วันนี้เรามาพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่า สุดยอดผู้นำการถ่ายภาพพอร์ตเทรต OPPO Reno7 5G  กับฉายา “The Portrait Expert” ถ่ายพอร์ตเทรตได้สวยงามเสมือนกล้อง DSLR เป็นยังไง พร้อมสัมผัสดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ OPPO Glow design ที่รันบน ColorOS 12 ตัวใหม่ล่าสุด ทั้งหมดนี้คือความสมบูรณ์แบบของ OPPO Reno7 5G ที่รองรับการถ่ายภาพ ถ่ายวีดีโอ และการทำงานที่คล่องตัวในทุกด้าน ในงบเริ่มต้น 16,990 บาท

เพื่อนๆ ที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่เน้นเรื่องการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายพอร์ตเทรต OPPO Reno7 5G ทำให้การถ่ายภาพบุคคล น่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยมาพร้อมกล้องหลัง AI 3 กล้อง ความละเอียด 64MP พร้อมความฉลาดกับประสิทธิภาพของ AI ขั้นสูง ทำให้ถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟนได้แบบมืออาชีพ เสมือนกล้อง DSLR เลย

สำหรับคนชอบถ่ายภาพ วีดีโอ ต้องเลือก OPPO Reno7 5G แน่นอน เพราะโหมดต่างๆ เขาเสกให้คุณเก่งเรื่องการถ่ายภาพด้วย Portrait Mode ที่ปรับปรุงใหม่, Bokeh Flare Portrait Video ที่อัปเดตใหม่ พร้อม cinematic bokeh flare effect, และ AI Highlight Video ที่ได้รับการอัปเกรดใหม่ด้วยเช่นกัน รับรองว่าฉายา “The Portrait Expert” เป็นของคุณแน่นอน

อันดับแรกเลย แค่เห็นภาพนี้ หลายๆ คนก็โดนป้ายยากับเม็ดโบเก้สวยๆ แล้ว

Shot on OPPO Reno7 5Gโดย Portrait Mode บน OPPO Reno7 5G ถ่ายภาพบุคคลแล้วได้พื้นหลังดวงไฟโบเก้ ทำได้แบบกล้อง DSLR สามารถควบคุมความชัดลึก และดวงไฟโบเก้บนพื้นหลังได้ง่ายมากๆ โดยความน่าสนใจคือปรับค่า f ได้ ซึ่งมือถือในระดับนี้ น้อยมากที่จะทำได้ หรือปรับได้ก็ทำได้ไม่มากเท่านี้

Shot on OPPO Reno7 5Gครั้งนี้จุดเด่นคือ สามารถปรับขนาดรูรับแสงได้ถึง 25 ระดับ กว้างสุด F 0.95 แคบสุด F 16 ซึ่งถือว่าปรับได้เยอะบนมือถือ แถมไม่ค่อยเห็นรุ่นไหนทำได้เท่านี้ด้วย

Shot on OPPO Reno7 5G bokeh flare portrait

ในภาพคือปรับ f 2.8 ภาพดูธรรมชาติขึ้น เม็ดโบเก้ไม่ละลายเบลอจนเกินไป แต่ก็ยังขับให้ตัวแบบดูเด่นอยู่

Shot on OPPO Reno7 5G bokeh flare portrait Shot on OPPO Reno7 5G bokeh flare portrait

กล้องหน้าก็ปรับค่า f ได้ด้วย ภาพซ้ายคือ f 2.8

Shot on OPPO Reno7 5G bokeh flare portrait

ความสนุกของ OPPO Reno7 5G สามารถปรับระยะชัดลึก สามารถปรับเปลี่ยนขนาด มิติ ของดวงไฟโบเก้ได้ ทำให้เราสนุกกับการถ่ายภาพ หากสังเกตภาพที่เราเอามาเทียบกัน กับการปรับโบเก้ จะเห็นความสมบูรณ์แบบของการตรวจจับโทนสีผิว ความเนียนของการทำโบเก้ที่ตัวแบบไม่ลอยโดดออกมา

และไม่ใช่แค่ภาพนิ่ง แต่รวมถึง retouching effects ที่ทำให้เราสามารถสร้างวิดีโอที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพื้นหลังเบลอ พร้อมดวงไฟโบเก้ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งปกติเรามักจะเห็นเอฟเฟกต์โบเก้ที่ถ่ายด้วยกล้อง DSLR ที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่เท่านั้น

