ในงาน September 2021 Keynote มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ iPhone 13 Series, iPad 9, iPad mini, Apple Watch 7 series รุ่นใหม่ ทีเด็ดคือ iPad Mini ที่หลายคนรอคอย และมีการเพิ่มความจุขั้นต่ำ 2 เท่าจากรุ่นก่อน
iPad 9
หน้าจอ Retina display แบบ True Tone ขนาด 10.2 นิ้ว ใช้ชิป A13 แบตใช้ได้ยาวๆ ทั้งวัน เริ่มต้น $329 กล้องหน้า 12MP มาพร้อมเลนส์ Ultra Wide บนกล้องหน้า พร้อมรองรับ Center Stage รองรับปากกา Apple Pencil (รุ่น 1) และ Smart Keyboard ใช้ iPadOS 15 ได้ความจุเริ่มต้นเพิ่มเป็น 2 เท่าจากรุ่นก่อน โปรดตรวจสอบวันวางจำหน่ายอีกครั้ง
มีการนำเอา Center Stage บน iPad Pro มาไว้บน iPad ทำให้วีดีโอคอลแล้วกล้องจับใบหน้าให้อยู่ตรงกลางเฟรม แพนกล้องอัตโนมัติไม่ให้เราตกขอบเฟรม ใช้ได้กับ FaceTime และแอปประชุมที่รองรับ
ครั้งแรกที่จอ True Tone มาอยู่บน iPad รุ่น 10.2 นิ้ว Retina display ปรับแสงให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมของแสงในห้อง
ได้ความจุเพิ่ม 2 เท่า หมายความว่า เริ่มต้น 64GB ปกติเริ่มต้น 32GB ใช้กันไม่พอแล้ว แล้วก็ข้ามไป 256GB เลย
รุ่น Wi-Fi 64GB ราคา 11,400 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular 64GB ราคา 16,400 บาท
ในขณะที่ iPadOS 15 อัปเดตได้ในวันที่ 20 กันยายนนี้ และยังใช้งานได้บน iPad mini 4 ขึ้นไป, iPad Air 2 ขึ้นไป, iPad 5 ขึ้นไป และ iPad Pro ทุกรุ่น
iPad mini
หน้าจอ 8.3 นิ้ว แบบ Liquid Retina display ขอบบาง ความสว่าง 500 nits ค่าสี P3 wide color gamut จอด้านลดแสงสะท้อน จอ True Tone ใช้ชิป A15 Bionic รองรับ Center Stage รองรับ 5G รองรับ Touch ID แรงกว่ารุ่นเดิม 80 เปอร์เซนต์ ใช้พอร์ต USB-C รุ่น cellular รองรับ 5G ใช้กับ Apple Pencil (รุ่น 2) โปรดตรวจสอบวันวางจำหน่ายอีกครั้ง
กล้องใหม่ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มาพร้อมสี pink, starlight, purple และ space gray ย้าย Touch ID ไปไว้บนปุ่มบนตัวเครื่อง
Center Stage บน iPad mini กล้องหน้ามุมกว้าง 12MP ใช้เรียนออนไลน์ ประชุมออนไลน์ กล้องจับใบหน้าแพนกล้องให้ใบหน้าเราอยู่ตรงกลาง ไม่ตกขอบตกเฟรม
กล้องหลังบอกเลยว่าดีมาก 12MP พร้อม Focus Pixels รองรับ True Tone flash แสงน้อยก็ไม่หวั่น พร้อมรองรับ Smart HDR
ส่วนเรื่องพอร์ตนั้น iPad mini ใชัพอร์ต USB-C
ราคาวางจำหน่าย
รุ่น Wi-Fi เริ่มต้น 17,900 บาท
รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้น 23,400 บาท
เริ่มต้น 64GB และ 256GB สี pink, starlight, purple และ space gray
Apple Watch Series 7
จอใหญ่ขึ้น รองรับชาร์จไว ตัวเครื่องอลูมิเนียมสีใหม่ รันบน watchOS 8
หน้าจอ Always-On Retina display ขอบบาง จอใหญ่มองสบายตาขึ้น ดีไซน์ดูกลม มน ขึ้น มาพร้อม 2 watch faces คือ Contour และ Modular Duo ออกแบบพิเศษสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ แบตใช้งานได้ 18 ชั่วโมง
