มีเวลาอยู่ด้วยกันสองสามวัน เลยถือโอกาสทำ รีวิว Huawei P9 Plus กันสักหน่อยค่ะ ช่วงนี้อุ้มได้จับ Android มารีวิวหลายตัวติดต่อกัน กลัวจะเบื่อซะก่อน เลยขอมา ชี้ 5 จุดโดน ที่ทำให้อุ้มต้องหันกลับมามอง และเกือบเก็บเจ้า P9 Plus ไว้ใช้เอง จะมีอะไรบ้างนั้น ไปเริ่มกันเลยค่ะ
จุดที่ 5 สวยนะ แต่น่าจะสีดำ
หลังจากได้ข่าว P9 Plus มาสักพัก บอกตามตรงว่า ไม่สนใจเลยค่ะ เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างจากเดิมมาก แต่คนเริ่มมาพูดถึงเยอะ จนต้องลอง เสียดายที่ประเทศไทย เอาเครื่องศูนย์เข้ามาแต่สีทอง ซึ่งถามว่าดูดีกว่า Huawei ตัวก่อนๆ มั้ย ต้องบอกว่า ดูไฮโซขึ้นเยอะมาก
- งานประกอบด้วยวัสดุอลูเนียมแบบ Unibody หนักประมาณ 162 กรัม
- หน้าจอ Full HD 5.5 นิ้ว หนา 6.98 มม.
- เวลาจับ ค่อนข้างถนัดมือเลยทีเดียว เหลือขอบจอน้อยนิดมากๆ
- สวยมั้ย แล้วแต่คนมอง แต่อุ้มชอบสีดำกว่าเยอะมาก เสียดายสุดๆ
โดยรวมแล้ว งานประกอบ ความสวยงามสมราคา และคิดว่า Huawei น่าจะพัฒนาเรื่องหน้าตาให้หลุดออกจากความเป็นมือถือจีนได้ในเร็ววัน ถึงวันนั้นพี่แซมอาจมีหนาวได้เลยนะคะ
จุดที่ 4 ลื่นไหล ไวโพด
ขุมพลัง HUAWEI Kirin 955 (64-bit), Octa-core (4 x 2.5 GHz A72+ 4 x 1.8 GHz A53) มากับแรม 4GB ลื่นไหล ไวโพดจริงๆค่ะ ทุกอย่างดูสมูธไปหมด ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เข้าเว็บ และอื่นๆ
- รันด้วย Android 6.0
- มี Fingerprint sensor ที่มีความไวและแม่นยำอยู่ด้านหลัง
- ใส่ได้ 2 ซิม
- มีโหมดช่วยในการใช้งานมือเดียวได้ดี เพียงเลื่อนนิ้วที่แถบเมนูด้านล่างไปทางที่ต้องการ
- สามารถแบ่งการใช้งานเป็นสองจอได้
- ลงธีมอื่นๆ ได้จาก Theme Store มีธีมเยอะพอควรค่ะ โดยที่ตัวธีมจะเปลี่ยนทั้ง Background รวมไปถึงไอคอนด้วย ถ้าเทียบกับธีมของค่ายอื่นๆ อุ้มชอบสูสีกับ Samsung และทำได้ดีกว่าธีมของ HTC มากๆค่ะ
- รู้สึกเครื่องไม่ค่อยร้อน เวลาใช้งานนานๆ จุดนี้ถ้าเทียบกับ S7 Edge ชนะสวยๆ
- แบต 3,400 mAh ไม่ค่อยสูบแบตเท่าไหร่ ใช้งานทั้งวันได้สบาย
จุดที่ 3 ทั้งกด ทั้งเคาะ เอาให้มันส์
จุดเด่นของ Huawei ตั้งแต่ตัวก่อนๆ แล้ว คงจะเป็นเรื่องของการเคาะจอเพื่อใช้งานใช่มั้ยคะ โดยเราสามารถเคาะจอเพื่อทำสิ่งต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น การเคาะแล้วลากเป็นตัวอักษรเพื่อเข้าแอพ หรือ เคาะสองครั้งเพื่อแคปหน้าจอ มาถึง P9 Plus Huawei เพิ่มความสามารถในการ Press Touch ซึ่งจะมีการทำงานแบบ Force Touch บน iPhone 6s โดยวิธีการทำงานง่ายๆ เช่น ถ้าเรากด Press Touch ไปที่ไอคอนกล้อง จะมีเมนูย่อยขึ้นมาให้เราเลือก และเข้าไปได้เลยทันที อันนี้ก็เป็นอีกลูกเล่นที่เพิ่มเข้ามาใน P9 Plus ในครั้งนี้ค่ะ
จุดที่ 2 ลำโพงคู่ แนวนอน แนวตั้ง
เป็นอะไรที่เก๋และแปลกดีนะคะ กับการฟังเพลงบน P9 Plus เพราะลำโพงจะแสดงเสียงต่างกันเมื่ออยู่ในแนวนอน หรือแนวตั้ง โดย
- ในโหมดแนวตั้ง ลำโพงหน้าจะทำหน้าที่เหมือนลำโพงคู่เสียงสูง ทำงานร่วมกับ ลำโพงเสียงกลางและต่ำจากตัวเครื่อง โดยจากการทดลอง ในแนวตั้งจะได้เสียงที่แหลมและดังกว่าแนวนอนนะคะ
- โหมดแนวนอน ลำโพงคู่แบบสเตอริโอของตัวเครื่องให้เสียงที่แน่นกว่าแนวตั้งค่ะ เหมาะกับการดูหนังฟังเพลง เล่นเกมมากๆ
ถือว่าเป็นความใส่ใจในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ของ Huawei และไม่ต้องห่วงเวลาสลับโหมดลำโพงนะคะ ทำได้เนียนๆ และไวดีค่ะ ใครที่มีอยู่ลองเล่นดูได้ค่า
จุดที่ 1 กล้องคู่ LEICA โหมดโปรอย่างเทพ
มาถึงอันดับที่ 1 ที่ต้องบอกว่า P9 Plus ถูกออกแบบมาให้เหมาะกับคนชอบถ่ายภาพจริงๆ เพราะใส่ลูกเล่นทั้งในโหมดอัตโนมัติ จนถึงโหมดโปร จัดมาให้อย่างสะใจ เริ่มตั้งแต่กล้องคู่ LEICA ด้านหลัง ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (2 ตัว) F 2.2 และกล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล F 1.8
- ถ่ายออกมาเป็นยังไง?
