ปัจจุบัน (มีนาคม 2563) สถานการณ์ “ไวรัสโคโรน่า” สายพันธุ์ใหม่ 2019 (Covid-19) มีการระบาดอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งก็มีข่าวออกมาว่า หากผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 เอามือไปสัมผัสเงินสด ที่เป็นธนบัตร หรือเหรียญ จะส่งผลให้ผู้สัมผัสเงินคนต่อๆ ไป มีความเสี่ยงติดเชื้อ Covid-19
อ้างอิงจาก ข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์ พฤติกรรมแบบนี้ “มีโอกาสติดเชื้อ” หากผู้ติดเชื้อไอ-จาม โดยเอามือป้องปากตัวเอง จากนั้นผู้ติดเชื้อก็เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบเงินขึ้นมา และส่งเงินนั้นให้กับคนอื่นๆ ในทันที ผู้รับเงินมีโอกาสติดเชื้อแน่นอน ซึ่งหากผู้ที่มีโอกาสแพร่เชื้อสวมหน้ากากอนามัย จะช่วยป้องกันตรงนี้ได้ และหลังหยิบจับธนบัตร – เหรียญ ควรหมั่นล้างมือ – พกเจลล้างมือติดตัวไว้ตลอดเวลา
โชคดีที่ตอนนี้เรากำลังเข้าสู่ยุค Cashless มีหลายบริการที่จ่ายเงินผ่านกระเป๋าสตางค์อีเล็คทรอนิคส์ หรือที่เราเรียกว่า e-Wallet แทนเงินสด ทำให้เราลดความเสี่ยงในการหยิบจับเงินสดลงไปได้ เช่น จ่ายผ่าน QR Code บนแอปธนาคาร และบริการ e-Payment ต่างๆ ที่เพื่อนๆ หลายคนก็เริ่มเคยชินกับการใช้จ่ายเงินผ่านแอป หรือแม้แต่ เอาเงินเข้าไปไว้บนแอป Starbucks แล้วจ่ายค่ากาแฟผ่านแอป โดยไม่ต้องหยิบจับเงินสดเลย เรามาเปลี่ยนพฤติกรรมจากการใช้เงินสด มาเป็นการจ่ายเงินแบบอีเล็คทรอนิคส์ เพื่อลดความเสี่ยงในการหยิบจับธนบัตร – เหรียญ กันดีกว่า
-
จ่ายผ่านแอปธนาคาร ด้วย QR-Code
เพื่อนๆ ที่มีบัญชีเงินฝากในธนาคารไหน สามารถสมัครบริการ Mobile Banking ของธนาคารนั้นๆ เพื่อใช้งาน “จ่ายเงินผ่าน QR-Code” บนแอปธนาคารที่เรามีเงินในบัญชีอยู่ วิธีนี้จะเป็นการหักเงินในบัญชีของเรา เพียงแค่ส่องกล้องมือถือสแกน QR-Code ของร้าน รายละเอียดการจ่ายเงินผ่าน QR-Code
เวลาจ่ายเงินตามร้าน ให้เพื่อนๆ มองหาป้ายแบบในภาพนี้ Thai QR Payment หรือดูป้ายของธนาคารม่วง เช่น แม่มณี, สีเขียว – กสิกรไทย ซึ่งหลักๆ จะมี QR Code ลักษณะนี้
2. จ่ายเงินผ่านบริการ PromptPay (พร้อมเพย์)
ร้านจะมีหมายเลขโทรศัพท์ ตั้งป้ายหรือติดผนัง ระบุไว้ให้เราโอนเงินผ่านบริการ PromptPay ได้เลย แบบนี้ไม่ต้องสแกน QR-Code แต่เป็นวิธีการโอนเงินออนไลน์ที่สะดวกมากๆ
3. จ่ายผ่านบริการชำระเงิน e-Payment / e-Wallet ของมือถือ
มือถือบางแบรนด์ เช่น Samsung มีบริการ Samsung Pay บริการจ่ายเงินผ่านมือถือสมาร์ทโฟน ใช้ได้กับร้านที่รองรับการชำระด้วยบัตรเครดิต โดยการผูกบัตรเครดิต แล้วนำมือถือไป “แตะ” กับเครื่องรูดบัตร ผ่านเทคโนโลยี Magnetic Secure Transmission (MST) และ Near Field Communication (NFC)
4. บริการ e-Wallet หรือกระเป๋าเงินออนไลน์
สามารถเติมเงินเข้าสู่กระเป๋าสตางค์ออนไลน์ เพื่อนำเงินสดมาใช้บนมือถือ เช่น TrueMoney Wallet, AirPay โดยสามารถเติมเงินเข้ากระเป๋า e-Wallet หรือผูกบัตรเครดิต หรือผูกแอปธนาคารเพื่อโอนเงิน หรือผูกบัญชีธนาคารแบบ Direct Debit เช่น Rabbit LINE Pay บริการเหล่านี้ ทำให้เราไม่ต้องพกเงินสด แต่จะต้องเติมเงินหรือเชื่อมต่อบัตรเครดิต – บัญชีธนาคารก่อนใช้งาน
วิธีเลี่ยงการออกจากบ้าน และเลี่ยงการใช้เงินสด
ช้อปออนไลน์
ช้อปออนไลน์ อยู่ที่บ้าน จ่ายเงินโดยโอนเงินผ่านแอปธนาคาร, ตัดบัตรเครดิต ตอนนี้ทุก SuperMarket มีบริการออนไลน์ครบแล้ว ทั้ง Tesco Lotus, Big C, Tops, HomeFreshMart, CP FreshMart, HappyFresh, Gourmet Market ฯลฯ ดังนั้นการช้อปออนไลน์ เป็นการลดความเสี่ยงในการไปพบปะเจอผู้คนในห้าง แถมไม่ต้องหิ้วของหนักกลับมาเองด้วย
ซื้อของผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ
ตอนนี้บางคอนโด บางตึกออฟฟิศ มีตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ โดยจ่ายผ่าน TrueMoney Wallet, BluePay, AirPay, จ่ายผ่าน QR Code ได้ เป็นอีกวิธีที่เลี่ยงการใช้เงินสด แต่ก็ควรล้างมือหลังกดตู้
แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ได้ใช้เงินสด เราก็แนะนำให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในที่คนพลุกพล่าน และตอนที่มีของออนไลน์มาส่ง และหมั่นล้างมืออย่างสม่ำเสมอ สุดท้ายแล้ว เราต้อง “ป้องกัน” ตัวเราเองจากไวรัส วิธีต่างๆ ในบทความนี้ เป็นเพียงการ “ลดความเสี่ยง” แต่อย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน
แผนกลยุทธ์ระบบการชำระเงิน ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 – 2564)