หลังจากที่คราวที่แล้ว อุ้มได้ทำการ แกะกล่อง iPad Pro ไปเมื่อคราวที่แล้ว คราวนี้ก็จะมารู้จักกับ iPad ยักษ์อีกครั้ง พร้อมกับ Apple Pencil ดินสอที่น่าสนใจสุดๆในนาทีนี้ค่ะ จะว่าไปแล้ว รีวิว iPad Pro ในครั้งนี้ จั่วหัวชัดเจนเลยว่า “ไม่ใช่แฟน ทำแทนไม่ได้” จะเป็นยังไงนั้น ไปเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
FIN
ตัวใหญ่ ทำอะไรได้มากกว่า
จะว่าไปแล้ว ขนาดที่ใหญ่มากๆของ iPad Pro ที่หนักถึง 713 กรัม แต่บางเพียง 6.9 มม. และขนาดหน้าจอที่ใหญ่ยักษ์ถึง 12.9 นิ้ว เมื่อใหญ่มาซะขนาดนี้แล้ว ก็ต้องทำอะไรได้มากกว่า iPad Air / iPad Mini แน่นอนค่ะ ทั้งการเปิดแอพต่างๆ ที่ดูจะเต็มตาซะเหลือเกิน ทุกคนที่ได้ดูข้อมูลผ่านเจ้า iPad Pro ก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันค่ะ ว่า “มันแจ่มมากๆ” ยิ่งแอพไหนที่ทำออกมาเพื่อใช้งานกับ iPad Pro ได้โดยเฉพาะเช่น Flipboard เราก็จะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างกว่าการใช้งานบนรุ่นอื่นๆแน่นอนค่ะ
APPLE PENCIL ดินสอขั้นเทพ
ถ้าจะพูดว่า นี่คือ Highlight ที่สุดของ iPad Pro ก็คงไม่น่าจะผิดนะคะ เพราะเราสามารถใช้งานเจ้าดินสอแท่งยาวนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ แทบจะเรียกได้ว่า มีจังหวะที่ดีเลย์น้อยมากๆ ซึ่งแปลว่าทุกสัมผัสที่เราเขียน จะคล้ายกับการเขียนบนกระดาษจริงๆ ยิ่งขนาดจอที่ใหญ่กว่ากระดานชนวน ก็จะทำให้เขียนได้อย่างสนุกและสมจริงมากๆ
จุดเด่นของ Apple Pencil
- เชื่อมต่อง่ายๆ เพียงเสียบเข้ากับช่อง Lightning อุปกรณ์จะทำการจับคู่ให้อัตโนมัติทันที
- เขียนอย่างอิสระ ผ่านแอพที่ให้มากับเครื่อง (Notes) หรือผ่านแอพอื่นๆ ที่รองรับการเขียน
- สามารถเขียนหนักเบาได้ตามความต้องการ
- หากมีการเอียงดินสอ จะเป็นการเปลี่ยนขนาดของเส้นปากกาทันที
- จับพอดี เพราะมีความยาวและขนาดที่ใกล้เคียงกับปากกาจริงๆ
- เขียนถนัดได้เหมือนเขียนบนกระดาษจริงๆ มีการหน่วงน้อยมาก
- วางข้อมือลงบนหน้าจอได้เลยตอนเขียน วางทั้งแขนเลยยังได้
จุดอ่อนของ Apple Pencil
- ไม่รู้จะเก็บที่ไหน ไม่เก็บดีๆ หายแน่นอน
- ถือไป เขียนไป แขนเดี้ยงแน่ๆ
เอาเป็นว่าใครที่ชอบวาดรูป เจ้า Apple Pencil เป็นดินสอที่เทพมากๆ ขนาดอุ้มที่วาดรูปไม่เป็น ยังรู้สึกเลยค่ะ ว่ามันทำให้การวาดสนุกขึ้น ปรับเปลี่ยนได้มากขึ้น แต่อย่างว่า มันไม่สามารถถือแล้ววาดได้อย่างแน่นอนค่ะ เพราะการถือไปเขียนไป ไม่น่าจะทำได้เกิน 1 นาทีนะคะ
นอกจากนี้ การจดบันทึกผ่านแอพ Notablity ก็เป็นอะไรที่ดีมากๆค่ะ นึกถึงตอนที่เรียนมหาลัยเลยค่ะ เพราะว่าสามารถ import สไลด์ หรือ PDF จากอาจารย์เข้ามาในแอพนี้ได้เลย รวมทั้งใช้ Apple Pencil เขียนลงไปที่สไลด์ได้เลยทันที แถมยังแบ่งเป็นหมวดหมู่ได้เป็นอย่างดี ถ้าให้เทียบกับปากกาเจ้าอื่นๆ เจ้า Apple Pencil + iPad Pro มันได้เปรียบที่ความสมจริง และขนาดจอที่ใหญ่ จดได้เป็นส่วนๆ และแอพที่มีรองรับมากมายนี่เองค่ะ
