งาน Apple event มีการเปิดตัว iPhone 12 สีใหม่ purple สีม่วงสวย บริการสมัครสมาชิก Apple Podcast Subscriptions, อุปกรณ์ติดตามของหาย AirTag ทำงานผ่าน Bluetooth ใช้ระบุตำแหน่งสิ่งของ เช่น พวงกุญแจ กระเป๋าสตางค์ แล็ปท็อป พร้อมเผยโฉม iMac รุ่นใหม่ใช้ชิป M1 คีย์บอร์ดมีสแกนนิ้วปลดล็อคเข้าคอมได้ และ new iPad Pro ที่ใช้ชิป M1
เปิดตัวในวันที่พวกเรา Work From Home ยิ่งซื้อกันง่ายขึ้น เพราะยังไงก็ทำงานที่บ้านกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะ iMac และ iPad Pro ที่เป็นผู้ช่วยในการประชุมออนไลน์ เริ่มจาก iMac 7 สี บางเฉียบ
iMac ใช้ชิป M1 ตัวใหม่ ทำให้มีมาเธอร์บอร์ดที่เล็กลง และระบบระบายความร้อนที่เล็กลง โดย iMac รุ่นใหม่นี้บางลง 50 เปอร์เซนต์ มีความบางเพียง 11 มิลลิเมตร วัสดุเป็นกระจกแผ่นเดียวด้านหน้าตัวเครื่อง มาพร้อมหน้าจอ 4.5K Retina ขนาด 24 นิ้ว ขอบจอบาง ขนาดจอจริงๆ เท่ากับจอขนาด 21 นิ้ว หน้าจอใช้เทคโนโลยี TruTone ปรับอุณหภูมิสี (color temperature) ตามสภาพแสงรอบข้างที่เราใช้งาน มาพร้อมกล้อง 1080p ด้วยความที่ใช้ชิป M1 ก็เลยทำให้ได้ภาพที่ดีขึ้น ไมค์สนทนาที่ใช้ประชุมดีขึ้น ลดเสียงรบกวนตอนประชุมออนไลน์ มาพร้อมลำโพง 6 ตัว ซึ่ง Apple อวดว่าคือ “the best sound system ever in a Mac” รองรับ spatial audio ทั้งการเล่นเกม และดูหนัง เอามาทำงาน Xcode, Lightroom และ iMovie ได้ไวขึ้น 85 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และใช้ Final Cut Pro ตัดวีดีโอ 4K 5 คลิปโดยเฟรมเรตไม่ตก
ข้อดีของการใช้ชิป M1 ก็คือใช้แอปและเกมของ iPhone รันบน iMac ได้เลย รับสายและพิมพ์ข้อความแช็ทผ่าน iMac ได้โดยตรง รวมไปถึง Universal Clipboard ที่ใช้ก้อปและวางระหว่าง iPhone และ iMac ได้เลย สะดวกขึ้นมาก ส่วนคีย์บอร์ดมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ Touch ID
iMacs มาพร้อม 7 สี ราคาเริ่มต้น 42,900 บาท สั่งซื้อได้ในวันที่ 30 เมษายน วางจำหน่ายช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม
AirTag อุปกรณ์ห้อยพวงกุญแจ ใช้ค้นหาสิ่งของ ช่วยระบุตำแหน่งสิ่งของสำคัญได้ โดย AirTag มีลักษณะทรงกลม มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำจากสแตนเลสสตีลขัดเงาที่มีการสลักข้อความ ทนน้ำและฝุ่นที่ระดับ IP672 มีลำโพงในตัวที่จะเล่นเสียงเพื่อช่วยระบุตำแหน่ง ถอดเปลี่ยนแบตได้ เชื่อมต่อคล้าย AirPods แค่นำ AirTag มาอยู่ใกล้ๆ iPhone ทั้งคู่ก็จะเชื่อมต่อกันได้ทันที ตั้งชื่อได้ว่าเป็น “กุญแจ” และ “เสื้อแจ็คเก็ต” หรือจะตั้งชื่อเองก็ได้
