Apple เปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อ iPhone 12 โดยมี 4 รุ่น คือ iPhone 12, iPhone 12 mini, iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max ใช้ชิป A14 Bionic 5nm โดยเป็นรุ่นแรกของ iPhone ที่รองรับเครือข่าย 5G แบบ Millimeter Wave (mmWave) รองรับการดาวน์โหลดสูงสุด 4Gbps (บนเครือข่ายที่รองรับ) สามารถใช้งาน 5G ได้ 100 เครือข่าย ใน 30 ภูมิภาค ข้อดีคือมี Smart data mode ที่จะใช้ 4G ตอนที่เราไม่ต้องการใช้ความเร็วสูง เพื่อประหยัดแบตเตอรี่ เพราะ 5G เปลืองแบตมากกว่า

เฉลยแล้ว คำว่า Hi-Speed คือ 5G นั่นเอง จุดเด่นของ 5G บน iPhone คือความเร็วในการดาวน์โหลดและอัพโหลดที่สูงขึ้น การสตรีมวิดีโอที่มีคุณภาพสูงยิ่งขึ้น การเล่นเกมที่ลื่นไหลยิ่งขึ้น การโต้ตอบภายในแอพที่รวดเร็วทันใจ จนถึงการโทร FaceTime® ความละเอียดสูง และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย จนไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับฮอตสปอต Wi-Fi สาธารณะบ่อยๆ อีกต่อไป อันนี้เวลาเราอยากโหลดไฟล์ใหญ่ๆ เรามักจะหา Wi-Fi พอมี 5G ก็ไม่ต้องพึ่ง Wi-Fi แรงๆ แล้ว

iPhone 12 & iPhone 12miniiPhone 12 และ iPhone 12 mini จำหน่ายในรุ่นความจุ 64GB, 128GB และ 256GB ในสีน้ำเงิน, เขียว, ดำ, ขาว และ (PRODUCT)RED
iphone 12 mini iphone 12

เริ่มต้น 64GB

iphone 12

การออกแบบด้านข้าง iPhone 12 แวบแรกนึกถึง iPhone 4 ทันทีเลย ใช้ชิป A14 Bionic เป็น CPU 6 คอร์ และ GPU 4 คอร์ หน้าจอเซรามิก (ceramic-hardened display) หน้าจอรองรับ HDR ความสว่าง 1200 nits รองรับ Dolby Vision, HLG และ HDR 10 กล้องคู่ 2 เลนส์ (Dual camera) รองรับการถ่ายภาพ Ultrawide 120 องศา f/1.6 มาพร้อม Night mode time-lapse การชาร์จแบตเตอรี่ ใช้พอร์ต Lightning รองรับการชาร์จไร้สาย รองรับ MagSafe for iPhone ในกล่องไม่มีหูฟังและไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จไฟให้

iphone 12 mini vs iphone se

iPhone 12 mini ได้เครื่องขนาดเล็กกว่า แต่ได้จอใหญ่กว่า iPhone SE คือเป็นจอขนาด 5.4 นิ้ว รองรับการถ่ายวีดีโอ 4K 60fps กันน้ำ IP68 (ซ้าย iPhone 12 mini ขวา iPhone SE (2020) จะเห็นว่าตัวเครื่องเล็กลง ได้จอใหญ่ขึ้น) ส่วน iPhone 12 จอ 6.1 นิ้ว

ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceramic Shield เหนือชั้นกว่ากระจกทั่วไป เพราะมีการผสมผลึกนาโนเซรามิกลงในแมทริกซ์ของกระจกโดยใช้ขั้นตอนการตกผลึกที่อุณหภูมิสูง ซึ่งช่วยเพิ่มความทนทานต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้นถึง 4 เท่า

