เรือธงตัวสุดท้ายของปีนี้ ที่อุ้มจะเอามารีวิวให้ชมกัน คือ Huawei Mate 20 Pro นั่นเองค่ะ อย่างที่หลายๆท่านทราบกันว่า จริงๆแล้ว อุ้มแอบสนใจ Mate 20X มากกว่า แต่หลังจากที่เอา Mate 20 Pro มาลองใช้อยู่หลายวัน คงต้องใช้คำว่า “ถ้าเปิดใจ แล้วจะชอบความลงตัวของมันไปเอง” พร้อมแล้ว ก็ไปชมกันเลยค่า
DESIGN ที่ลงตัว
ครั้งแรกที่จับ สัมผัสได้ถึงความบางมากๆ ของตัวเครื่อง แต่ที่จริงแล้ว มันหนาประมาณ 8.6mm การดีไซน์แบบใหม่ของ Mate 20 Pro ทำให้รู้สึกว่าบางแต่ยังหยิบจับมันได้ง่าย ด้านหลังจะเป็นกระจกที่ถูกทำให้ผิวสัมผัสเป็นแบบป้องกันรอยนิ้วมือ แต่ยังคงความหรูหรา สวยงามไว้เหมือนเดิม
พอได้มาลองใช้จริง ก็รู้สึกแปลกใจในการใช้งานมือเดียว ที่ใช้งานได้ง่ายมากๆ ผสมผสานกับการจัดวางกล้องหลังทั้งสามตัวจาก LEICA ในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การจัดวางแบบนี้ ทำให้ตัวเครื่องดูสวยงามกว่าหลายๆรุ่นที่มีกล้องสามตัว
ส่วนหน้าจอ ถ้าใครชอบจอโค้งก็คือฟินเลย กับจอ AMOLED Display ขนาด 6.39 นิ้ว ความละเอียดประมาณ 538 ppi ตีเป็น 87.9% Screen to Body Ratio บอกเลยว่า จอสวยมากกกกกกก ถ้าเทียบกับจอมือถือเรือธงทั้งหมดตอนนี้ อุ้มชอบจอ Mate 20 Pro มากสุด แบบทั้งสี ทั้งความชัด ทั้ง Contrast อันนี้คือลงตัวมากๆ
สำหรับการปลดล็อค ตัวนี้จะสามารถปลดล็อคได้ทั้งการสแกนหน้า 3D Face และการสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอ ซึ่งทำได้เร็วเว่อร์ทั้งสองอย่าง
การสแกนหน้า จะใช้ระบบ 3D Depth Sensing Camera ซึ่งจะจดจำใบหน้าของเราถึง 30,000 จุด ซึ่งอันนี้ทำให้ Mate 20 Pro มีความปลอดภัยมากกว่า Mate 20 และ Mate 20X ที่มีติ่งแบบหยดน้ำ อุ้มชอบตรงที่ เรายกมือถือขึ้นมา ก็สแกนหน้าเข้าไปได้เลย ไวมากกกกกกก หรือจะสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอ ก็ทำได้ดีเช่นเดียวกัน
LEICA TRIPLE CAMERA ที่โคตรลงตัว
โอ๊ยยย อันนี้คือเซ็งตัวเองมากมาย คือตอนแรกตัดสินใจว่าจะไม่เปลี่ยนมาเป็น Mate 20 Pro แล้ว แต่พอมาเทสกล้องแบบเต็มๆ ต้องยอมซูฮกให้กล้องสามจาก LEICA จริงๆค่ะ เพราะนี่คือความสมบูรณ์แบบของกล้องมือถือ ที่หาได้จริงในปี 2018 นี้
ประกอบไปด้วยเลนส์ RGB 40MP อันนี้จะเป็นกล้องหลักที่ใช้ถ่ายทั่วไปนะคะ ตามมาด้วยเลนส์ Telephoto 8MP ใช้สำหรับถ่ายระยะไกล อันนี้เจ๋งมากกก และเลนส์ตัวใหม่คือ LEICA Ultra Wide Angle 20MP เอาไว้ถ่ายภาพมุมกว้าง ที่ทำให้เราเก็บรายละเอียดของภาพได้มากยิ่งขึ้น อุ้มขอยกตัวอย่างภาพที่ถ่ายจาก Mate 20 Pro จากทั้งสามเลนส์ โดยถ่ายจากตำแหน่งเดียวกัน จะได้ประมาณนี้ค่ะ
1X
ระยะนี้ จะเป็นระยะปกติที่ใช้ในการถ่ายนะคะ คุณภาพระดับ 40 ล้านพิกเซลนี่คับจอมากๆ แถมยังปรับแต่ง Mood & Tone เป็นสไตล์ Leica ได้อีกด้วย
5X
ภาพที่ได้แบบซูมซูม ซึ่งปกติจะซูมแล้วก็แตก หรือซูมได้แค่ 2 เท่า แต่อันนี้ 5 เท่าจ้าาา แถมยังชัดแบบชัดมากกก เพราะมี OIS ด้วยที่เลนส์นี้ เออ ยอมอะ
0.6X
ความกว้างแบบนี้ เหมาะกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ หรือระยะที่เราถอยหลังไม่ได้ แต่ต้องการเก็บรายละเอียดของภาพที่มากกว่า และทำได้ดีตรงที่ สามารถปรับความสว่างได้ด้วย ซึ่งจริงๆแล้ว ยังถ่ายภาพที่ระยะมาโคร ห่างจากวัตถุเพียง 2.5 ซม.
