ในงาน Apple Event 18 ตุลาคม 2021 Apple เปิดตัวบริการ Voice Plan, HomePod mini, AirPods รุ่นที่ 3 และ MacBook Pro พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max
HomePod mini
มาพร้อมสีสันสดใส น้ำเงิน ส้ม เหลือง และสีใหม่ สีขาว และสีเทา space gray เข้ากันกับ iPhone ทำงานร่วมกับ Siri และใช้เป็นอุปกรณ์ smart home ความสูง 3.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับผลิตภัณฑ์ วางจำหน่ายราคา $99
เราได้เห็นการต่อยอดของ Siri กับความปลอดภัยในการใช้งานควบคุม smart home เรียกได้ว่าจิ๋วแต่แจ๋ว ใช้ชิป S5 ขับเสียงตามลักษณะของเสียง
ใครที่ใช้ลำโพงหลายตัว สามารถใช้งาน HomePod mini ในทุกๆ ห้อง ใช้แบบ multiple room ได้ ถ้าใช้ HomePod mini 2 ตัว จะทำ stereo ได้ด้วย รองรับไมโครโฟน 3 ตัว สำหรับสั่งงานผ่าน “Hey Siri” และมีไมค์ที่ตัดเสียงจากลำโพงไม่ให้เข้าไปในไมค์สนทนาในขณะที่เล่นเพลง
HomePod mini ใช้งานได้กับ iPhone SE, iPhone 6s หรือสูงกว่า iPod touch (รุ่นที่ 7) ที่รัน iOS 15, iPad Pro, iPad (รุ่นที่ 5), iPad Air 2 หรือสูงกว่า, หรือ iPad mini 4 หรือสูงกว่า ที่รัน iPadOS 15
Apple Music Voice Plan
Apple Music Voice Plan เริ่มต้นเดือนละ $4.99 เป็นบริการรายเดือนสำหรับ Apple Music ที่ใช้สั่งงาน Siri ทำให้จัดระเบียบ playlist เพลง รวมไปถึง Apple Music Radio ได้
อย่างที่เรารู้กันว่าคนใช้ Siri ทั่วโลก ดังนั้นบริการนี้จะช่วยเสริมประสบการณ์การฟังเพลงโดยใช้คำสั่งเสียงจัดการสั่งงาน Apple Music สมัครโดยพูดว่า “Hey Siri, start my Apple Music Voice trial” หรือสมัครผ่านแอป Apple Music เชื่อมโยงกับคนที่ใช้ HomePod mini, AirPods, iPhone หรืออุปกรณ์อื่นๆ ของ Apple รวมไปถึงการใช้ CarPlay
หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องจ่ายเงิน สั่งงาน Siri “Play the dinner party playlist” “Play something chill” หรือแม้แต่ “Play more like this” เพราะเป็น personalized music experience คือประสบการณ์เฉพาะบุคคลนั่นเอง
เบื้องต้น Apple Music Voice Plan รองรับ 17 ประเทศ คือ Australia, Austria, Canada, China, France, Germany, Hong Kong, India, Ireland, Italy, Japan, Mexico, New Zealand, Spain, Taiwan, United Kingdom และ United States ยังไม่รองรับบริการในไทย
นอกจากนี้มี individual plan ราคา $9.99 ต่อเดือน และ family plan ใช้งานได้ 6 บัญชี ในราคา $14.99 ต่อเดือน
AirPods รุ่นที่ 3
