ในงาน WWDC 2017 ที่ผ่านมา แอปเปิลได้เปิดตัวอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ format ใหม่ของภาพถ่ายและกล้องวิดีโอของ iOS 11 ที่ชื่อว่า HEIF (ภาพ) และ HEVC (วิดีโอ) ซึ่งจากเดิมจะเป็น format ที่เรารู้จักกันดีคือ JPEG (ภาพ) และ H.264 (วิดีโอ) โดยแอปเปิลบอกว่า format ใหม่ทั้ง HEIF และ HEVC จะช่วยลดการกินเนื้อที่ของภาพและวิดีโอถึง 50% เลยทีเดียว
ทำไมแอปเปิลต้องเปลี่ยนมาใช้ HEIF และ HEVC?
หลายปีที่ผ่านมา iOS ใช้ format การบีบอัดวิดีโอ H.264 และบีบอัดภาพโดย JPEG เพราะเป็น format ที่บีบอัดจาก raw เพื่อลดการกินเนื้อที่ลงแต่มีการสูญเสียน้อย อย่างไรก็ตาม ระยะหลังมานี้คุณภาพของกล้องได้พัฒนาขึ้นมากและมีจำนวนพิกเซลมากขึ้น การบีบอัดแบบดั้งเดิมก็ยังไม่เพียงพอกับผู้ใช้ (เมมเต็มอยู่ดี)
แอปเปิลจึงช่วยแก้ปัญหานี้โดยการเลือกใช้ format ใหม่คือ HEIF และ HEVC (ซึ่งมีเป็นมาตรฐานมาสักพักแล้ว แอปเปิลไม่ใช่คนคิดค้นนะครับ) โดยคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมของมันก็คือ คุณภาพของภาพถ่ายและวิดีโอดีเท่าเดิมแต่กินเนื้อที่น้อยลงกว่าครึ่งหนึ่ง และนั่นยังหมายความว่า มันยังสามารถถูกเอามาใช้ประโยชน์สำหรับทำ live stream ได้เป็นอย่างดีด้วย!
ผู้ใช้ได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
แน่นอนที่สุดคือ ไฟล์จาก camera กินเนื้อที่น้อยลงประมาณ 50% ซึ่งผู้ใช้ที่ลง iOS 11 Beta 1 สามารถเปลี่ยนไปใช้ได้เลยโดยไปที่ Settings > Camera > Formats ถ้าเราเลือกเอาตรงภายใต้โหมด “High Efficiency” ภาพและวิดีโอทุกอย่างจะเริ่มถูกเก็บเป็น HEIF และ HEVC แต่ถ้าเราเลือก “Most Compatible” มันก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมก่อนหน้านี้คือ JPEG และ H.264 (ตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าโหมด High Efficiency จะส่งต่อภาพและวิดีโอไปยังผู้อื่นและเขาจะยังเปิดดูได้)
ทาง 9to5Mac ได้ลองเปรียบเทียบทั้ง 2 โหมด โดยลองถ่ายภาพเมืองนิวยอร์กกลางคืน ผลคือ JPEG ได้ภาพขนาด 2 MB ในขณะที่ HEIF ได้ภาพขนาดแค่ 1.2 MB โดยที่ภาพไม่ได้สูญเสียคุณภาพลงเลย ส่วนวิดีโอ เมื่อถ่ายเป็น H.264 ได้ไฟล์ขนาด 61.2 MB ในขณะที่ HEVC (H.265) ได้ไฟล์ขนาด 33 MB
แค่นั้นยังไม่พอ แอปเปิลใช้ประโยชน์จากการบีบอัดใหม่นี้กับ FaceTime ด้วย ซึ่งมีประโยชน์มากขึ้นถ้าเกิดเหตุว่าอินเตอร์เนตที่เราเชื่อมต่อได้ความเร็วต่ำ แต่ภาพวิดีโอที่ได้ก็ยังมีคุณภาพ แถมคุณภาพดีกว่าเดิมด้วยเพราะมันสามารถเกลี่ยวิดีโอจากเดิมที่เห็นเป็นบล็อคเหลี่ยมๆ ก็เกลี่ยให้เรียบเนียนขึ้น! แต่อย่างไรก็ตาม FaceTime ด้วยโหมด format ใหม่จะรองรับ iPhone 6 ขึ้นไป และใช้ชิป A9 ขึ้นไปเท่านั้น
สำหรับตอนนี้แอปเปิลพยายามบอกนักพัฒนาแอพให้เขียนแอพรองรับ HEIF และ HEVC ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อจะได้ทัน iOS 11 ตัวเต็มออก และทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์ตรงนี้พร้อมๆ กัน