ถ้าคุณเป็นคนชอบนวัตกรรมใหม่ๆ เชื่อว่าต้องรู้จักเว็บ indiegogo เว็บสำหรับระดมทุนเพื่อนักพัฒนาที่มีสินค้าใหม่ๆต่างๆ เข้ามาให้ตื่นเต้นอยู่เรื่อยๆ และ Air by crazybaby กลายเป็นอีกหนึ่งโปรเจค Crowd funding ที่ใครหลายคนพูดถึง ด้วยยอดเงินลงทุน รวมกว่า 100 ล้านบาท พร้อมยอดสั่งจองล่วงหน้าถึง 30,000 คน วันนี้หูฟังไร้สายขวัญใจมหาชน ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว อุ้มไม่พลาดที่จะเอามาลองแน่นอนค่ะ
FIRST IMPRESSIONS
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในนาทีนี้ หูฟังไร้สาย ในรูปแบบที่คล้ายกับ Airpods มีออกมากันเยอะแยะมากมายในท้องตลาด แต่บอกตามตรงว่าหน้าตาและรูปทรง ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ Air by crazybaby มาในกล่องที่ดูดีทีเดียวค่ะ ด้านหน้าจะมีรูปตัวหูฟังอยู่ (ตัวที่อุ้มเล่นอยู่นี้ จะเป็นสีดำนะคะ แต่จะวางขายสีขาวด้วย)
จริงๆก่อนหน้านี้ อุ้มเคยรีวิวผลิตภัณฑ์ของ crazybaby ไปแล้ว นั่นก็คือลำโพงลอยได้ หรือ Mars นั่นเอง ซึ่ง Founder ของ crazybaby เป็นผู้พัฒนาสินค้าให้กับ SkullCandy แบรนด์หูฟังสุดฮิตอีกด้วยนะคะ ทำให้มั่นใจได้ว่า ไม่ใช่มือใหม่ในวงการนี้แน่นอน
เมื่อเปิดกล่องออกมา เราจะเจอกับแคปซูลวางนอนอยู่ เจ้าแคปซูลนี้ นอกจากจะเป็นที่เก็บหูฟังแล้ว ยังเป็นที่ชาร์จให้กับเจ้า Air อีกด้วย วัสดุที่ใช้ทำแคปซูล จะเป็นโลหะนะคะ สวยงามดูดีทีเดียว
เวลาเราใช้งาน ให้หมุนที่หัวแคปซูลด้านขวานิดนึง จะเป็นการปลดล็อค และดึงออกมาได้เลย จะเจอกับหูฟังไร้สายทั้งสองข้างวางอยู่
สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือ เออ มันสวยดี สวยกว่า Airpods เยอะเลย การดีไซน์ดูลงตัว และไม่ดูเทอะทะ ถ้าเทียบง่ายๆให้เห็นภาพ คือ Air จะไม่มีแกนยาวๆ ออกมา ทำให้เวลาใส่กับหู ไม่รู้สึกแปลกประหลาด ไม่แปลกใจเลยที่ได้รับรางวัล Innovation Awards จากงาน CES2017
ตัวหูฟัง จะไม่มีสาย และใช้งานแยกจากกันได้อย่างอิสระ มีน้ำหนักเบามาก โดยทั้งสองข้าง จะมีโลโก้ crazybaby อยู่ และจะสามารถกดได้ด้วย เดี๋ยวจะอธิบายการใช้งานอีกทีนะคะ
WHY AIR by Crazybaby?
ก่อนจะไปถึงวิธีใช้งาน คิดว่าน่าจะมีคำถามในใจกันแล้วใช่มั้ยคะ ว่า Air มีดียังไง ขอมาเล่าให้ฟังกันเลยดังนี้ค่ะ
1.ไร้สายแบบแท้จริง ไม่ต้องมีอะไรมาเชื่อมต่อ ระหว่างหูฟังด้านซ้าย และหูฟังด้านขวา
2.เป็นหูฟังไร้สายตัวแรกที่ใช้ Carbon Nanotube Technology ในการผลิต Diaphragm ซึ่งมีความยืดหยุ่นมากกว่าลำโพง หรือหูฟังอื่นๆ ที่ใช้วัสดุทั่วไปในการผลิต เลยทำให้ได้คุณภาพของเสียงที่ดีกว่า เพราะมีการตอบสนองความถี่ของเสียงได้กว้างกว่า ทั้งความถี่ต่ำและความถี่สูง
3.เชื่อมต่อได้กับทุกอุปกรณ์ จะเป็น Android / iPhone / iPad หรือ Device อื่นๆ ที่รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และเป็นการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2 รับส่งข้อมูลได้ไวกว่าเดิม และใช้พลังงานน้อยกว่าเดิม ทำให้เราใช้งานได้นานขึ้น ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
4.นอกจากออกแบบได้สวยงามแล้ว ยังนึกถึงหลักการยศาสตร์ ทำให้พอดีกับรูหู ใส่สบาย ไม่หลุดง่ายอีกด้วย
5.ใช้งานได้ 3 ชม. ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง และตัวแคปซูล จะสามารถชาร์จหูฟังได้ทั้งหมด 5 ครั้ง รวมแล้วจะใช้งาน Air ได้สูงสุดรวม 15 ชม.
6.ใช้เทคโนโลยี CVC 8TH Noise Isolation และ Double Digital Silicon Microphone ช่วยตัดเสียงรอบข้าง และทำให้เราได้ยินเสียงได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
7.ปรับแต่ง EQ ด้วยแอพ crazybaby ได้ตามความต้องการ
8.กันน้ำในระดับ IP66 โดยจะสามารถกันเหงื่อ กันละอองน้ำ ใส่ออกกำลังการได้สบายๆ
ข้อดีมีเพียบจริงๆ ไปลองใช้งานจริงกันเลยค่ะ
HOW IT WORKS ?
