10 ปีนี่ผ่านไปเร็วนะคะ ถ้านับตั้งแต่วันแรก ที่อุ้มรู้จักกับ S Series จนมาถึงวันนี้ ทาง Samsung เอง ก็มีการพัฒนาหลายๆอย่างมาอย่างต่อเนื่อง และก็อดไม่ได้ที่จะตั้งความหวัง พร้อมการรอคอย ว่าเจ้า Galaxy S10 จะมาสมกับความตั้งใจไว้หรือไม่
| FIRST TOUCH |
‘ความคาดหวัง’
ถึงจะมีข่าวหลุดมาออกมาเยอะแยะมากมาย แต่ตัวอุ้มเองยังรอคอยการเจอกันครั้งแรก กับเจ้า S10 Plus อยู่ไม่น้อย ความรู้สึกแรกของอุ้มเลยคือ “อ้ะ ไม่เลวนิหว่า” 555 อธิบายง่ายๆ อุ้มเหมือนเห็น S9 Plus ที่พัฒนาขึ้น มีความเหลี่ยมขึ้นเกือบเท่าตระกูล Note และน้ำหนักที่เบาขึ้นกว่าเดิมแบบรู้สึกได้
โดยรวม อุ้มค่อนข้างพอใจกับหน้าตาและรูปร่างของ Galaxy S10 Plus กว่าที่คิดค่ะ จับถนัดเพราะหนาเพียงแค่ 7.8mm และหนักเพียง 175 กรัมเท่านั้น เกือบลืมอีกสิ่งคือ ‘Blue Light Filter’ โดยเจ้าตัวนี้จะทำการตัดแสงสีฟ้ามาให้ตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว ถึงไม่เปิดโหมดนี้ ก็ลดแสงสีฟ้าไปได้แล้วถึง 42% ดีจุงงง
‘Infinity-O Display’
นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ทุกคนรอเห็นกับตา แต่สำหรับอุ้ม ยังมีเรื่องที่น่าว้าวกว่านี้อีก เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังกันต่อไปนะคะ สำหรับหน้าจอของ S10 Plus ในปีนี้จะเรียกว่า Dynamic AMOLED ความละเอียด 3040 x 1440 เป็น WQHD+ นอกจากหน้าจอจะคมชัดแล้ว ปีนี้มีทีเด็ดเพิ่มเติมตรงความเป็น Cinematic Display สามารถแสดงผลได้ล้านเฉดสี (ใน S9 จะแสดงผลได้แสนเฉดสี)
และยังรองรับการแสดงผลคอนเทนต์ HDR 10+ อีกด้วย ส่วนความแม่นยำของสีที่แสดงผลบน Galaxy S10 Plus ทาง Samsung เค้ามั่นใจว่า ปีนี้เจ้า S10 Plus มีความแม่นยำสูงที่สุด ในบรรดาสมาร์ทโฟนที่ออกมาในตลาดตอนนี้เลยทีเดียว (เค้าบอกว่าแม่นกว่า iPhone XS Max เด้อออ)
ความน่าสนใจอีกอย่างคือ กล้องหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้จอ จะรบกวนสายตาหรือไม่ คำตอบที่ตรงไปตรงมาที่สุดคือ “กวนบ้าง ไม่กวนบ้าง” มันจะกวนเมื่อเราดูคอนเทนต์ที่ต้องใช้งานมุมๆ และด้วยความที่ S10 Plus มีกล้องหน้ามาให้ถึง 2 ตัว เลยอาจจะมีขนาดใหญ่กว่าเพื่อนๆไปบ้าง (แต่เชื่อเถอะว่าคุ้ม! 555)
‘Ultrasonic Fingerprint Sensor’
ปรบมือให้ 3 ทีค่ะ นี่กลายเป็นสิ่งที่อุ้มว้าวมากๆ กับ S10 Plus การสแกนนิ้วเป็นปัญหาให้เรามาหลายปี ทั้งแบบเป็นแถบอยู่ด้านล่างจอ ก็ไม่สวยแต่สแกนถนัด พอย้ายไปอยู่ข้างหลัง กลับไม่ค่อยสะดวกอีก การสแกนนิ้วบนหน้าจอ เลยเป็นทางออกที่สวยงาม แต่ … เรามักจะสแกนได้ไม่ไวเท่าบนแถบด้านนอกหน้าจอ หรือบางทีก็สแกนติดบ้างไม่ติดบ้าง เพราะนั่นเป็นการใช้การสแกนแบบ Optical นั่นเอง
