เทรนด์สุขภาพเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญประจำต้นปีแบบนี้นะคะ อุ้มเองก็อยากลดความอ้วน พูดแบบนี้มา 5 ปีแล้ว ผลปรากฏว่า อ้วนเอา อ้วนเอา สิ่งสำคัญนอกจากการออกกำลังกาย และการควบคุมอาหารแล้ว ถ้าเรามีอุปกรณ์ที่ดี ก็จะช่วยให้เราคำนวณความต้องการของร่างกายได้ดีมากยิ่งขึ้น
สัมผัสแรก
ความรู้สึกแรกเมื่อได้จับเจ้า InBody Watch คือ เบามากกก คือเราก็จับ Smartwatch มาหลายรุ่นหลายแบบ แต่กับ InBody Watch ทำได้ดีเรื่องน้ำหนัก เมื่อเอามาใส่ที่ข้อมือ จะไม่รู้สึกว่ามีอะไรมารบกวน หรือทำให้รำคาญค่ะ
อุปกรณ์ภายในกล่อง จะมี InBody Watch และแท่นชาร์จ โดยแท่นชาร์จจะมีแถบแม่เหล็ก ทำให้ชาร์จได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ตอนจะชาร์จก็แค่เอาเสียบเข้ากับคอม หรือ Wall Charger
เริ่มต้นการใช้งาน โดยเอาสติกเกอร์รอบๆ นาฬิกา ทั้งด้านหน้าและด้านหลังออก และสวมบนข้อมือของเรา วิธีเปิดก็ง่ายๆ ค่ะ กดปุ่มด้านขวาไว้ประมาณ 3 วิ นาฬิกาก็จะเปิดขึ้นมา จอของ InBody Watch จะติดอัตโนมัติ เมื่อเรายกขึ้นมาดูเวลา หรือจะกดที่ปุ่มด้านขวา 1 ครั้งก็ได้เช่นเดียวกันค่ะ
เตรียมตัวใช้งาน
เจ้านาฬิกาตัวนี้ ชื่อ InBody Watch แปลให้เข้าใจง่ายๆ เองว่า ภายในร่างกาย แปลว่าถ้าเราใส่มันไว้ตลอดเวลา เราก็จะสามารถเห็น หรือวัดค่าต่างๆ ที่ตาของเรามองไม่เห็น แต่ก่อนจะเริ่มใช้งาน อุ้มแนะนำให้โหลดแอพ BodyKey ใน iPhone หรือมือถือ Android มาไว้ก่อนนะคะ
หลังจากนั้น ให้เปิดแอพ ลงทะเบียนบัญชีให้เรียบร้อย และกดเชื่อมต่อ เพื่อ sync แอพเข้ากับตัวนาฬิกา ครั้งแรกอาจจะใช้เวลาหน่อยนะคะ แต่พอใช้ครั้งต่อๆ ไป จะซิงค์ได้ไวขึ้นเยอะมาก
ทำอะไรได้บ้าง?
แน่นอนว่าได้มาแล้ว ก็ต้องใช้งานให้เต็มความสามารถมากที่สุด อุ้มขอมาอธิบายหลักการทำงานง่ายของ InBody Watch ว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง ดังนี้
1.วัดปริมาณไขมันในร่างกาย
ถ้าสังเกตดู เวลาไปเข้าฟิตเนส นอกจากเทรนเนอร์จะจดน้ำหนักอันโหดร้ายของเราแล้ว เค้ายังจด %ไขมัน ของเราไปด้วย เจ้า InBody Watch สามารถวัดองค์ประกอบของร่างกาย และคำนวณออกมาเป็น %ไขมันได้
วิธีการคือ ให้เราเลื่อนเมนูที่นาฬิกา จนไปถึงหน้า InBody Test และเลื่อนนิ้วไปข้างบน จะเริ่มทำการวัดได้ต่อเมื่อเราเอานิ้วโป้งและนิ้วชี้ แตะที่ขั้วไฟฟ้าด้านบนหน้าจอทั้งสองนิ้ว โดยเค้ามีคำแนะนำง่ายๆ ว่า
- แนะนำให้ทำการทดสอบในช่วงเช้าหลังตื่นนอน และเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
- อย่าเพิ่งดื่มน้ำก่อนการทดสอบ
- อยู่ในท่ายืนตรง และอยู่นิ่งๆ ก่อนเทสสักครู่
- ถ้าผิวแห้งเกินไป แนะนำให้ทาโลชั่นก่อนทำการทดสอบสักครู่
หลังจากทดสอบเสร็จเรียบร้อย ตัวนาฬิกา จะแสดง %ไขมันให้ได้เลย หรือหากต้องการทราบข้อมูลอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เช่น มวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน รวมไปถึงค่า BMI ก็รู้ได้ง่ายๆ เพียงแค่ sync InBody Watch กับแอพ BodyKey แล้วกดเชื่อมต่อหรือ connect ผ่านแอพก่อนทำขั้นตอนเดียวกับวิธีข้างต้น เพียงเท่านี้ก็ได้รู้ข้อมูลองค์ประกอบร่างกายของเราแล้วค่ะ แล้วความเจ๋งคือ เราสามารถกดดูคำอธิบายได้เลย ว่าที่นาฬิกาวัดค่าออกมา แปลว่าอะไร จะได้ทำตัวถูก
