หลังจากที่ทาง Xiaomi บุกตลาดประเทศไทยแบบจริงๆจังๆ อุ้มค้นพบอย่างนึงเลยค่ะว่า “มือถือราคาดีขึ้นมาก” เป็นอีกแบรนด์นึงที่เข้ามาปรับฐานราคามือถือระดับกลางให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น และวันนี้อุ้มไม่พลาด ที่จะเอา Xiaomi Redmi Note 5 ที่ทุกคนรอคอย มาแนะนำให้รู้จักกันค่ะ
KEEP IT SIMPLE
ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล Redmi ยังคงสืบทอดมายัง Redmi Note 5 แต่ที่เปลี่ยนไปคือเรื่องของจอค่ะ เจ้าตัวนี้ จะมากับจอขนาดใหญ่ถึง 5.99 นิ้ว เป็นอัตราส่วน 18:9 ความคมชัดระดับ Full HD+ (2160×1080) ชัดเจน สวยงามเลยทีเดียว
และสิ่งนึงมี่ทำให้โดดเด้งออกมาจากมือถือ Mid Tier รุ่นอื่นๆที่อุ้มเตรียมทำรีวิว คงไม่พ้นสีฟ้าพาสเทล นี่ถ้าใครที่ชอบสีฟ้าแบบอุ้ม ต้องถูกชะตากับเจ้านี่แน่ๆค่ะ และใครที่กังวลว่า Redmi Note 5 จะมีติ่งรึเปล่า บอกได้เลยว่า ไม่มีนะคะ
อุ้มชอบสัมผัสของเจ้าตัวนี้ ตรงที่มันดู Premium กว่าราคา กล้องคู่หลังถูกวางเป็นแนวตั้ง มีที่สแกนลายนิ้วมืออยู่ตรงกลาง และโลโก้ Mi อยู่ด้านล่าง ส่วนด้านข้างจะมีที่ใส่ซิม รองรับการใช้งานสองซิมได้นะคะ ส่วนรูเสียบชาร์จ จะเป็น micro usb เหมือนเดิม
การเปลี่ยนเทรนด์ของมือถือ ทำให้จอใหญ่ๆ ถูกใส่ในบอดี้ที่มีขนาดเล็กลงได้ เวลาถืออยู่ในมือถือ ก็จะไม่รู้สึกว่ามันเทอะทะจนเกินไป สำหรับน้ำหนัก 181 กรัมของ Redmi Note 5 คงจะได้หนักไปที่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 4,000 mAh ใช้ได้ยาวๆทั้งวัน แบบไม่ต้องกลัวหมดเลยค่ะ
KEEP IT CLEAR
นึกกลับไปเมื่อหลายปีที่แล้ว กับมือถือราคา 6,990 บาท ตอนนั้นกล้องถ่ายรูปจะเป็นยังไงคะ คงจะออกเบลอๆ หน่อย ใส่ตัวเลขมาเยอะๆให้ตกใจ แต่ตอนนี้เทคโนโลยีตามทันราคาเรียบร้อย ด้วยราคานี้ แต่มีกล้องคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล + 5 ล้านพิกเซล
– กล้องความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พิกเซลขนาด 1.4μm รูรับแสง f/1.9
– กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พิกเซลขนาด 1.12μm รูรับแสง f/2.0
พอพูดถึงกล้องคู่ ก็จะมีคำถามตามมาว่า ทำหน้าชัดหลังเบลอได้มั้ยคะ? แน่นอนว่าเจ้ารุ่นนี้ ถูกออกแบบมาให้มีโหมด Portrait สามารถถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอได้แน่นอนค่ะ ต้องยกความดีความชอบให้ พิกเซลขนาด 1.4μm พร้อมรูรับแสงกว้างถึง f1.9 ทำให้ภาพสว่าง และสวยงามมากยิ่งขึ้น จะดีอย่างสเปครึเปล่า ไปชมรูปถ่ายจากกล้องของ Redmi Note 5 แบบไม่แต่งเติมอะไรเพิ่ม กันเลยดีกว่าค่ะ