ทนน้ำที่ระดับความลึกไม่เกิน 6 เมตร ภายในระยะเวลาสูงสุด 30 นาที (IP68)

iPhone 12 มาพร้อมกล้องตัวแรกที่สามารถถ่ายวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision และยังเป็นอุปกรณ์แรกและอุปกรณ์เดียวในโลกที่สามารถมอบประสบการณ์แบบ Dolby Vision ให้คุณตั้งแต่ต้นจบจบ โดยการให้คุณถ่าย ตัดต่อ และแชร์วิดีโอระดับโรงภาพยนตร์บน iPhone ได้เลยแบบง่ายๆ นอกจากนี้ยังมีการปรับโทนสีแบบ Dolby Vision แบบสดๆ อย่างต่อเนื่องขณะตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นในแอพรูปภาพหรือ iMovie

ทั้งสองรุ่นยังมีระบบป้องกันภาพวิดีโอสั่นไหวในคุณภาพระดับภาพยนตร์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ วิดีโอเซลฟี่ที่สมจริงยิ่งกว่าเดิมด้วย Dolby Vision แล้วยังมีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืนที่เปิดรับแสงได้นานขึ้น จึงสามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น สร้างเส้นแสงได้สวยขึ้น และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เนียนขึ้นด้วย (เมื่อใช้ขาตั้ง)

ราคาเปิดตัว iPhone 12 mini: $699 ประมาณ 22,000 บาท ส่วน iPhone 12 เริ่มต้น $799 ประมาณ 25,000 บาท ดูสเปค

iphone 12 pro

ส่วน iPhone 12 Pro & Pro Max วัสดุเป็นขอบข้างเป็น Stainless steel แต่หน้าจอเป็น Ceramic Shield แข็งแรงกว่ากระจก โดยทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า มาพร้อมหน้าจอ Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้วสำหรับรุ่น Pro และ 6.7 นิ้ว สำหรับรุ่น Pro Max มี 3 กล้อง มี LIDAR sensor เพิ่มเข้ามา ส่วนรุ่น Pro Max รองรับ 5X telephoto zoom จัดเต็มเรื่องกล้องโปรจริงๆ

iphone 12 pro features

iPhone 12 Pro มาพร้อมกล้องไวด์ใหม่ที่มีชิ้นเลนส์ 7 ชิ้น พร้อมรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาใน iPhone จึงสามารถถ่ายภาพและวิดีโอในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น 27% และยังมีกล้องอัลตร้าไวด์ที่มีมุมในการมองกว้างถึง 120 องศา เหมาะสำหรับการเก็บภาพด้วยมุมมองที่กว้างขึ้นในที่แคบๆ หรือภาพทิวทัศน์แบบอลังการ รวมถึงกล้องเทเลโฟโต้ทางยาวโฟกัส 52 มม. ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล ทั้งหมดนี้ทำให้ช่วงซูมแบบออปติคอลเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า

iPhone 12 Pro Max ยกระดับประสบการณ์การใช้กล้องระดับโปรให้เหนือชั้นยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยกล้องไวด์ใหม่ที่มีรูรับแสงขนาด ƒ/1.6 พร้อมด้วยเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ขึ้น 47% และพิกเซลขนาด 1.7μm จึงสามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้นมากถึง 87% ทั้งยังมาพร้อมกล้องอัลตร้าไวด์ที่กว้างสุดๆ และกล้องเทเลโฟโต้ทางยาวโฟกัส 65 มม. ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นจากการเข้าใกล้สิ่งที่จะถ่ายได้มากขึ้น และทำให้ภาพดูแน่นขึ้น ซึ่งเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ทำให้กล้องระบบนี้มีช่วงซูมแบบออปติคอลถึง 5 เท่า