ยิ่งตอนกลางคืน มีดวงไฟ เรายิ่งสนุกกับการปรับค่า f เพื่อให้เม็ดโบเก้เบลอได้สวย เหมาะกับการสื่ออารมณ์

นอกจากนี้ การตรวจจับสีผิวและโทนสีผิว ยังรองรับบน Bokeh Flare Portrait Video ควบคู่ไปกับ retouching effects ทำให้เพื่อนๆ สามารถปรับแต่งวิดีโอได้ตามที่ต้องการ คือทำวีดีโอโบเก้ได้

การทำโบเก้บนวีดีโอ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่รุ่นนี้ทำได้ดีขึ้น เสถียรขึ้น ขยับไปทางไหนก็เบลอฉากหลังได้เก่งและเนียน ถือว่าทำได้ดีมากๆ แถมยังเบลอฉากหลังแบบ Real-Time เบลอแบบไหนดวงตาเราก็เห็นแบบนั้นเลย เท่านั้นยังไม่พอ ปรับค่า f ในวีดีโอได้อีก โหดมาก

AI Highlight Video

ถ่ายวีดีโอได้สว่างในทุกสภาพแสง โดยเปิดใช้งานอัตโนมัติบนกล้องหลัง ไม่ว่าคุณจะถ่ายวีดีโอตอนกลางคืน หรือถ่ายย้อนแสง ก็ได้ภาพที่สว่าง คมชัด ระบบจะตรวจจับแสงโดยรอบให้อัตโนมัติ พร้อมตั้งค่าให้จบเลย โดยไม่ต้องปรับแต่งเอง สว่างแบบสีสันสวย ไม่สว่างเว่อร์จนเกินไป เหมือนที่สายตาเรามองเห็น โดยกลางคืนจะมีการดึงเอา Ultra Night มาช่วย ส่วนการถ่ายย้อนแสง ใช้ Light HDR มาช่วย ถือว่าเป็นโหมดที่ฉลาดมากๆ

Portrait Retouching

Portrait Retouching OPPO Reno7 Portrait Retouching OPPO Reno7

แนวๆ AI Beauty ปรับให้ผิวขาว ดั้งชัด ตาโต สาวๆ ต้องชอบแน่นอน แต่ไม่ดูหลอกตา แถมยังใช้กับงานวีดีโอได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าชัดหลังเบลอ พร้อมผิวขาว ตาโต ได้ด้วย ไม่ธรรมดาแล้ว รุ่นนี้สุดจริงๆ เพราะวิเคราะห์ 193 จุดบนใบหน้าเรา ส่วนโหมดถ่ายวิวต่างๆ ก็ดึงแสงให้สว่าง แม้วันที่เราถ่ายฟ้าฝนจะไม่เป็นใจก็ตาม รอดตัวเพราะเครื่องนี้เลย

AI Scene Enhancement เก่งมากๆ ดึงภาพให้สว่าง พกเครื่องเดียวจบ เป็น Expert ได้สบายๆ เพื่อนๆ อ้อนให้คุณหยิบมือถือมาถ่ายให้อย่างแน่นอน

ภาพนี้ ของจริง ครื้มกว่านี้ มืดกว่านี้อีก AI ดึงภาพให้สว่างขึ้น ได้แสงดีเลย

นอกจากนี้ยังรองรับ Dual-View Video ถ่ายวีดีโอเห็นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกัน โดยแบ่งเฟรมหน้าจอได้ทั้งหมด 3 แบบ Split แบ่งจอบนล่าง หรือซ้ายขวา, Round จอเล็กเป็นหน้าเราแบบวงกลม และ Rectangle อารมณ์เหมือนเราคุย VDO Call มีภาพหน้าเรามุมขวาบนแบบสี่เหลี่ยม

ดีไซน์ของตัวเครื่อง OPPO Reno7 5G

 

 

ด้วยเทคนิค OPPO Glow ทำให้ OPPO Reno7 5G แสดงสีสันที่สื่อถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันจาก 2 สีใหม่ คือ Startrails Blue และ Starry Black

