต่ถ้ากลัวงง ก็ซื้อแบบจองที่นั่งไปเลย ง่ายดีค่ะ แต่แพงหน่อย คุณป้าจะแนะนำเราแบบละเอียดยิบ ซื้อตรงนี้จะได้ตั๋วไปถึง คาวาเลย ไม่ต้องซื้อเพิ่มแล้วนะคะ
• ไปลง Otsaki (1 ชม.) ต่อรถไฟป๋องแป๋ง เข้าไปที่ Lake (1 ชม.)
• ถึงคาวา รีบไปเอาแผนที่ และซื้อตั๋วรถ Retro Bus (2 วัน unlimited 1200 เยน)
• นั่งไปลงป้ายที่ 11 Ropeway ขึ้นไปดูวิว (800 เยน) พอลงจากรถบัส ให้หันหลังให้ทะเลสาบแล้วขึ้นบันไดมา ต่อคิวแป๊ปเดียว ก็จะได้ขึ้นมาชมวิวงามๆ ของ Kawaguchiko
• เชคอินที่พัก Weekend Shuffle ให้ลงป้าย 17 นะคะ เดินใกล้กว่า จริงๆ มันอยู่ระหว่างป้าย 17-18 เทปเป้ซังคือดีมาก ภาษาอังกฤษเป๊ะเว่อร์ คนไทยมาพักทั้งบ้านได้ บ้านสวยงาม ห้องนอนสบายสุดๆ เปิดหน้าต่างจากห้องเห็นฟูจิซังเลย [พิกัด https://goo.gl/maps/VtzJ1ypu52o ]
• เทปเป้ แนะนำให้ไปกิน Hoto Fudo อาหารท้องถิ่น [พิกัด https://goo.gl/maps/wNghqKiUYdR2 ] เดินไปประมาณ 500 เมตร Hoto คือเส้นทำเอง แบนๆ เหนียวๆ ในชามจะใส่ผักทุกอย่างที่ปลูกแถวนี้ ไม่มีเนื้อสัตว์ พร้อมมิโซะซุป เลยต้องสั่งเครื่องในตุ๋นมิ
• ตอนขากลับมา เดินมืดมากกก นึกว่าจะแย่แล้ว 555
• แช่มินิออนเซ็นที่ที่พักแบบ
• หลับแบบไม่รู้เรื่อง
Day2 [Kawaguchiko ~ Shinjuku]
• ตื่นเช้ามาพบว่าวันนี้ คุณเมฆกำลังจะปิดคุณฟูจิซัง
• ลงมาทานข้าวเช้า น้อยมากกก อันนี้ไม่ได้กินอะไรเลย หิวสุดๆ
• วิ่งข้ามถนน ไปถ่ายรูป ฟูจิซังแบบมีเมฆโอบไว้ สวยไปอีกแบบ
• เดินไป Music Forest ความเจ๋งสุดคือ การแสดง Automatic Organ บรรยากาศเหมือนอยู่ในบ้านยุ
• นั่ง Retro Bus กลับมาจองตั๋วรถบัสที่ป้าย 1 เจ้ารถ Retro Bus มันนั่งแบบสวนกันได้นะคะ ไม่ต้องวนจนครบรอบค่า
• กินข้าวแกงกระหรี่ ฝั่งตรงข้าม กับไอติมในสถานี อร่อยดี
• นั่งรถบัสเข้าเมืองมา 2 ชม เป๊ะ หลับไม่รู้เรื่องเลย มาถึงสถานีชินจูกุพอดี
• ไปเอากระเป๋า และซื้อบัตร Suica จากตู้เลย กดง่ายๆ ให้กดเปลี่ยนภาษาภาษาอังกฤษ แล้วเลือกที่ New Purchase เลือกเป็นแบบ 1000 เยนก็ได้ค่ะ (หักค่าบัตร 500 เยน) แล้วนั่งไปสถานี Higachi Shinjuku
• จองที่พัก Airbnb ของ Alex ไว้ เริ่ดอยู่ เป็นอพาร์ทเมนท์ 1 ห้อง มีทุกอย่าง อยู่ห่างจากชินจูกุ 1 สถานี ห่างสถานี Higachi Shinjuku 200 เมตร ออกทางออก 1 มีบันไดเลื่อนด้วย [ทางไปจอง https://th.airbnb.com/rooms/8695946 ]