2.นับก้าว
อันนี้ก็ใช้ง่ายๆ แบบไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แค่ใส่นาฬิกาที่ข้อมือไว้ตลอดเวลา และเราสามารถเลื่อนที่หน้าจอนาฬิกา เพื่อดูว่าวันนี้เราเดินไปกี่ก้าว และปัดขึ้นเพื่อดูจำนวนก้าว และแคลอรี่ที่เผาผลาญ และยังเลื่อนดูได้อีก ว่า 7 วันที่ผ่านมา เดินไปแล้วกี่ก้าว แต่ถ้าอยากดูข้อมูลก้าวเดินย้อนหลังมากกว่านั้น ก็สามารถกดเข้าไปดูได้ที่แอพบอดี้คีย์ได้เลย
3.วัดการเต้นของหัวใจ และวัดความเครียด
อีกสิ่งหนึ่งที่ InBody Watch ทำได้ คือการวัดการเต้นของหัวใจ โดยจะวัดทั้งหมด 2 แบบคือ
- อัตราการเต้นของหัวใจต่อเนื่อง
- อัตราการเต้นของหัวใจรายชั่วโมง
วิธีการคือเลื่อนไปที่เมนู Heart Rate บนเมนูนาฬิกา เลื่อนขึ้นด้านบน 1 ครั้ง sensor จะทำการวัดการเต้นของหัวใจและแสดงผลภายใน 10 วินาที ถ้าเราไม่ได้ออกจากหน้านี้ ก็จะวัดการเต้นของหัวใจไปเรื่อยๆ ซึ่งสามารถวัดได้นานประมาณ 1 ชั่วโมง และฟังก์ชั่นอัตราการเต้นของหัวใจนี้ยังแสดงผลการเต้นของหัวใจย้อนหลังได้ถึง 7 วัน
เมื่อนำไป sync ข้อมูลกับแอพ BodyKey ตัวแอพจะพลอตกราฟ HR หรืออัตราการเต้นของหัวใจรายชั่วโมง ที่น่าสนใจกว่าคือ ถ้ากดที่ ความเครียด แอพจะพลอตกราฟความเครียดของเราได้อีกด้วย มันทำได้ยังไง
จริงๆ แล้ว อัตราการเต้นของหัวใจเรา ส่งผลต่อความเครียด วิธีการดูกราฟคือ ถ้าจุดอยู่บนแถบสีเขียวหรือสีเหลือง แปลว่าเรากำลังผ่อนคลาย และหากจุดอยู่บนสีเทาจะแสดงถึงความเครียด ฟังก์ชั่นนี้ก็จะช่วยเราให้หันมาดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้นค่ะ
4.คำนวน kcal จากการทานอาหาร
อันนี้เป็นอีกอันที่ดีมากๆ เพราะแค่เข้าไปที่รูปช้อนซ้อมตรงกลางแอพเลยค่ะ และบันทึกอาหารที่เราทานเข้าไป ที่สำคัญคือ มีภาษาไทย พิมพ์ผัดไทย คะน้าหมูกรอบ หรือสิ่งที่เราทานเข้าไปได้เลย ตัวแอพจะคำนวนแคลอรี่ที่เราทานเข้าไป
จุดสำคัญอีกอย่างคือ ให้เราดูตอนคำนวนองค์ประกอบร่างกาย ว่าปริมาณแคลอรี่ต่ำสุดที่ร่างกายต้องการเป็นเท่าไหร่ และต้องทานให้ได้ไม่ต่ำกว่านั้นด้วยนะคะ
นอกจากนี้ ยังมีการติดตามการนอน ว่าเรานอนหลับเต็มอิ่มขนาดไหนใน 1 คืน บอกได้ถึงคุณภาพการนอนหลับว่าหลับลึก หลับตื้นไปกี่ชั่วโมง หรือตื่นนอนบ่อยแค่ไหน
รวมทั้งการออกกำลังกาย ตามที่แอพดีไซน์ไว้ แค่ใส่ InBody Watch และออกกำลังกายตามในแอพให้ถูกต้อง อุ้มลองแล้วชอบเลย สนุกดี และช่วยนับการออกกำลังกายแต่ละท่าไปในตัวด้วย
สรุปผล
SmartWatch ที่ดีสำหรับอุ้ม จะต้องใช้งานได้ โดยไม่ต้องชาร์จบ่อยๆ โดย InBody Watch สามารถใช้งานได้ถึง 3-5 วัน และนอกจากด้านบนที่เล่าแล้ว ตัวนาฬิกาเอง ยังแสดงผลอื่นๆ เช่น เป็นนาฬิกาปลุก แสดงชื่อผู้โทรเข้าออก และแสดงการแจ้งเตือนต่างๆ จาก LINE Whatsapp หรือข้อความต่างๆได้อีกด้วย
ใครที่กำลังหานาฬิกา เพื่อใส่ออกกำลังกาย แถมยังสามารถวัดปริมาณไขมัน การเต้นของหัวใจ นับก้าว คำนวนแคลอรี่ได้ InBody Watch หนึ่งในอุปกรณ์ที่น่าสนใจจาก โปรแกรมควบคุมน้ำหนักบอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์ ยิ่งทำให้การออกกำลังกาย และความตั้งใจในการลดความอ้วนของเรา สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยสามารถซื้อ InBody Watch ได้ที่แอมเวย์นะคะ วันนี้อุ้มขอฝากไว้เท่านี้ ขอบคุณมากค่า