โดยรุ่น OPPO Reno7 5G มีน้ำหนัก 173 กรัม และบาง 7.81 มม. ในขณะที่ภาพบนคือ OPPO Reno7 Pro 5G สี Starlight Black จะเป็นดีไซน์ตัวเครื่องแบบเหลี่ยม แต่จะหนักกว่าคือ 180 กรัม

OPPO Reno 7 Series 5Gนอกจากนี้ ยังมีการใช้ Laser Direct Imaging (LDI) ในการออกแบบฝาหลังของสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก ซึ่ง OPPO Reno7 5G มาพร้อมดีไซน์ที่บางเฉียบ และน้ำหนักเบาพิเศษ ตามสไตล์ของ OPPO Reno Series ที่หลายๆ คนหลงไหล โดย OPPO ใช้ LDI ในการเลียนแบบลักษณะของเส้นแสงดวงดาว ด้วยการแกะสลัก micro-rasters จำนวนมากถึง 1.2 ล้านตัว ซึ่งแต่ละตัวถูกสร้างด้วยความละเอียดเพียง 20 ไมครอน ทำให้เรามองเห็นลักษณะเส้นแสงดวงดาวบนฝาหลังของ OPPO Reno7 5G สี Startrails Blue กับลวดลายของฝนดาวตก

Orbit Breathing Light

อีกความน่าสนใจคือ Breathing Light มีเฉพาะในรุ่น OPPO Reno7 Pro 5G โดยส่วนของเลนส์กล้อง จะสามารถเปิดไฟสีฟ้าแจ้งเตือนในสถานะต่างๆ ได้ โดยแจ้งเตือนตอนมีสายโทรเข้า ตอนเล่นเกม ตอนมี Notification แต่ถ้าอยู่ในโหมดประหยัดพลังงานจะไม่สามารถใช้งานได้

ประสิทธิภาพ

 

OPPO Reno7 5G เหมาะกับการถ่ายภาพ วีดีโอ เล่นเกม ใช้งาน 5G ได้ แบตอึด รองรับชาร์จไว โดยใช้ชิป MediaTek Dimensity 900 รองรับ 5G

มาพร้อม 8GB และ ROM 256GB และเทคโนโลยี RAM Expansion ทำให้ใช้งานได้ลื่นไหล บวก RAM เสมือนเพิ่มเข้าไปให้เราใช้งานได้ไหลลื่นยิ่งขึ้น

RAM Expansion ในภาพ สามารถเลือกได้ (สำหรับรุ่น OPPO Reno7 5G) เพิ่มอีก 2GB / 3GB / 5GB แต่พอปรับปุ๊บก็จะต้องปิดเปิดเครื่องใหม่ก่อนถึงจะใช้งานได้ เราจะได้แรม 8GB + 5GB ตามที่เราเลือก (ตามภาพบน)

การเล่นเกม

 

OPPO Reno7 5G มาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED Display ขนาด 6.4 นิ้ว Refresh Rate 90Hz, Touch Sampling Rate สูงสุด 180Hz รองรับ Widevide DRM L1 แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวๆ ความจุ 4,500mAh รองรับชาร์จไว 65W SUPERVOOC สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 100% ได้ภายในเวลาประมาณ 31 นาที และชาร์จเพียง 5 นาที สามารถเล่นเกมได้นานถึง 2 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังรองรับ ระบบจัดการประหยัดพลังงาน Super Power Saving Mode และ Super Nighttime Standby แบตใกล้หมดก็ช่วยยืดอายุให้ใช้งานได้นานขึ้น บางครั้งเราก็กลัวว่าแบตหมดแล้วจะติดต่อใครไม่ได้

ปรับ refresh rate อัตโนมัติตามแอปที่ใช้งานได้

ปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลหน้าจอ Always On Display ได้ พร้อมตั้งค่าแอนิเมชั่นต่างๆ

ตัวช่วยการเล่นเกม

Quick Startup

ความหมายตามชื่อเลยคือ เริ่มเกมด่วนๆ แตะไปที่แอป “เกม” เลือกเกมที่ต้องการ กำหนดได้ว่าจะให้รัน (On) เป็น default ข้อดีคือ เกมไหนเล่นบ่อย เราก็กำหนดไว้ให้รันบนพื้นหลัง แม้เราจะออกจากเกม พอจะเล่นก็กดไปเล่นได้เลย สะดวกมาก และไม่เสียเวลารันใหม่