AirTag ใช้ชิป U1 ของ Apple ใช้เทคโนโลยี Ultra-wideband (UWB) ในการค้นหาตำแหน่ง Precision Finding สำหรับผู้ใช้ iPhone 11 และ iPhone 12 ระบุตำแหน่งได้แม่นยำ (รุ่นอื่น ตั้งแต่ iPhone 6s ขึ้นไป ใช้ได้ แต่ไม่รองรับ Precision Finding) โดยใช้ข้อมูลที่ได้จากทั้งกล้อง, ARKit, อุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหว และไจโรสโคปประกอบกัน ทำให้ค้นหาตำแหน่งได้แม่นยำกว่าแบรนด์อื่นๆ
AirTag มีแบบแพ็ค 1 ชิ้น และ 4 ชิ้นในราคา 990 บาท และ 3,390 บาท ตามลำดับ และมีอุปกรณ์เสริมมาขายด้วย คือ พวงกุญแจหนังสีน้ำตาลอานม้า, รุ่น (PRODUCT)RED และสีบอลติกบลูในราคา 1,390 บาท, ห่วงคล้องแบบหนังสีน้ำตาลอานม้า และรุ่น (PRODUCT)RED ในราคา 1,590 บาท และห่วงคล้องโพลียูรีเทนสีขาว, สีกรมท่าเข้ม, สีเหลืองทานตะวัน และสีส้มอิเล็คทริคในราคา 1,190 บาท
iPad Pro ชิป M1 จอ “Liquid Retina” mini-LED screen สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว
การใช้ชิปตัวใหม่นี้ ทำให้ เร็วกว่ารุ่นเดิม 50 เปอร์เซนต์ เมื่อเทียบกับ iPad Pro รุ่นก่อนหน้านี้ และใช้ GPU 8 แกน ประมวลผลกราฟิกได้เร็วขึ้น 40 เปอร์เซนต์ และทำให้การเขียนข้อมูลไวขึ้น 2x และมาพร้อมรุ่น 2TB ใช้พอร์ต USB-C รองรับ Thunderbolt ทำให้ต่อจอนอกให้กับ iPad ได้ด้วย (สูงสุด 6K) รองรับ mmWave 5G กล้องหน้า 12 MP wide-angle มาพร้อมการแทร็ค “Center Stage” ไม่ว่าเราจะขยับใบหน้าไปจากหน้าจอ ตอนประชุม ก็ทำให้หน้าเราไม่หลุดเฟรม
ขนาดหน้าจอ 12.9 นิ้ว ได้จอใหญ่ ใช้จอแบบ Mini LED display ดีกว่าจอ LCD แบบเดิม โดย Apple เรียกว่า “Liquid Retina XDR display” ความสว่าง 1,000 nits สูงสุด 1,600 nits แสดงผลโดยใช้ 10,000 Mini LEDs ทำให้สามารถแสดงผลความต่างของแสงได้ 2,596 ระดับ และอัตราส่วน contrast ratio 1,000,000:1 รองรับเทคโนโลยี True Tone ปรับ white balance ให้เหมาะกับสภาพแสงของห้อง ส่วนรุ่น 11 นิ้ว ไม่ได้ใช้จอแบบนี้
Apple วางกลุ่มเป้าหมายของคนใช้ iPad Pro บนจอแบบนี้คือ content creators คนถ่ายภาพ คนทำ YouTube มืออาชีพ
ราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท สำหรับรุ่น 11 นิ้ว (จอภาพ Liquid Retina) และเริ่มต้นที่ 37,900 บาท สำหรับรุ่น 12.9 นิ้ว (จอภาพ Liquid Retina XDR) เปิดให้สั่งซื้อ 30 เม.ย. วางจำหน่ายช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม
iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วง (Purple)