รองรับ spatial audio แบตอยู่ได้นานขึ้น ดีไซน์ใหม่ ใช้ชิป H1 รองรับ Adaptive EQ ฟังเสียงผ่านระบบ spatial audio กับ Dolby Atmos บน Apple Music และรับฟังบน dynamic head tracking จากอุปกรณ์ Apple หูฟังรุ่นใหม่นี้กันน้ำ กันเหงื่อ IPX4 แบตใช้งานได้ 6 ชั่วโมง ประชุมยาวๆ ก็จัดเต็มกันไป ใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง กับการใส่เคสชาร์จ ราคา 6,790 บาท
AirPods ใช้งานได้บนอุปกรณ์ Apple ที่รัน iOS 15.1, iPadOS 15.1, watchOS 8.1, tvOS 15.1 หรือ macOS Monterey
MacBook Pro พร้อมชิป M1 Pro และ M1 Max
MacBook Pro รุ่นใหม่มาพร้อมกล้อง 1080p (ปกติเป็น 720p) พร้อมระบบเสียงที่ดีที่สุดใน notebook และพร้อมทุกการเชื่อมต่อ โดย MacBook Pro มาพร้อมชิปใหม่ M1 Pro และ M1 Max มี 2 ขนาดคือ 14 และ 16 นิ้ว จุดเด่นคือแบตเยอะ ประสิทธิภาพแรง หน้าจอ Liquid Retina XDR display มีติ่งบนหน้าจอ มาพร้อม macOS Monterey ทำให้รีดพลัง M1 Pro และ M1 Max ได้เต็มที่
เน้นสำหรับนักพัฒนา ช่างภาพ คนทำหนัง ศิลปินวาดภาพ 3D นักวิทยาศาสตร์ คนทำเพลง โปรดิวเซอร์ มาพร้อมพอร์ตชาร์จ MagSafe 3 ระบบเสียง ลำโพง 6 ตัว (six-speaker sound system)
หน้าจอ Liquid Retina XDR display พร้อมรองรับ ProMotion
สำหรับชิป M1 Pro ทลายกำแพงของ M1 เดิมไปอีกขั้น รองรับซีพียู สูงสุด 10-core (8 high-performance core และ 2 high-efficiency core และรองรับสูงสุด 16-core GPU โดย CPU M1 Pro เร็วกว่า M1 70% และ GPU เร็วกว่า 2x รองรับแบนด์วิธหน่วยความจำสูงถึง 200GB/s เกือบๆ 3x ของ M1 รองรับแรมสูงสุด 32GB ถูกใจสายตัดต่อวีดีโอแน่นอน
ในขณะที่ชิป M1 Max แรงสุด โดยรองรับ 10-core CPU เท่ากับ M1 Pro และ GPU สูงถึง 32 core ส่วน GPU เร็วกว่า M1 4x แบนด์วิธ 400GB/s เร็วกว่า M1 Pro 2x และเร็วกว่า M1 เกือบๆ 6x รองรับหน่วยความจำ 64GB
มาพร้อม Magic Keyboard ไม่มี Touch Bar แล้ว และมาพร้อม Force Touch trackpad
หน้าจอ mini-LED แบบเดียวกับที่ใช้บน iPad Pro เป็นจอ Liquid Retina XDR display ความสว่าง 1,000 nits (1,600 nits of peak brightness) 1,000,000:1 contrast ratio จอ ProMotion รองรับ refresh rate สูงสุด 120Hz ขอบจอบางแต่มีติ่งบนหน้าจอคล้าย iPhone
พอร์ตจัดเต็ม Thunderbolt 4 ให้มา 3 ช่อง รองรับ SDXC card พอร์ต HDMI และยังมี headphone jack รองรับหูฟังคุณภาพสูง ชาร์จผ่าน MagSafe 3 ชาร์จได้ 50% ภายในเวลา 30 นาที
ส่วนการต่อจอ M1 Pro ต่อ 2 จอ Pro Display XDR และ M1 Max ต่อ 3 จอ Pro Display XDR และจอ 4K TV ได้พร้อมกัน ในขณะที่การเชื่อมต่อไร้สาย รองรับ Wi-Fi 6 และ Bluetooth 5.0
รุ่น 14 นิ้ว M1 Pro เริ่มต้น 73,900 บาท รุ่น 16 นิ้ว M1 Pro เริ่มต้น 89,900 บาท
รุ่น 16 นิ้ว M1 Max เริ่มต้น 124,900 บาท