นอกจากการปรับระยะได้แล้ว ยังมี AI-Painting แยกแยะ Situation ได้ถึง 25 โหมด มีไปถึงโหมดถ่ายแพนด้าแล้วอะ 555 ส่วนการถ่ายภาพแบบ Night Mode ก็ทำได้ดีมาก เหมือนใน P20 Pro และไม่ใช่แค่สว่างขึ้น เพราะยังปรับ Contrast ได้ด้วย ไปชมตัวอย่างภาพจากอุ้มกันเลยดีกว่าค่ะ
[1X]
[5X]
[Normal Mode]
[Night Mode]
[Normal Mode]
[Night Mode]
[Aperture Mode]
[Portrait Mode]
[Front Camera]
KIRIN 980 ก็ไม่เลว
เจ้า Mate 20 Pro จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Kirin 980 ขนาด 7nm จากการเล่น Ragnarok Mobile และหลายๆเกมของอุ้ม เอาจริงๆ ก็ไม่เลวนะ และยังช่วยเรื่องกประหยัดพลังงานอีกด้วย
ตั้งแต่ลองมา ยังไม่เห็นมันกระตุกหรือช้าแต่อย่างใด และการระบายความร้อนที่ดีขึ้น เหมาะกับการเล่นเกมมากกว่าเดิม เพราะนอกจากจอจะสวยแล้ว ยังมาพร้อมกับแบตก้อนใหญ่ถึง 4,200 mAh เปิดบอทกันยาวไป ยาวไป
ที่สำคัญคือ เทคโนโลยี Huawei SuperCharge ชาร์จไวมากกก แบบ 30 นาที ชาร์จได้ถึง 70% เลยทีเดียว และยังมีนำ้ใจ กลายร่างเป็นที่ชาร์จให้กับเครื่องอื่นๆได้อีกด้วย
BOTTOM LINE
ถ้าเปิดใจ ก็จะได้เจอกับอะไรที่แตกต่าง แต่ถ้าถามว่ายังมีอะไรไม่ถูกจริตอุ้ม ก็คงเป็นเรื่องของ EMUI 9.0 ที่ยังให้ความรู้สึกไม่จี๊ดเท่าไหร่ และจอโค้งที่อาจจะทำให้เสียพื้นที่ด้านข้างจอไปบ้าง เวลาใช้งานจริง
แต่เรื่องกล้องต้องยกให้เค้า ทำได้ดีจนแบบ เออ ยอมเหอะ ไม่ต้องทำเทียบเรื่องกล้องกับค่ายอื่นหรอก 555 กล้องหน้านอกจากจะทำ Face ID สแกนใบหน้าได้แล้ว ยังสามารถใช้ถ่ายภาพ และทำ AI LIVE ได้ ซึ่งตรงนี้ในอนาคต อาจจะเป็นความสนุกแบบใหม่ที่จะมาถึงก็ได้เช่นกัน
ส่วนการปลดล็อคที่ล้ำๆ และรวดเร็ว จนอาจจะเร็วกว่าแบรนด์อื่นๆ ก็น่าจะสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน ทั้งการปลดล็อคบนหน้าจอ รวมถึงการสแกนใบหน้าอีกด้วย
อุ้มชอบการก้าวกระโดดของ Huawei นะ จากไม่กี่ปีก่อน ที่ใครๆก็มองว่าเป็นแค่แบรนด์จากจีนอีกแบรนด์นึง แต่วันนี้ เค้ากลับกลายเป็น Key Player สำคัญในตลาดสมาร์ทโฟนโลก และความถนัดในการเอานวัตกรรมใหม่ๆ จากทั้งของตัวเอง และของคนอื่นมารวมกัน ทำให้มือถือเรือธงจาก Huawei โดยเฉพาะ Mate 20 Pro สร้างความลงตัวที่หาได้ยาก และเหมาะกับหลายๆคนแบบปฏิเสธไม่ได้ แต่ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับตัวเราค่ะ ชอบแบบไหน ซื้อแบบนั้น และใช้งานมันให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
ส่วนใครกังวลเรื่องจอเขียว ทาง Huawei เค้าคอนเฟิร์มมาว่า หากใครเจอเครื่องจอเขียวสามารถเปลี่ยนเครื่องได้เลยทันทีนะคะ ยังไงวันนี้อุ้มขอฝาก รีวิว Mate 20 Pro ไว้เท่านี้ แล้วพบกันใหม่เร็วๆนี้จ้าาา