เดินทางมาถึงปีที่ 8 ของการทำรีวิวมือถือของอุ้ม เริ่มรู้สึกว่าทุกอย่างมันเหมือนๆเดิมไปหมด จอเหมือนเดิม ขยายใหญ่ขึ้น ลดขอบลง มีติ่ง ความเหมือนเดิมทำให้ตลาดดูเนือยๆ และผู้นำด้านเทคโนโลยี กลับกลายมาเป็นของพี่จีน เริ่มจากการสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอได้ จนมาถึงการเอาติ่งออก และเอากล้องหน้าไปซ่อน วันนี้อุ้มอยู่กับ Vivo NEX S ที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงต่อจากนี้ก็ได้
POP UP Camera
ความตื่นเต้นของอุ้ม ไม่ได้อยู่ที่กล้องมันยืดได้หดได้ค่ะ แต่มันอยู่ที่จะยืดได้ไวทันใจมั้ย สรุปว่ามันจะทำได้ช้ากว่าการเปิดกล้องหน้าจากมือถืออื่นประมาณ 1 วิ ไม่ได้รู้สึกช้า หรือขัดกับธรรมชาติในการเปิดกล้องหน้าปกติ อุ้มได้ทดสอบกับแอพ Looks ที่สาวๆ ชอบใช้ถ่ายเซลฟี่กัน ก็ทำงานได้ดีค่ะ
อธิบายหลักการทำงานของกล้อง pop-up นิดนึง มันจะถูกวางอยู่ที่ด้านบนฝั่งซ้ายของตัวเครื่อง ถ้าดูผ่านๆ ก็ไม่รู้ว่ามันจะยืดออกมาได้ เมื่อเราเปิดเข้ากล้องหน้า กล้องก็จะยืดออกมาทันที พร้อมเสียง วึ๊งงง (ดูในคลิปนะคะ) เสียงคล้ายๆกับในหนังไฮเทคสมัยก่อน ใช้เวลาประมาณสองวิ ก็ยืดออกมาจนสุด
ตัวกล้องที่ยืดออกมาก็ดูแข็งแรงดีนะคะ ความละเอียดอยู่ที่ 8MP F/2.0 ด้านหลังของกล้องเขียนว่า Auto Lifting จริงๆอนาคตคงจะวางกล้องหลังไว้ตรงตำแหน่งนี้ได้ด้วยละ อุ้มลองเอานิ้วกดๆ กล้องลง สรุปก็กดลงได้จ้า ทาง Vivo เค้าบอกว่ายืดขึ้น หดลงได้กว่า 50,000 ครั้ง ไม่ต้องกลัวพังนะจ๊ะนายจ๋า
Zero Screen Display
นี่คือจุดประสงค์หลัก ที่ทำให้กล้องของ NEX ยืดได้ หดได้ แทนที่จะเป็นติ่งด้านบน ให้คนบ่นกัน หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.59 นิ้ว มันใหญ่อลังการ ตีเป็น 86% Screen to body ratio มีความละเอียดประมาณ 388 ppi
ชื่อ Zero Screen Display ไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะไม่มีกล้องหน้า และไม่มีที่สแกนลายนิ้วมือนั่นเองค่ะ ถามว่าเราจะสแกนที่ไหน ก็สแกนบนจอเหมือนที่อุ้มเคยเล่าไปใน Vivo X21 ที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำงานได้ดี อาจจะมีหลุดบ้างเล็กน้อย หากเรามือเปียกหรือมีเหงื่อ