• นั่งกลับไปกิน บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างชื่อ Rokkusen อร่อยเป็นบ้า เนื้อเบอร์ 2 คือนิ่มมากกกกกกกกก ละลายในปากทุกคำ มีซีฟู้ดด้วย ปูแกะ กุ้งแกะ หอยเชลล์ แอบ Walk in ตอน 4 โมง เลยไม่ต้องรอคิว [พิกัด https://goo.gl/maps/YMCYV8cBi4p]
• ตะลุยร้านแบรนด์เนมมือสอง ราคาขึ้นตามค่าเงิน เลยได้แต่เดินผ่านๆ
• เดินอยู่ใน Bic Camera นานอยู่ มันส์เบย แต่เคส iPhone 7 Plus น้อยจังงง
• จับตุ๊กตาได้ตัวใหญ่มาสามตั
• เหล้าบ๊วยปิดท้ายวัน หลงยันขากลับ 555
Day3 [ฮาราจูกุ ~ ชิบูย่า ~ อากิฮาบาร่า]
• ตื่นเช้ามานั่งใต้ดิน ไปขึ้นที่ Meiji-jingumae
• ไปกินราเมงเจ้าดัง Kyuhu Jangara Ramen ง่ายๆ เดินออกมาจากใต้ดินแล้วข้าม
• เดินย้อนกลับมาหลังสถานี จะเจอกับประตูไม้ใหญ่มากกกก
• กลับมาเดินถนน Harajuku & Takeshita มีตรอกนึงบันเทิงมาก ได้เห็นรองเท้ารุ่น Limited ทั้งหมดที่อยากเห็นเลย
• โดน Nike มาคู่นึง สีแปลกตาดี
• ไปต่อที่ชิบูย่า เดินเล่นอย่างมันส์ มี Apple Store / Atmos / Onitsuka Tiger / Tokyu Hand และอื่นๆอีกมากมาย
• วิ่งเอา 200 เยนสุดท้ายไปคีบชิโร่ ดันได้ ช็อตที่หมุนลงมาคีบตรงตัวกั
• กินร้านเด็ด Midori Sushi เด็ดมากจนรอคิว ชม ครึ่ง (พักขาพอดี) รอไปลุ้นไป เข้าไปปุ๊ป ติดใจมันปูเป็นบ้าาาาาาา กินคนเดียว 2 ถ้วยใหญ่ ซูชิสดมากกกก สั่งเซ็ตใหญ่ หมดไป ไม่ถึงสองพันบาท ผ่านๆๆ [พิกัด https://goo.gl/maps/BS35GrSMf3T2 ชั้น 4 ห้าง Shibuya Mark City]
• ไปเดินย่อยต่อที่ Akihabara บอกเลยว่าอยากมาที่สุดในทุก
• กลับบ้านนอน เริ่มไม่หลงแล้ว แต่พรุ่งนี้ย้ายที่นอน 555
Day4 [อาซากุซะ ~ Skytree ~ Ueno]
• ขนข้าวของมาอยู่ Ueno Touganeya [พิกัด https://goo.gl/maps/PEjWmXaPMHs] โรงแรมติดบันไดเลื่อน เดินออกมาจาก JR หรือ Metro แล้วจะขึ้นทางเชื่อมที่เหมื
• วันนี้ตั้งใจจะไปวัดเซนโซจิ
• เดินช้อปได้ตลอดทางจนถึงด้า
• ทำพิธีขอพร ตามธรรมเนียม
• และแล้วก็เจอมันปูเดือดที่อ
• นั่งใต้ดินสาย Ginza ไปลงที่ Skytree เดินเพลินๆ วนๆ มีหลายๆ ชั้น ทั้ง Pokemon Center / Kitty / Rilakkuma / และช้อปต่างๆ เก๋ไก๋ เดินเย็นๆ ได้ทั้งบ่าย
• ชิมข้าวหน้าปลาไหลเจ้าอร่อย
• กลับมาเดินเล่นที่ตลาด Ameyoko นี่ตอนแรกคิดว่ามันปิดเร็ว จริงๆสัก 2 ทุ่มก็ทยอยปิดแล้ว
