เมื่อสามปีที่แล้ว เราเคยตื่นเต้นกับขนาดของหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นของ iPhone …  สองปีที่แล้วเราได้รู้จักกับ 3D Touch และปีที่แล้ว เทรนด์รอยบากด้านบนก็มา … iPhone XS Max เลยเป็นการรวมเอาทุกสิ่งอย่างที่ Apple เคยแนะนำเราไปแล้วมารวมกัน กลายเป็นสมาร์ทโฟนตัวใหม่ล่าสุดจาก Apple ในตอนนี้ อุ้มจะมาไปค่อยๆทำความรู้จักกันเลยนะคะ

D A Y 1

ขอพื้นที่ตรงนี้ พูดถึงเรื่องการซื้อ iPhone ในวันแรกของแต่ละปีนิดนึงค่ะ กว่าจะได้มาเป็น Day 1 ไม่มีง่ายสักปีเลย ปีนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ ผ่านการลุ้นระทึกหลายๆอย่าง และเนื่องจากเป็น Day 1 อุ้มเลยยังขอไม่ลงรายละเอียดมากนักนะคะ เอาเป็นการจับลองเล่นแบบผิวเผินไปด้วยกันก่อนเนาะ

 

M A X

จริงๆอุ้มค่อนข้างจะหงุดหงิดกับชื่อ MAX มาก จะ Plus ก็ไม่ Plus จะ Pro ก็ยังดี นี่อะไร iPhone XS Max … แต่ก็เอาเถอะค่ะ อย่าคาดหวังอะไรมาก แล้วจะสบายใจ 555

 

ความ MAX ของ iPhone XS Max ไม่ใช่ตัวนะคะ แต่เป็นจอ อธิบายแบบเห็นภาพที่สุด คือเหมือนเราถือ iPhone 8 Plus ที่เอาจอ iPhone X มาขยายให้เต็ม เก็บรอยบากไว้เท่าเดิม บู้มมม กลายร่างเป็น iPhone XS Max แล้ว

หน้าจอขนาดขนาด 6.5 นิ้ว ก็อัพไซต์จาก iPhone X จอ 5.8 นิ้ว ที่กลายเป็น Limited Edition ไปแล้ว ความคมชัดใกล้เคียงเดิม ในหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เทคโนโลยีที่บอกบนเวทีหลายๆอย่าง ถ้าเอามากางดูแล้ว คือเค้าก็ใส่มาให้ตั้งแต่ iPhone X แล้วละ ยกตัวอย่างเช่น

– Dolby Vision/HDR10 compliant

– Wide color gamut display

– 3D Touch display

– True-tone display

– 120 Hz touch-sensing

ที่เพิ่มขึ้นมาจริงๆ คือสีทองของตัวเครื่อง ซึ่งอุ้มชอบนะ ทองแบบถือสบายๆ ทั้งชายและหญิง วัสดุด้านหลังเป็นกระจก เหมือนจะรอยนิ้วมือลดลง แต่เปล่าหรอกค่ะ สีมันหลอกตามมากกว่า อีกเรื่องที่ให้มาเพิ่ม คือการกันน้ำ จากเดิม IP67 ก็ขยับเป็น IP68 ลงน้ำได้ลึกขึ้นอีกหน่อย

อีกอย่างที่เพิ่มมา คือน้ำหนักนั่นเอง บอกแล้วว่านี่คือร่าง iPhone 8 Plus หนักสองร้อยนิดๆ จากเดิม 174 กรัมนั่นเอง และถ้าเทียบกับเพื่อนร่วมเรือธง เช่น P20 Pro อันนี้ขนาดใกล้เคียงกันมากแต่จอ iXS Max ใหญ่กว่า ส่วน Note 9 ของเรา ตัวเครื่องยาวกว่า จอใกล้เคียงกันมาก

 

B O K E H

นอกจากจอใหญ่ๆ แล้ว สิ่งที่ชอบกว่ารุ่นก่อนๆ คือการทำโบเก้นั่นเองค่ะ คืออันนี้จะเล่าให้ฟังใน Full Review อีกทีนึง เพราะต้องไปลองถ่ายเยอะๆก่อน แต่เท่าที่ลองคือ กล้องหลังตัวใหม่ (หรือ Software ไม่รู้) สามารถแยก Layer ของภาพได้ดีมากขึ้น และสามารถปรับโบเก้ได้ตามต้องการอีกด้วย

อุ้มลองไปหน่อยๆ ภาพมีมิติกว่า iPhone X และ Note 9 แต่ยังชอบภาพหน้าชัดหลังเบลอจาก P20 Pro มากกว่าอยู่ดี 555 ส่วนการถ่ายกล้องหน้า ขอบอกว่า Apple หัดใส่ Beauty แบบเบาๆ มาให้ด้วยนะคะ ถ้าถ่ายเทียบกับ iPhone X จะรู้เลยว่า iXS Max ถ่ายได้หน้าเนียนขึ้นเยอะ

แต่ๆๆ เอาปัญหาก่อน ข้อแรกคือ การถ่ายโบเก้ยังฉลาดไปสุด เช่นหน้าชัด หัวเบลอ หรือ ถ่ายมินเนี่ยนใส่มงกุฏ แต่มงกุฏละลายไปกับฉากหลังเลย คิดว่าอยู่ในระหว่างการพัฒนาอยู่ ส่วนกล้องหน้า ก็ซูมจัง เมื่อไหร่จะถอยไปกว้างๆ เหมือนค่ายอื่นเค้าบ้างเน้อ

 

I O S 1 2

กลายเป็น iOS ที่ได้รับคำชม มากกว่าคำต่อว่า เพราะทำให้หลายๆเครื่องที่อืดแล้ว กลับกลายมาไวมากยิ่งขึ้น และ iOS 12 ก็ทำให้คนที่กำลังจะเปลี่ยนจาก iPhone X ต้องถอยไปคิดก่อน เพราะเครื่องกลับมาเร็วแล้วหลังจากอัพไป

แน่นอนค่ะ มันออกแบบมาใช้กับชิปเซ็ต A12 Bionic ทำงานร่วมกันได้ลื่น เร็ว แรง คะแนนดีมาก ตอบโจทย์คนอยากได้เครื่องแบบลื่นปรื๊ด และใส่แบตมาให้ 3174 mAh จากเดิมมีอยู่สองพันปลายๆ ไว้อุ้มจะลองเทสหลายๆเกมอีกทีนะคะ

 

S U M M A R Y

ขอจบการรีวิวแบบ DAY1 ไปเท่านี้นะคะ ชอบความรู้สึกเวลาดูคลิป BNK48 บนหน้าจอ 6.5 นิ้ว ของ iXS Max สุดๆ นอกจากภาพจะดีแล้ว เสียงก็เป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจของอุ้มค่ะ ลำโพงสเตอริโอครั้งนี้ทำมาดี ดีกว่าบน iPhone X อีก

นี่ก็นั่งดู เลือดข้นคนจาง บน iXS Max ถ้าเทียบเรื่องเสียงกับ P20 Pro ฝั่ง iPhone ก็กินขาดจริงๆ ค่ะ ดูแล้วระทึกกว่าฟาก Huawei แยะเลย

มีอีกหลายอย่างที่ต้องลองเทส ไว้เจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ แล้วเดี๋ยวจะมาบอกว่า เจ้า iXS Max จะล้ม P20 Pro ที่อุ้มใช้มานาน จนคนทักได้หรือไม่ แล้วพบกันเร็วๆนี้ ฝันดีค่า

 

Comments

comments