ดูหนังเต็มตา เล่นเกมเต็มอารมณ์
จุดเด่นข้อนี้อาจจะไม่ต้องพูดอะไรมากนะคะ เพราะในคลิปด้านบน ก็สามารถตอบได้หมดแล้ว ว่าการยกจอทีวี เอ้ย iPad Pro ไปไหนมาไหนด้วย มันเป็นยังไง ถ้าใครชอบดูหนัง ดูซีรีย์ และเล่นเกมจอใหญ่ๆ กับขุมพลังที่แรงที่สุดในบรรดาอุปกรณ์ Apple อย่าง A9X Chip ไม่ต้องห่วงเรื่องความแรงแต่อย่างใด เล่นได้หมดทุกแอพ ทุกเกม ดูหนังจอเรติน่า 12.9 นิ้ว ความละเอียด 264 ppi คมชัดสุดๆ รวมทั้งลำโพงสเตอริโอ 4 ตัวสุดแจ่ม คุณจะได้สิ่งเหล่านี้ไปค่ะ
… ถ้าคุณแบกมันไหว
ทำงานสองจออย่างอิสระ
ประโยชน์ของจอใหญ่ๆแบบนี้ คือการใช้งานได้สองจอแบบเต็มแอพได้อย่างสมบูรณ์ค่ะ (สำหรับแอพที่รองรับ) ซึ่งเราก็สามารถเปิดเว็บ 2 เว็บพร้อมกันได้ เช่น ด้านซ้ายเปิด Safari หน้าขวาเปิด Chrome เพียงเท่านี้ เราก็ไม่ต้องทะเลาะกันแล้วนะคะ เพราะอุ้มสามารถย่อขยายหน้าซ้าย ไปพร้อมๆกับเพื่อนอุ้ม เลื่อนดูกระทู้ด้านขวาได้ พูดง่ายๆคือ มันทำงานแยกจากกันอย่างอิสระ
หากอุ้มเปิดเว็บทำรายงานเรื่องยุงลาย ด้านขวาก็เปิด Notability เมื่อเซฟรูปที่ด้านซ้าย ด้านขวาก็เลือกรูปมาใช้ได้เลยทันที ถ้าได้ใช้งานจริงๆ มันจะมีประโยชน์และดีมากๆ ต่อการเรียน การทำงานเลยนะคะ
FAIL
ใหญ่จริงอะไรจริง
ถึง iPad Pro จะบางแค่ไหนก็ตาม อุ้มรับประกันเลยค่ะ ว่าเราไม่สามารถคิดว่ามันเป็นแค่ iPad ได้ ต้องคิดว่าเป็นการพกในลักษณะของ Macbook (ที่ยังไม่มี Keyboard) แทนค่ะ ความใหญ่ขนาดนี้ ถ้าถือแบบไม่ใส่ซอง จะเป็นที่ล่อตาล่อใจโจรมากๆ เท่าที่อุ้มเล่นมาก็เอาไปหลายที่นะคะ แต่ปัญหาคือไม่ค่อยกล้าหยิบขึ้นมาเล่น เพราะกลัวทั้งโจร และเขินในความใหญ่ของมัน
ปวดหัว
อันนี้อาจจะเป็นที่อุ้มคนเดียว(รึเปล่า?) เพราะมีอาการปวดหัวบ่อยครั้งที่เล่นค่ะ โดยเฉพาะการวางในระยะที่ไม่ห่างจากตาเรามากนัก (ข้อเสียของจอใหญ่) พอเป็นคนสายตาสั้น มองพวกนี้ใกล้ๆ แล้วปวดหัวเลยค่ะ บางทีต้องเลิกเล่นเลย หรือไม่ต้องตั้งให้มันอยู่ในระยะโฟกัสของสายตาเรา อยากให้ไปลองที่ iStudio ดูก่อนนะคะ ว่าเป็นเหมือนกันรึเปล่า
แพงมาก
ปฎิเสธไม่ได้อยู่ดีนะคะ ว่านี่คือ iPad ตัวใหญ่ มากกว่าจะเป็น Macbook ที่ตัด Keyboard ออก เพราะฉะนั้นกับราคาค่าตัว iPad Pro 32 GB WiFi 30,900 + Apple Pencil 3,900 บาท และต้องเตรียมบวก Smart Keyboard อีก 6,700 บาท รวมทั้งสิ้น 41,500 บาท อู้ววว ราคานี้เพิ่มอีก 400 เราจะได้ MacBook Air รุ่น 11 นิ้ว โปรเซสเซอร์ 1.6GHz ขนาด 256 GB ไปเลยค่ะ แต่ก็จะไม่ได้ปากกามาขีดเขียนละเนาะ
FOR?