โหมดกลางคืนที่ดียิ่งกว่าเดิม ช่วยให้ภาพมีความสว่างสดใสยิ่งขึ้น อยู่บนกล้อง TrueDepth® และกล้องอัลตร้าไวด์แล้ว และยังมีไทม์แลปส์ในโหมดกลางคืนที่เปิดรับแสงได้นานขึ้น จึงสามารถถ่ายวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น สร้างเส้นแสงได้สวยขึ้น และถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้เนียนขึ้นด้วยเมื่อใช้ขาตั้ง

iPhone 12 Pro ถ่ายวิดีโอที่มีคุณภาพสูงที่สุดในสมาร์ทโฟน และเป็นกล้องตัวแรกและอุปกรณ์ตัวเดียวในโลกที่สามารถมอบประสบการณ์ Dolby Vision ตั้งแต่ต้นจนจบด้วยการบันทึกแบบ HDR สูงสุด 60 fps พร้อมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวสำหรับวิดีโอที่ดียิ่งขึ้นเพื่อการสร้างสรรค์ผลงานระดับภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับโทนสีแบบ Dolby Vision แบบสดๆ อย่างต่อเนื่องขณะตัดต่อ ไม่ว่าจะเป็นในแอพรูปภาพหรือ iMovie® และจะมีให้ใช้งานใน Final Cut Pro® X ภายในปีนี้ ส่วน LIDAR sensor นี่ฉลาด เพราะค้นหา สแกนวัตถุ มองดูรอบๆ ห้อง ช่วยในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ iPhone 12 Pro ยังมาพร้อม Apple ProRAW (ซึ่งจะมีให้ใช้งานภายในปีนี้) โดยเป็นการนำการประมวลผลภาพแบบหลายเฟรมและการประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ของ Apple มารวมเข้ากับความอเนกประสงค์ของรูปแบบ RAW ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสีสัน รายละเอียด และช่วงไดนามิกได้อย่างเต็มที่ตามความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นบน iPhone หรือใช้แอพปรับแต่งภาพระดับมืออาชีพอื่นๆ

ส่วนงานวีดีโอ HDR video recording รองรับ Dolby Vision HDR โดยบันทึก 10-bit HDR ได้ แต่เครื่องที่ดูวีดีโอนี้ หน้าจอต้องรองรับฟีเจอร์นี้ด้วย

ถ้ามองดูการเปิดตัว จะเห็นว่า หากต้องการกล้องโปร ควรเลือกรุ่น Pro ที่มีกล้องดีกว่า iPhone 12 รอบนี้ตอกย้ำผู้นำกล้องมือถือที่ดีเยี่ยม แต่ถ้าอยากจัดเต็มเรื่องกล้อง ให้ไปหยุดที่ Pro Max ได้กล้องดีกว่ารุ่น Pro แต่บางคนก็อาจจะชอบมือถือเล็กๆ

iPhone 12 pro & iPhone 12 Pro Max

iPhone 12 Pro และ iPhone 12 Pro Max มีให้เลือกระหว่างรุ่นความจุ 128GB, 256GB และ 512GB ในสีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู

ราคารุ่น iPhone 12 Pro ความจุ 128GB เริ่มต้น $999 ประมาณ 32,000 บาท ส่วน iPhone 12 Pro Max เริ่มต้น $1,099 ประมาณ 35,000 บาท ดูสเปค

ในกล่องมีให้มาเท่านี้ ไม่มีอแดปเตอร์ชาร์จไฟให้ โดยมี iPhone พร้อม iOS 14, สาย USB‑C เป็น Lightning
และคู่มือ ส่วนราคาอแดปเตอร์ 20W ของ Apple อยู่ที่ 690 บาท (ต้องซื้อแยก)

ในกล่อง iPhone 12

iphone line up 2020

และแน่นอนว่า iPhone 11 ยังขายอยู่ แต่รอดูราคาปรับลงมาอีกครั้ง และ iPhone SE 2020 ก็ยังเป็นรุ่นเล็กสุดท้องที่เปิดตัวเมื่อกลางปี

ภาพจาก theverge

iphone 11 ราคา ล่าสุด

อัปเดต (14 ตุลาคม 2563) บนเว็บไซต์ Apple พบว่า iPhone 11 ไม่มีแถมอแดปเตอร์และหูฟังในกล่องแล้ว รวมไปถึง iPhone SE 2020 ด้วยเช่นกัน ที่มีเพียง ตัวเครื่อง สาย USB‑C เป็น Lightning และคู่มือ

อ้างอิง

Comments

comments