เป็นรุ่นแรกที่รองรับ IP6X กันฝุ่น และกันน้ำ WR50 (water resistance)
สำหรับคนดูแลสุขภาพ รองรับ electrical heart sensor และ ECG พร้อมเซ็นเซอร์ Blood Oxygen รองรับคีย์บอร์ด QWERTY หรือพิมพ์แบบ swiped บน QuickPath
พร้อมวางจำหน่ายภายในปีนี้
iPhone 13
iPhone 13 (ุ6.1 นิ้ว), iPhone 13 mini (5.8 นิ้ว)
จอ Super Retina XDR display มี 2 กล้องหลัง (กล้อง dual-camera กล้องคู่) ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดี รองรับ Cinematic mode ถ่ายวีดีโอดีมาก เลือกถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ หรือหลังเบลอ หน้าชัดได้ ใช้ชิป A15 Bionic แบตอยู่ได้นานขึ้น
โดย iPhone 13 และ iPhone 13 mini มี 5 สี กล้องใหม่ มาพร้อมกล้อง Wide ที่มีพิกเซลและเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น รองรับ optical image stabilization (OIS) ถ่ายภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ถ่ายภาพ Photographic Styles และ Cinematic mode มิติใหม่ของการถ่ายวีดีโอ ด้วยโหมดกล้องใหม่ โหมดวีดีโอหน้าชัดหลังเบลอ Cinematic Mode อยากให้ตรงไหนชัด ตรงไหนเบลอ เลือกกำหนดได้เลย
ตัวเครื่องทนทานขึ้น Ceramic Shield ความจุตัวเครื่องเบิ้ลให้ 2 เท่า เริ่มต้น 128GB และมีรุ่น 256GB และ 512GB กันน้ำกันฝุ่น IP68 ใช้ 5G ได้
iPhone 13 และ iPhone 13 mini มีสี (PRODUCT)RED, starlight, midnight, blue และ pink
เริ่มเปิดให้จองในไทย 1 ตุลาคม วางจำหน่าย 8 ตุลาคม รันบน iOS 15 สามารถใช้ Portrait mode จากแอพ
กล้องหลักได้เลย
iPhone 13 Pro (6.1 นิ้ว) และ iPhone 13 Pro Max (6.7 นิ้ว)
จอ Super Retina XDR display with ProMotion ชิป A15 Bionic ใช้งาน 5G ได้ หน้าจอ 120Hz คืออยากได้จอนี้ต้อง 2 รุ่นนี้เลย มี 3 กล้องหลังเรียงเหมือนเดิม มีกล้อง Ultra Wide, Wide และ Telephoto ถ่าย macro สวยๆ ถ่ายภาพ Photographic Styles คล้ายใช้แอปถ่ายภาพ รองรับ Night mode บนทุกกล้อง ถ่ายวีดีโอ Cinematic mode หน้าชัด หลังเบลอ หรือหลังเบลอ หน้าชัด ถ่าย macro video, Time-lapse และ Slo-mo จัดการแสงได้ดีขึ้น รองรับ Dolby Vision และรองรับ ProRes บน iPhone เป็นครั้งแรก แบตใช้งานนานขึ้น iPhone 13 Pro Max มีความจุ 1TB และใช้ Ceramic Shield ทนทาน แข็งแรงกว่ากระจก
มีสี graphite, gold, silver และ all-new sierra blue สั่งซื้อล่วงหน้า 1 ต.ค. เริ่มวางจำหน่าย 8 ต.ค. ความจุ 128GB, 256GB, 512GB และ 1TB
ราคาไทย
ราคา iPhone 13 เริ่มต้น 128GB
iPhone 13 mini เริ่มต้น 25,900 บาท
iPhone 13 เริ่มต้น 29,900 บาท
iPhone 13 Pro เริ่มต้น 38,900 บาท
iPhone 13 Pro Max 42,900 บาท
สั่งซื้อล่วงหน้า 1 ตุลาคม
เริ่มวางจำหน่าย 8 ตุลาคม
iPad Mini รุ่น Wi-Fi 17,900 บาท รุ่น Wi-Fi + Cellular 23,400 ความจุ 64GB 128GB
iPad 9 รุ่น Wi-Fi 11,400 บาท รุ่น Wi-Fi + Cellular 16,400 บาท รองรับปากกา Apple Pencil รุ่น 1 ความจุ 64GB และ 128GB