ออกสีใหม่ได้สวยมาก มาพร้อมระบบกล้องหลังคู่ จอภาพ Super Retina XDR ดีไซน์ด้านหน้าแบบ Ceremic Shield ชิป A14 Bionic รองรับ 5G โดย iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วง จะเปิดให้สั่งซื้อล่วงหน้าในวันศุกร์ที่ 23 เมษายน และจะเริ่มวางจำหน่ายในวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พร้อมกันนี้ยังมีเคสหนัง MagSafe หรือซองหนังสีม่วงเข้ม เคสซิลิโคนสีคาปรีบลู เขียวพิสตาชิโอ แคนตาลูป หรือม่วงอเมทิสต์ หรือเคสหนังแบบกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลแดงแอริโซนา
iPhone 12 และ iPhone 12 mini สีม่วง แกะกล่องก็มี iOS 14.5 มาให้พร้อมใช้ สามารถปลดล็อค iPhone ด้วย Apple Watch ขณะกำลังสวมหน้ากากได้ และมีแอป Apple Podcasts ให้ใช้ได้ด้วย
iPhone 12 และ iPhone 12 mini เดิมมีสี น้ำเงิน เขียว ดำ ขาว และรุ่น (PRODUCT)RED สีม่วงวางจำหน่ายในรุ่นความจุ 64GB, 128GB และ 256GB เริ่มต้นที่ราคา 29,900 บาท และ 25,900 บาท
Apple TV 4K ใช้ชิป A12 Bionic พร้อมด้วย Apple TV Remote ที่ออกแบบมาใหม่ ควบคุม รายการและภาพยนตร์บน Apple TV ง่ายกว่าเดิม รองรับ HDR (High Dynamic Range) ที่มีอัตราเฟรมสูง และวิดีโอ Dolby Vision ทำให้เล่นคอนเทนต์มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วระดับ 60 เฟรมต่อวินาที (fps) ได้นุ่มนวลยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ Apple กำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการวิดีโอชั้นนำทั่วโลก รวมทั้ง FOX Sports, NBCUniversal, Paramount+, Red Bull TV และ Canal+ เริ่มทำการสตรีมในแบบ HDR ที่มีอัตราเฟรมสูง และด้วยการรองรับอัตราเฟรมสูงใน AirPlay วิดีโอที่บันทึกด้วย iPhone 12 Pro สามารถถ่ายทอดภาพบน Apple TV 4K ใหม่ในแบบ Dolby Vision ที่ระดับ 60 เฟรมต่อวินาทีได้แบบเต็มๆ
Podcasts แบบสมัครสมาชิก Apple Podcasts
บริการสมาชิก Apple Podcasts กับการสมัครสมาชิกแบบพรีเมียม ข้อดีคือ ฟังโดยไม่มีโฆษณาคั่น มีคอนเทนท์พิเศษ เช่น Tenderfoot TV, Pushkin Industries, Radiotopia from PRX และ QCODE รวมไปถึง NPR, Los Angeles Times, The Athletic, Sony Music Entertainment และอื่นๆ อีกมากมาย
การจะใช้งาน จะต้องใช้กับ iOS 14.5 สามารถเข้าถึงแอป Apple Podcasts ซึ่งมีคุณสมบัติของแถบค้นหาที่ดีขึ้นกว่าเดิม ปุ่ม Smart Play สามารถเริ่มฟังรายการตอนล่าสุดได้โดยอัตโนม้ติ และจัดเรียงลำดับรายการตั้งแต่ตอนแรกของแต่ละซีรีส์ได้ด้วย บันทึกรายการแต่ละตอน ดาวน์โหลดเก็บไว้สำหรับฟังแบบออฟไลน์ได้ บุ๊คมาร์คพ็อคคาสท์เพื่อรับฟังในภายหลังได้ นอกจากนี้ Apple ยังผลักดัน Creators เยอะมาก ในการสร้างคอนเทนท์บนพ็อดคาสท์ ราคา 629 บาท ต่อปี แชร์การสมัครสมาชิกสำหรับสมาชิกครอบครัวได้สูงสุด 6 คน
ที่มา Apple edition.cnn.com arstechnica