ส่วนกล้องหน้า จะมากับความละเอียด 13 ล้านพิกเซล และยังมี Beautify 4.0 AI อัลกอริทึ่มที่ช่วยเราคิด เวลาถ่ายด้วยกล้องหน้า ปรับโหมดหน้าสวยใสเนียนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ถ้ายังไม่พอ ก็มี Selfie Light มาช่วยเวลาเราต้องการถ่าย Selfie ในเวลากลางคืนอีกด้วยนะคะ ไปชมตัวอย่างภาพกันนะคะ
KEEP IT COOL
อีก 1 คำถามว่า Redmi Note 5 จะเล่นเกมไหวมั้ย จริงๆ สเปคก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไรเลยนะคะ มากับชิปประมวลผล Snapdragon 636 ที่นำเทคโนโลยี Kyro ที่ปกติจะใส่ไว้ใน Snapdragon Series 8 เท่านั้น มาใส่ไว้ในรุ่นนี้
อุ้มได้ลองเล่น RoV และ PUBG เพื่อเป็นการเทสการเล่นเกมไปในตัว ผลปรากฏว่าสามารถเล่นได้สบายๆ ทั้งสองเกมค่ะ โดยเกม RoV จะวิ่งอยู่ที่ 29-30 fps และเกม PUBG จะใช้ Frame Rate ที่เป็น Medium ในการเล่นค่ะ เล่นอยู่เป็นชั่วโมง เครื่องก็ยังทำ Performance ได้ดีทีเดียว
เจ้า Redmi Note 5 จะถูกครอบด้วยระบบปฏิบัติการ MIUI 9 บน Android 8.1 หรือ Android O นั่นเอง รองรับการใช้งานภาษาไทยเต็มระบบ ทั้งเมนู และ Keyboard สามารถเปลี่ยนธีมได้ตามความต้องการ
ถ้าใครยังไม่เคยใช้ระบบ Gesture แบบใหม่บน Android O ก็จะบอกว่ามันใช้บน Redmi Note 5 ได้เลยโดยไม่ต้องไปอัพเดทอะไรให้ยุ่งยากนะคะ แค่เข้าไปที่ Settings > Full Screen Display > เปิด Full screen gestures เพียงเท่านี้ มือถือของเราก็จะเข้าสู่ยุค ไร้ปุ่มของจริงแล้วค่ะ
ส่วนคุณภาพเสียงและการรับชมวิดีโอ ก็ทำได้ดีกว่ามาตรฐานค่ะ สามารถดู YouTube ได้ที่ความละเอียด 1080p ถีงแม้จะมีลำโพงตัวเดียว แต่ให้เสียงที่ดังเลยนะคะ
KEEP IT YOURS
ตลาดมือถือระดับกลางที่ร้อนระอุ ตอนแรกที่อุ้มยังไม่ทราบราคา ดูจากสเปคและประสิทธิภาพของมันแล้ว ยังไงก็น่าจะแตะหมื่น พอทราบว่ารุ่นแรม 3GB ความจุ 32 GB ราคาเพียง 5,990 บาท และรุ่นแรม 4GB ความจุ 64 GB ราคาเพียง 6,990 บาท ก็แทบอยากจะบอกว่า ซื้อไปเถอะค่ะ ไม่ต้องคิดมาก 555
ความหงุดหงิดใจเดียวของอุ้มเลยคือ รูเสียบชาร์จที่ยังไม่เปลี่ยนมาเป็น USB C ทำให้อาจจะใช้ร่วมกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ ในนาทีนี้ยากนิดนึง กับน้ำหนักอาจจะเยอะไปหน่อยค่ะ
แต่ก็แลกมาด้วยแบตขนาดใหญ่ถึง 4,000 mAh ที่ยัดมาให้แบบจัดหนัก พร้อมกับคุณสมบัติที่ทัดเทียม หรือบางทีอาจจะเกินมือถือหลักหมื่นบางรุ่นในตลาดตอนนี้ เรียกได้ว่า Redmi Note 5 เป็นหนึ่งในรุ่นที่น่าจับตามองที่สุด ในงาน Thailand Mobile Expo นี้ หรือสามารถไปลองได้ที่ Authorized Mi Store ทุกสาขาค่ะ และสามารถสั่งซื้อออนไลน์ได้ทาง Lazada และ Shopee