แน่นอนการใช้งานหน้าจอที่ไม่มีสักปุ่ม ก็ถูกดีไซน์ Software มาให้ไร้ปุ่มด้วย โดยจะมากับ Android 8.1 และครอบด้วย Funtuch OS 4.0 อีกทีนึง เวลาใช้งาน เช่นการกลับหน้า Home ก็ให้ ลากนิ้วจากด้านล่างตรงกลางขึ้นมาเบาๆ หรือจะเปิดดูแอพที่เปิดค้างไว้ ก็ลากขึ้นมาแล้วค้างไว้ที่กลางจอ ถ้าลากจากด้านซ้าย จะเป็น Control Center ส่วนด้านขวาจะเป็น Back นั่นเอง
FULL Experience
ความพิเศษมันเริ่มขึ้น เมื่อเราทดสอบใช้งานจริงค่ะ ตอนแรกเราก็คิดว่า แค่เอาติ่งออก ก็ไม่น่าจะต่างอะไรมาก แต่พอเอามาเปิดดูซีรีย์ หรือคลิปเกาหลีต่างๆ โอ้แม่เจ้า มันใหญ่กว่าเดิมแบบรู้สึกได้เลย และหลายคนถามมาเรื่องการดูคลิปผ่าน YouTube สรุปเราเปิดแบบเต็มจอสุดขอบได้เลยนะคะ
ส่วนการเล่นเกม ทดสอบกับการเล่น RoV สามารถเปิด High Frame Rate และวิ่งอยู่ที่ 60 FPS เล่นได้สมูธดีค่ะ จอใหญ่สุดขอบเช่นเดียวกับการดูคลิปต่างๆ เชื่อเลยว่าคนที่ชอบเล่นเกมมือถือจอใหญ่ๆ ต้องฟินมากๆแน่นอน ความลื่นนี้ได้มาจาก Chipset Snapdragon 845 แรม 8GB เหมือนที่บอกแต่แรกค่ะ ว่าพี่จีนมาแรงจริงๆ นี่อุ้มก็รอ Oppo Find X ที่สั่งมาเหมือนกัน ว่าจะแรงสูสีกันมั้ย
Vivo เอง ได้มีการร่วมมือกับ dtsX ใส่ 7.1-channel 3D audio และเทคโนโลยี Vivo Hi-Fi V1 System เมื่อใช้งานผ่านหูฟัง ส่วนคุณภาพเสียงจากลำโพง ถือว่าทำได้ดีเลยค่ะ ดังเลยทีเดียว
สำหรับเรื่องกล้อง จะมากับกล้องหลัง 2 ตัว ตัวแรกใช้เซนเซอร์ Sony IMX363 ขนาด 1.4μm ความละเอียด 12MP f/1.8 กันสั่น OIS 4 แกน ส่วนอีกตัวความละเอียด 5MP f/2.4 มีโหมดหน้าชัดหลังเบลอ และใช้ AR Stickers ได้ ส่วนคุณภาพของภาพ ลองตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยตัวอย่างภาพเลยนะคะ
SUMMARY
ถ้าถามว่าไม่ชอบอะไร คงจะเป็น ขนาดและน้ำหนักค่ะ แต่ชีวิตก็ต้องแลกเนาะ จอใหญ่ขนาดนี้ แบตใหญ่ 4,000 mAh มาพร้อมการชาร์จด่วน น้ำหนักตัวเลยปาไปถึง 199 กรัม เลยทีเดียว พอมันหนัก ก็จะเริ่มรู้สึกว่าถือยาก มือเดียวนี่ลำบากเลย การใช้งานก็เลยจะต้องเป็นแบบสองมือซะส่วนใหญ่
ส่วนสีแดง ก็แด๊งแดง จีนมาเลยด้วยโลโก้ NEX ด้านหลัง เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าจีนสมัยก่อน 555 ต้องขอบคุณที่เดี๋ยวนี้ แบรนด์ต่างๆติดกันรอยมาให้ ทั้งด้านหน้า และด้านหลังเลย ไม่ต้องมานั่งหาฟิล์มให้วุ่นวาย
โดยรวมถือว่าเป็นอีกหนึ่งเรือธง ที่ใครชอบนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ควรพลาด แต่จะเข้าไทยรึเปล่า ต้องคอยติดตามกันนะคะ วันนี้อุ้มขอฝากไว้เท่านี้ ขอบคุณมากค่า