บอกได้เลยค่ะ ว่า iPad Pro เป็น iPad ที่ดีและครบเครื่องที่สุดในนาทีนี้ ทั้งการใช้งานด้าน Entertainment ที่ไม่มีอะไรมาแย้งได้ เสียงลำโพง iPad Pro นี่คนละเรื่องกับ iPad ตัวก่อนๆเลยนะคะ หน้าจออลังการงานสร้าง 12.9 นิ้ว ดินสอเทพ Apple Pencil ทุกอย่างลงตัวมาก ลืมบอกเรื่องกล้องไป มีกล้องนะคะ กล้องหน้า 1.2 MP กล้องหลัง 8 MP คุย Facetime ดีมาก แต่ถามว่ามันเหมาะกับ Lifestyle อุ้มมั้ย คงต้องบอกว่า ยังไม่ใช่ค่ะ
เท่าที่อุ้มถือมาสามวัน
- มีจังหวะได้หยิบมาใช้นอกสถานที่น้อยมาก แต่กลับได้เล่นในบ้าน และก่อนนอน เพื่อดูซีรีย์แทน
- ด้วยความที่ไม่ถนัดการพิมพ์บนจอ Touchscreen ทำให้สุดท้าย มาเขียนรีวิวใน Macbook Air เหมือนเดิมมันส์กว่า
- ที่สำคัญ หากต้องการใช้ Word ใน iPad ยังคงต้อง Subscribed เดือนละ $5.99 อยู่นะคะ แพงทีเดียว
- ส่วนดินสอ 555 ถ้าเห็นสกิลการวาดรูปของอุ้ม คงจะมั่นใจได้ว่า ไม่ใช่แนวแน่นอน ส่วนจดนู่นนี่นั่น ก็ยังชอบใช้สมุดกับปากกาจริงๆมากกว่าอยู่ดี
แต่แน่นอนค่ะ ว่า iPad Pro ย่อมเหมาะกับ
- คนที่เดินทางบ่อย ๆ
- ต้องออกไปรอลูกทีละหลายๆชั่วโมง
- ชอบวาดภาพ ดีสุดๆ
- ชอบจดบันทึกใน Tablet
- ไม่ชอบปริ้นสไลด์อาจารย์แต่อยากจด
- ใช้งานสองจอพร้อมๆกัน
- ชอบตัดต่อผ่าน iMovie นอกสถานที่
- ชอบดูซีรีย์ ดูการ์ตูน จอใหญ่ๆ
- ชอบเล่นเกมแจ่มๆ
- Facetime ได้เหมือนอยู่ด้วยกัน
- ชอบเครื่องแบตอึดๆ
- อยากออกกำลังกายแขน 555
- มีเงิน
เอาเป็นว่าวันนี้อุ้มฝาก +++ รีวิว iPad Pro แบบจัดเต็ม +++ ยังทำงานแทน Macbook Air ไม่ได้ ไว้เท่านี้นะคะ ขาดตกบกพร่องตรงไหนไป โอกาสหน้าจะมาเล่าใหม่ค่ะ ขอบคุณมากค่า