Ultra Touch Response

ในบางสถานการณ์ของเกม การเพิ่ม touch sampling rate สูงสุด 1000Hz ช่วยเร่งระยะเวลาการตอบสนองต่อการสัมผัสนิ้ว (การทัชหน้าจอ) ให้ไวขึ้น มีโอกาสชนะได้มากขึ้น

AI Frame Rate Stabilizer

ช่วยคาดการณ์ Frame Rate และการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโทรศัพท์ล่วงหน้า พร้อมช่วยชดเชยค่า frame rate เพื่อคงความเสถียรในการเล่นเกมให้ลื่นไหลยิ่งขึ้น คือแม้เครื่องมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น แต่เฟรมเรตไม่ตก

Game Focus Mode

ปิดการแจ้งเตือน การโทรเข้า เน้นให้เราโฟกัสเฉพาะการเล่นเกม ทำให้เครื่องเน้นรีดประสิทธิภาพเพื่อการเล่นเกมโดยเฉพาะ ในช่วงเวลาที่เราเปิด (กำหนดแต่ละเกมได้) และกำหนด Quick Startup ที่กล่าวไว้ด้านบน

ส่วนใครที่เล่นเกมแล้วกลัวเครื่องร้อน Multi-cooling System ช่วยระบายความร้อน ทำให้เจอปัญหาเครื่องร้อนในขณะเล่นเกม หรือการสตรีมน้อยที่สุด

ColorOS 12

บอกเลยว่าชอบการออกแบบ การดีไซน์บน ColorOS 12 ทำให้ OPPO Reno7 5G ใช้งานง่าย มองสบายตา และโหมดมืดก็ใช้งานได้สบายตาจริงๆ ดีไซน์การออกแบบในภาพจะเห็นได้ว่าแตกต่างจากรุ่นก่อนๆ จัดเรียง จัดวางได้เหมือนกล่อง box อ่านง่าย กดง่ายขึ้น เข้าใจได้ไม่ยากเลย

ชอบหน้าตาการแสดงผล เพราะแปลกตากว่ารุ่นก่อนๆ และเข้าใจง่าย แบ่งหมวดหมู่ได้ดี ค้นหาได้สะดวก โดยรุ่นนี้รองรับทั้งการสแกนนิ้วบนหน้าจอ สแกนใบหน้า

สามารถแบ่งหน้าจอ เปิดแอป 2 ตัวพร้อมกันได้ในจอเดียวกัน และข้างๆ จอก็สามารถสะกิดให้มีเมนูลัด คำสั่งด่วนโผล่ออกมาให้เราสั่งงานได้อย่างสะดวก

เอา USB Flash Drive หรือเม้าส์ คีย์บอร์ดมาเสียบได้เลยเพราะรองรับ OTG ซึ่งจะต้องเปิดฟีเจอร์นี้ก่อนเสียบใช้งาน

นอกจากนี้ OPPO Reno7 5G เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกที่ได้รับการรับรอง TÜV SÜD 36-month fluency rating A หรือการรับรองว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนี้จะทำงานได้อย่างราบรื่นหลังจากใช้งาน 36 เดือนอีกด้วย คือใช้งานได้ยาวๆ ไป 3-4 ปีเลย

OPPO Reno7 5G เหมาะกับใคร?

สำหรับคนที่มีงบ ไม่เกิน 17,000 บาท ได้มือถือถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอสวยแบบมืออาชีพ ไม่ต้องใช้เงินถึงสองสามหมื่นแล้ว ถ่ายกลางคืนสว่าง คมชัด ถ่ายฉากหลังเบลอ ทำได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอเลย แถมดีไซน์ตัวเครื่องสวย ไม่เหมือนใคร แบตเยอะ ได้ชาร์จไวแบบรุ่นท็อป ฟีเจอร์กล้อง วีดีโอโหดมาก เหมาะกับสายคอนเท็นต์ ไม่กลัวความมืด แถมได้เพื่อนเยอะขึ้นเพราะใครๆ ก็อยากให้เป็นตากล้องถ่ายรูปให้ด้วย

Comments

comments