พอมาดูที่ Galaxy S10 & S10 Plus เราจะเจอการสแกนที่ใช้เทคโนโลยี Ultrasonic จาก QUALCOMM เป็นการใช้คลื่นเสียงเข้ามาช่วยสแกนแบบ 3D ทำให้เวลาใช้งานจริงๆ แม้มือเราจะมันจากการหยิบไก่ทอดกิน หรือจะล้างจานมาหมาดๆ หรือจะเอาน้ำหยดไว้เลย ก็ยังสแกนเข้าได้สบายๆ อุ้มลองแล้ว สะดวกจริงๆ เดี๋ยวไว้จะทำคลิปออกมาให้ดู ดีงามมาก
| FIRST CAPTURE |
ชุดกล้องของ Galaxy S10 Series มีเสน่ห์ที่น่าสนใจอยู่หลายอย่าง อุ้มชอบที่เค้ากลับมาคิดว่า จริงๆคนเรา ใช้กล้องมือถือถ่ายอะไรกันบ้าง และต้องการอะไรจริงๆบ้างกันแน่
‘ชอบถ่ายคน ชอบถ่ายวิวกว้างๆ’
ช่วงปลายปีที่แล้ว อุ้มชอบเอากล้องมือถือ ไปถ่าย Landscape และชอบพกไปเที่ยวด้วยค่ะ เกิดมาจากความขี้เกียจแบกกล้องไปไหนมาไหน ถึงคุณภาพภาพจะสู้ไม่ได้ แต่ความสะดวกนี่กินขาด บางที AI ก็ปรับแต่งภาพให้จบเลย อัพขึ้นโซเชียลได้ทันที
ตั้งแต่นั้นมาก็ตั้งปณิธานว่า ถ้าจะซื้อมือถือสักเครื่องนึง ยังไงต้องถ่าย UltraWide ได้ และ Galaxy S10 Plus จัดมาให้ถึง สามกล้องหลัง สองกล้องหน้า รวมเป็น 5 กล้อง (โอ้โห!) เลือกถ่ายกันเพลินๆ โดยกล้องหลังจะประกอบด้วย
- กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 123 องศา f/2.2
- กล้อง Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 77 องศา Dual Pixel และเป็น Dual Aperture 1.5-2.4 OIS
- กล้อง Tele ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล 2X Zoom f/2.4 มาพร้อม OIS
ส่วนกล้องหน้า จะมีตัวหลัก ความละเอียด 10MP Dual Pixel AF พร้อมค่ารูรับแสง 1.9 และกล้องอีกตัวความละเอียด 8MP f/2.2 จริงๆเป็นกล้องที่เอาไว้ทำภาพชัดลึก ชัดตื้นนะคะ แต่ก็ได้ความ Wide เพิ่มเติมมาอีกนิดนึง
จากการทดสอบของอุ้มคือ S10 Plus & S10 ให้สีของกล้องหน้าไม่เหมือนกัน ส่วนตัวชอบสีของ S10 Plus มากกว่า จะดูอมแดงกว่านิดๆ แต่ต้องลองอีกที ความเก๋ไก๋อีกอย่างคือ เวลาเรายกมือให้กล้องถ่าย จะมีไฟนับถอยหลังขึ้นล้อมกล้องหน้าไว้ เก๋สุดดด
ยังมีลูกเล่นอื่นๆอีก ยกตัวอย่างเช่น Night Mode ที่ตัวเครื่องจะ Detect ความมืดด้วยตัวเอง แล้วทำการถ่ายภาพ 7 ภาพมาซ้อนกัน เพื่อดึงความสว่างออกมา หรือการถ่าย Live Focus ที่อุ้มว่าทำได้ดีขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะการทำ Live Focus กล้องหน้า แต่เรื่องคุณภาพภาพ อุ้มยังไม่สามารถตอบตรงนี้ได้นะคะ ขอเทสแบบเต็มๆก่อน แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีเด้อ
‘ชอบถ่าย แต่ถ่ายไม่เป็น’
อันนี้เป็นอีกสิ่งที่อุ้มชอบที่สุดของ S10 Series นี้ คือเราจะมีมือถือดีๆไปทำไม ในเมื่อเราถ่ายไม่เป็น 555 S10 ช่วยได้ค่ะ มันจะมากับโหมด Shot Suggestion เพียงแค่ตั้งกล้องถ่ายแบบปกติ ตัวเครื่องจะทำการประมวลผลจาก 100 ล้านรูป เพื่อให้เราจัด Compose ของภาพนั้นๆได้ดีมากขึ้น