• นั่งกินเหล้าบ๊วยที่ Isomaru Suisan สาขา Ueno
Day5 [Ginza ~ Shibuya ~ Ueno]
• ตื่นมาอยากซดอะไรร้อนๆ ตรงไปเที่ยวย่าน Ginza กันดีกว่า ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ที่ Ginza ตั้งแต่เช้าจรดเย็น
• กิน Ippudo Ramen ตรงสาขา Ginza อร่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ชอบมากๆ ทั้งราเมน ทั้งข้าว ทั้งชาชู เข้ามาร้านคนแรก แป๊ปเดียวร้านเต็มเลย [พิกัด https://goo.gl/maps/QWSJjsKJqGB2]
• เดินเล่นกันที่ตึกช้อปปิ้งต่างๆ เดินง่ายๆ ยาวทั้งบล๊อค
• Apple Store ที่นี่เป็นสาขาแรกที่อยู่นอ
• ไปทานขนมหวานร้านดังที่ Qui Fait Bon อร่อยดี ทานกับชาร้อนๆ ต้นตำรับ [พิกัด https://goo.gl/maps/ruT9nCmDQ8y]
• มีร้านขายของเล่น 4 ชั้น Hakuhinkan Toy Park มีทุกอย่างเลย เดินผ่าน GU และ Uniqlo มาเรื่อยๆ จนสุด อยู่ทางขวา เดินเพลินนน แนะนำให้มาดูของเล่นเลย ครบๆ [พิกัด https://goo.gl/maps/vVVzexoQrJk]
• ร้านขายกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ใบละ 1,500 บาท !!! จัดมาสิ
• ไปต่อที่ย่าน Shibuya วันนั้นยังเดินไม่มันส์ คราวนี้เลยเดินหมดทั้ง Adidas / Apple Store /
• ขึ้นไปถ่ายรูปที่ Starbucks ห้าแยก โดนฝรั่งแย่งที่นั่งริมหน้า
• เดินข้ามถนนไปมา 5 รอบได้ เพื่อถ่ายรูปกลาง 5 แยก
• กลับมาที่ Ueno กินซูชิหน้าล้นที่ร้าน Miuramisaki Kau เดินมาซอยที่ Uniqlo อยู่ทางขวา และร้านของเล่นอยู่ทางซ้าย ก็จะเจอร้านนี้อยู่ทางขวา เป็นอีกร้านที่อยากแนะนำ เพราะซูชิหน้าล้นมาก วิธีการสั่งคือ บอกตัวเลขให้เชฟ เชฟจะปั้นและยื่นมาให้ หรือว่าหยิบที่สายพานก็ได้ [พิกัด https://goo.gl/maps/PWCX6AuwiN42]
• ไม่เข้มข้น เราไม่นอน คืนสุดท้ายแล้ว ไม่อยากนอน เดินไปต่อที่ ดองกิโฮเต้ สาขา Ueno ไกลพอควร แต่เดินเย็นๆ คนญี่ปุ่นขี้เมาเป็นล้านเลย [พิกัด https://goo.gl/maps/7MeGTa4uTQo]
• ได้นาฬิกา Seiko มา 1 เรือน แถมกระเป๋า Anello เหลือใบละ 1000 บาท แม้เจ้า ไม่ได้ซื้อ 555 เพราะว่ากระเป๋าไม่ไหวละ
• เดินกลับมาดริ้งต่อที่ Isomaru Suisan อีกสาขาใน Ueno คืออิร้านมันปูเผา มี 5 ร้านใน Ueno เปิด 24 ชม. ดึกๆ บันไดเลื่อนปิดหมดละ
Day6 [ตลาด Ameyoko ~ ตึกม่วง ~ ไปนาริตะ ~ กลับบ้าน]
• วันสุดท้ายแล้ว TT เก็บกระเป๋ามา check out ที่ counter รู้สึก Panic มาก เพราะตุ๊กตา 8 ตัวอัดกันในกระเป๋า สรุปน้ำหนักยังไม่เกิน อารมณ์ดีละ ช้อปต่อ