จริงๆ Air by crazy baby ใช้งานได้ไม่ยากนะคะ แต่อุ้มขอมาแนะนำวิธีการแบบง่ายๆ ดังนี้
1.นำ Air ออกมาจากแคปซูลทั้งสองข้าง แล้วกดที่ปุ่มบนตัวหูฟังค้างไว้ทั้ง 2 ข้าง จนมีไฟสีแดงขึ้น แปลว่าเปิดเครื่องเรียบร้อย
2.กดปุ่มเดิมค้างไว้ต่อจนมีไฟกระพริบ แปลว่าพร้อมที่จะเชื่อมต่อบลูทูธแล้ว
3.เปิด Bluetooth บนมือถือ แล้วเลือก Air by crazybaby เพื่อทำการเชื่อมต่อได้เลย
4.นำ Air ใส่ที่หูทั้ง 2 ข้าง โดยที่ตัวหูฟัง จะมีตัว L และ R ใส่ให้ถูกข้างนะคะ
5.ควบคุมการใช้งาน โดยหูฟังด้านซ้ายจะเป็นหูหลัก กด 1 ครั้ง เพื่อรับสาย หรือ วางสาย และกดสองครั้งเพื่อเปิด Voice Command หรือเรียก Siri
6.ส่วนหูฟังด้านขวา จะเป็นการควบคุมการทำงาน โดยกดที่ปุ่ม 1 ครั้ง เพื่อ Play/Pause กด 2 ครั้งเพื่อไปที่เพลงถัดไป หรือกด 3 ครั้งเพื่อย้อนกลับมาที่เพลงก่อนหน้า
7.หากต้องการชาร์จ ให้นำกลับมาใส่ในแคปซูล แล้วเสียบชาร์จที่ตัวแคปซูลได้เลยทันที
หากรู้สึกว่าตัวหูฟังไม่พอดี จะมีตัวซิลิโคนขนาดต่างๆ สำหรับเปลี่ยน ให้พอดีกับรูหูของเราตั้งแต่ขนาดเล็กสุดจนถึงใหญ่สุด ใครที่สงสัยเรื่องการใช้งาน ก็จะมีคู่มือให้ในกล่องด้วยนะคะ
MY EXPERIENCE
จากประสบการณ์การฟังเพลงของอุ้ม ตั้งแต่มีหูฟังไร้สายออกมา ก็รู้สึกว่านี่คือเหมาะกับการใช้งานมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะไม่ต้องกังวลว่าสายทั้งสองข้าง จะพันกันจนแกะไปออก บางทีก็โดนกระต่ายแทะสาย ในที่สุดก็รำคาญ ไม่ฟังมันละก็ได้
หูฟังไร้สาย ที่แยกข้างได้ เลยตอบโจทย์ในการใช้งาน เวลาเดินทางก็แบ่งกับเพื่อนฟังคนละข้างได้ หรือเวลานั่งทำงาน ก็แอบฟังข้างเดียวได้เช่นเดียวกัน ไม่มีใครรู้
คุณภาพของเสียง อุ้มอาจจะไม่ใช่คนที่หูเทพนัก แต่ Air by crazybaby ก็สามารถทำออกมาได้ดี ด้วยเทคโนโลยีที่ใส่มาให้ โดยเฉพาะ Carbon Nano Tube ที่นำมาทำเป็น Diaphragm ทำให้ Air ทำเสียงทุ้มได้ดีกว่า Airpods อีกด้วย รวมทั้งการออกแบบโดยยึดถึงหลัก การยศาสตร์ ไม่ต้องกังวลว่า ใส่ออกกำลังกายแล้วจะหลุดมั้ย
ด้วยความที่มีน้ำหนักเบามาก เพียงแค่ 4.5 กรัมต่อ 1 ข้างเท่านั้น บางคนอาจจะกังวลว่าจะหลุดหายไปตอนวิ่ง หรือออกกำลังการมั้ย บอกเลยค่ะ ว่าใส่ให้พอดี ยังไงก็ไม่หลุดแน่นอน
SUMMARY
ภาพด้านบน น่าจะตอบเรื่องของความสวยงามของ Air by crazybaby เมื่อเทียบกับ Earbud ในรูปแบบที่เป็นหูฟังไร้สายได้เป็นอย่างดีนะคะ โดยจะมีให้เลือก 2 สี คือ Air Elegant Black/Red และ Air Crisp White/Blue ตัวหูฟังจะเนียนเข้ากับรูหูพอดิบพอดีจริงๆ
เสียดายที่การควบคุมบน Air เกือบจะครบแล้วค่ะ ติดที่ยังต้องเร่งเสียง หรือลดเสียงผ่านมือถือ หรือการใช้ Voice Command เหมือนกับ Airpods เด๊ะเลย ไม่งั้นคงจะเจ๋งกว่านี้
สำหรับใครที่สนใจ Air by crazybaby จะ วางขายในไทยด้วยราคา 6,490 บาท (ถูกกว่า Airpods นิดนึง) และกำลังจะมีวางจำหน่ายที่ iStudio, Studio 7, Gizman, .Life เร็วๆนี้ รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.facebook.com/crazybabyth/ หรือ https://www.facebook.com/crazybabyth/วันนี้ขอฝากไว้เท่านี้ ขอบคุณมากค่า