เรียกง่ายๆว่า จะมีแถบสีเหลืองๆ แสดงขึ้นมา เราแค่ขยับเอาโฟกัสไปวางตำแหน่งเดียวกัน แค่นั้นก็จบแล้วค่ะ
‘ชอบถ่าย วิดีโอ’
จากเดิมที่หลายๆรุ่น มุ่งเน้นไปทางการถ่ายภาพ แต่ S10 Plus ขอออกจากกรอบ มาสนใจคอนเทนต์ที่เป็นวิดีโอ เริ่มจากเราสามารถ Live ผ่านกล้องหน้าด้วยความละเอียดแบบ 4K ได้เลย ถ้าเน็ตเราไหว และยังถ่ายวิดีโอกล้องหลังได้แบบ 4K 60fps + HDR10+
และยังดึงความสามารถของ Action Camera มาใส่ในโหมด Super Steady โดยจะเป็นการถ่ายวิดีโอแบบ Ultrawide และครอปเฉพาะตรงกลางที่มุมมองปกติแบบ 77 องศา ทำให้ได้วิดีโอที่นิ่งกว่า รวมทั้งยังถ่าย Super Slomo ได้นานขึ้นอีกด้วยนะคะ
| FIRST MOVE |
ได้เวลาขยับอีกครั้งสำหรับตระกูล S Series ไม่ใช่แค่เรื่องของหน้าตา ฟังก์ชั่น แต่เป็นความสะดวกสบายในการใช้งานในชีวิตจริงของเรา โดยจะสามารถเลือกรุ่นที่ต้องการได้ดังนี้
S10e หน้าจอ 5.8 นิ้ว แบต 3,100 mAh
มีสีขาว ดำ เหลือง วัสดุเป็น Prism สวยงาม [แต่ยังไม่เข้าไทย -*-]
S10 หน้าจอ 6.1 นิ้ว แบต 3,400 mAh
มีสีขาว ดำ วัสดุเป็น Prism
- แรม 6GB ความจุ 128GB
- แรม 8GB ความจุ 128GB
S10 Plus หน้าจอ 6.44 นิ้ว แบต 4,100 mAh
มีสีขาว ดำ เขียว วัสดุเป็น Prism
- แรม 6GB ความจุ 128GB
- แรม 8GB ความจุ 128GB
และ วัสดุเซรามิค มีสีขาว ดำ
- แรม 8GB ความจุ 512GB
- แรม 12GB ความจุ 1TB
เย๊อะแยะไปหมด ท่องกันไม่ไหว 555 ยังมีอีกสองสามอย่างที่อยากเล่าให้ฟัง (ยังไม่หมดอี๊กกก)
‘PowerShare’
ลูกเล่นคุ้นๆ เหมือนกับพี่หัวนั่นละค่า แต่พี่ซัมบอกว่า เค้าจ่ายไฟ 4.5 Watt น้า แต่พี่หัวจ่ายแค่ 2 Watt และของ S10 Plus เราสามารถเอาไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้ เช่น เดินทางไกลแต่ไม่อยากพกที่ชาร์จหลายอัน ก็เอา Galaxy Watch ชาร์จต่อบน S10 Plus ที่เสียบปลั๊กชาร์จอีกทีอยู่ได้
‘Bixby คนใหม่’
มีโหมดใหม่ชื่อ Routines นางจะมีประโยชน์ขึ้นเช่น ปกติเรานอนตอนเที่ยงคืน นางก็อาจจะคิดขึ้นมาได้ว่า ตอนห้าทุ่ม ควรจะเปิด Blue Light Filter นะ แล้วก็ตั้งนาฬิกาปลุกพรุ่งนี้ เปิดเพลงนี้ๆ ความเจ๋งคือสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ถึง Settings เลยทีเดียว
‘ชีวิตเพื่อเกม’
สำหรับ Galaxy S10 Series ในครั้งนี้ จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9820 และเค้าจับมือกับค่ายเกม Unity ที่มี Market Share ของเกมอยู่ถึง 40% แปลว่าเกมเหล่านี้ เมื่อมาเล่นบน Galaxy S10 จะไวกว่าชาวบ้านเค้าถึง 10%
แต่ข่าวดีที่สุดคือ ใน Galaxy S10 Plus จะมีระบบระบายความร้อน Vapor Chamber เหมือนบน ASUS ROG นั่นเอง (อันนี้เดาเองนะ อนาคตถ้าเทรนด์ Gaming Phone มา ตัว S นี่มีสิทธิไปในทางนั้นสูงมากๆเลย)
จบดีกว่าค่า ราคาไทย รอในเพจช่วงสายๆ เปิดตัวในไทย 25 ก.พ.62 และต้องนอนก่อน ราตรีสวัสดิ์ค่าทุกคนนน