• คุณป้าที่โรงแรม บอกทางไปขึ้น Keisei Skyliner เพื่อความชัวร์ เราจะซ้อมการเดินทาง โดยเดินไปจองตั๋วรถไฟก่อน กันพลาด คุณป้าบอกว่าเดินไปประมาณ 10-15 นาที [พิกัด https://goo.gl/maps/NPRW2vi1HMs]
• เอาละ ใครที่นอน Ueno Touganeya ฟังทางนี้ ไม่มีใครเคยบอกเราว่ามันไปท
• เดินขึ้นมาแว่บๆ ที่ Ueno Park ท่าจะไม่เข้าแนว ไปต่อดีกว่า 555
• ไปที่ตลาด Ameyoko ตอนกลางวันบ้าง มีพวกตลาดปลา ขายพวกข้าวหน้าต่างๆ คือราคาดีมาก และอร่อยมาก Uni งานดี ลองชิมไปเรื่อยๆ
• เดินไปตึกม่วงสุดฮิตคนไทย ได้ขนมกลับมานิดหน่อย ส่วนตัวชอบดองกิโฮเต้มากกว่
• ในที่สุดก็เจอ Sukiyaki !!! เดินหามาทั้งวัน อยากจะกินก่อนกลับมากกก ชื่อร้าน Kisoji อยู่ถนนเส้นเดียวกับตึกม่วง
• จัด Tag Heuer มาอย่างไม่คาดคิด ได้ราคามาดีมาก จนพี่ร้านนาฬิกาที่รู้จักยั
• วิ่งกลับมาที่ที่พักอย่างด่
• ยัดของ ขอยืมที่ชั่งคุณป้า และวิ่งออกไป เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่มีใครทำรีวิวขากลับ 555
• วิ่งขนกระเป๋า 2 ใบ อย่างหนัก ลากกกกกกกด้วยความไวสูง ตามทางที่เล่าไปข้างบน ถึงก่อนรถไฟออกแค่ 5 นาที โอเคเกือบตกรถไฟ หอบแฮกๆๆ
• Keisei Skyliner วิ่งไวมากกก แค่ 41 นาที ก็ถึง Narita Terminal 2 เลย
• อย่าลืมเอาของไว้บนรถเข็น รถเข็นที่นี่ Design ให้สามารถขึ้นบันไดเลื่อนธร
• ไป Check in ที่ Counter N แนะนำให้ Online Check in มา ไม่งั้นแถวยาวแน่ๆ
• เข้ามาซื้อขนมที่ด้านในเกต แย่งกับคนไทยเหมือนเดิม (ไม่เข้าใจ ทำไมต้องแย่งกันเนาะ555)
• กลับบ้านแล้วจ้า ราตรีสวัสดิ์โตเกียว หิวข้าววว แล้วจะมาหาใหม่น้า พาเด็กสัญชาติญี่ปุ่นกลับมาตั้ง 8 หน่อ
#มินิรีวิว การคีบตุ๊กตาที่ญี่ปุ่น มีทริคง่ายๆ ดังนี้
• พยายามเลือกตู้ที่ร้าน Taito Game Station จะคีบง่ายสุดนะคะ
• ตู้ที่เป็นแบบคีบตุ๊กตาเลย จะได้ไวสุด ถ้าเราจ่าย 500 เยน จะได้จับ 6 ครั้ง(แถม 1 ครั้ง)
• วิธีการคือพยายามเกี่ยวหู หรือเกี่ยวตรงก้นของตุ๊กตา เลือกพวกตัวกลมๆ จะจับได้ง่าย ที่ชินจูกุ จับได้ไวมาก แต่คนเยอะสุดๆ
• ถ้าอยากท้าทาย ลองตู้แบบแขวนห่วงตุ๊กตาไว้
• ถ้าเป็นแบบจับลงหลุม ให้เอาไม้คีบดันให้ตกลงไป หรือถ้าคิดว่าไม่ได้แน่ๆ ให้ไปเรียกพนักงานมาขยับได้
• ไม่จับตุ๊กตาที่เอาขาเกี่ยว
• ลองเริ่มจากพวกตัวที่อุ้มจั