นี่ละคือสิ่งที่อุ้มเดินไปซื้อ P9 Plus มา เพราะอยากรู้ว่า ทาง Huawei โปรโมทเรื่องกล้องหนักมาก แต่ภาพและคอมเม้นจากสื่อนอกกลับเฉยๆ พอมาลองจริงๆ ภาพได้แบบออโต้ทำได้ค่อนข้างดีค่ะ ประทับใจ Auto White Balance ที่ปกติใช้กล้องมือถือถ่ายจะเหลืองมากๆ พอใช้กล้องของ P9 Plus ปรับสีได้เหมือนที่ตาเห็นเลย ตรงนี้ผ่าน และคุณภาพภาพออกมาสมราคาความเป็น Software ที่พัฒนาร่วมกับ Leica และความสามารถของกล้องคู่ ที่ตัวนึงเก็บภาพขาวดำ อีกตัวเก็บ RGB ทำให้การถ่ายภาพแบบ Monochrome ทำออกมาได้มีมิติมากๆ
แต่ในที่มืด เมื่อเทียบกับ S7 Edge (ภาพ B) กล้อง P9 Plus (ภาพ A) ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ คือถ่ายออกมาได้มืดสุดๆ จริงๆ อย่างว่าค่ะ กล้องของ S7 Edge ก็ชอบปรับแสงมาสว่างเว่อร์ สีอาจจะออกเหลืองนิดหน่อย แต่ยังดีกว่ามองไม่เห็นอะไรเลยนะคะ สำหรับอุ้ม ในที่มืด S7 Edge นำขาด
ส่วนในโหมด Beauty ของกล้องหน้า จริงๆอยากให้เพิ่มโหมด Detect มือได้เหมือนใน S7 Edge เพราะเวลากดด้วยปุ่มลดเสียงเพิ่มเสียง หรือกดที่ปุ่มชัตเตอร์บนหน้าจอ หรือกดที่ที่แสกนนิ้ว กล้องมันก็ยังอยู่ใกล้ๆหน้าอยู่ดี แต่ความเนียนทำได้ดีกว่า S7 Edge ค่ะ คือเนียน ไม่หลอกตา และยังคงความชัดอยู่
- ล็อคจุด Focus ปรับแสงง๊ายง่าย
เราสามารถกดค้างหน้าจอในจุดที่เราต้องการโฟกัสเพื่อทำการล็อคจุด และเลื่อนวงกลมวัดแสงไปในจุดที่เราต้องการได้ เช่น บางทีเราอยากจะโฟกัสที่หน้า แต่ว่าพอโฟกัสแล้วทำให้ภาพทั้งภาพมืด พอเราล็อคจุดโฟกัสแล้วเลื่อนจุดวัดแสง จะทำให้ภาพสว่างมากขึ้น ทั้งที่ยังโฟกัสที่หน้าเรา เจ๋งดีค่ะ
- หน้าชัด หลังเบลอ ในคลิ๊กเดียว
โหมดการถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หน้าเบลอหลังชัด ทำได้ง่ายสุดๆ ในคลิ๊กเดียว เพียงกดเลือกที่รูปเลนส์ด้านบน แล้วโฟกัสไปในจุดที่ต้องการ ด้านหลังก็จะเบลอกระจาย ทำได้เจ๋งและเนียนดีค่ะ ชอบบบ
- โหมดโปร ปรับแต่งได้เหมือนกล้องถ่ายรูป
เพียงเลื่อนนิ้วจากด้านล่างขึ้นมา จะเข้าสู่โหมดโปรทันที โดยเราสามารถปรับแต่งภาพได้หลากหลายรูปแบบ ทั้ง White Balance / ISO / Speed Shutter และอื่นๆ โดยในโหมดโปรนี้ เราจะถ่ายไฟล์ RAW เพื่อนำมาปรับแต่งต่อได้อีกด้วย อันนี้ต้องยอมเค้า
สรุปเรื่องกล้องนี่ถือว่าทำได้เจ๋ง ตกรอบแค่ภาพในที่มืด เรื่องอื่นนี่มาวิน กินขาดสุดๆ และยังสามารถถ่ายวิดีโอได้ในระดับ 4K อีกด้วย และนี่คือ 5 สิ่ง ที่ทำให้อุ้มต้องหันกลับมาสนใจค่าย Huawei แบบจริงจัง กับ P9 Plus ในราคา 21,990 บาท และ P9 ในราคา 16,990 บาท ข้อเสียก็มีนะคะ ในเรื่องของการแสดง Notifications ที่อุ้มว่ายังทำบน Huawei Launcher ได้ไม่ดี และไม่ยอมเอาสีดำเข้ามาขาย หึหึหึ วันนี้ขอฝาก รีวิว Huawei P9 Plus ไว้เพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณมากค่า