งานเปิดตัวกลางปี Samsung Galaxy Unpacked Event 2021 เปิดตัว Foldable Phones รุ่นใหม่, นาฬิกา smartwatches รุ่นใหม่ และหูฟังไร้สายรุ่นใหม่
Galaxy Watch4 series
Galaxy Watch4 และ Galaxy Watch4 Classic สมาร์ทวอชท์รุ่นแรกที่มาพร้อม Wear OS™ ที่พัฒนาร่วมกับ Google รวมถึง One UI Watch ใหม่
Galaxy Watch4 series มาพร้อมเซ็นเซอร์ BioActive สามารถตรวจจับข้อมูลได้ถึง 2,400 จุด โดยใช้เวลาในการตรวจวัดเพียง 15 วินาที ประมวลค่าด้านสุขภาพได้อย่างละเอียดแบบ 3-in-1 ตั้งแต่ การวัดอัตราการเต้นของหัวใจ (Optical Heart Rate) คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrical Heart) และการวิเคราะห์องค์ประกอบของร่างกายหรือ BIA (Bioelectrical Impedance Analysis) ตรวจวัดความดันโลหิต (เปิดให้บริการในบางประเทศ) ตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (AFib) ตรวจวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เปิดให้บริการในบางประเทศ วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) วิเคราะห์องค์ประกอบร่างกาย โดยประเมินจากค่ามวลกระดูกและกล้ามเนื้อ อัตราการเผาผลาญพลังงาน และเปอร์เซ็นต์น้ำและไขมันในร่างกาย
ติดตามรูปแบบการนอนหลับ ได้สมบูรณ์ที่สุด โดยสามารถใช้สมาร์ทโฟนที่รองรับในการตรวจจับเสียงกรน [หากต้องการบันทึกเสียงกรน สวมสมาร์ทวอทช์ขณะเข้านอนพร้อมวางสมาร์ทโฟนไว้ในบริเวณใกล้เคียง เช่น โต๊ะข้างเตียง โดยหันด้านล่างของตัวเครื่องเข้าหาตัว (วัดค่าออกซิเจนในเลือดขณะนอนหลับได้ด้วย) พร้อมวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ขณะนอนหลับ รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยประเมินและให้คะแนนคุณภาพการนอนหลับ (Sleep Scores) เรียนรู้รูปแบบการนอนของตัวเองเพื่อนำไปปรับกิจวัตรการพักผ่อนให้เหมาะสมยิ่งขึ้นได้
Galaxy Watch4 series ถือเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นแรกที่ใช้ชิปเซ็ตแบบ 5nm ทำให้ CPU เร็วขึ้น 20% หน่วยความจำหลัก (RAM) เพิ่มขึ้น 50% และหน่วยประมวลกราฟฟิก (GPU) แรงขึ้น 10 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ความละเอียดหน้าจอ 450 x 450 พิกเซล และหน่วยความจำขนาด 16GB ใช้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน พร้อมจัดเก็บเพลงและภาพได้มากเท่าที่ต้องการ พร้อม Knox security ปลอดภัย รองรับ eSIM ไม่ต้องพกมือถือ รองรับการเชื่อมต่อ LTE ส่วนแบตเตอรี่ ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 40 ชั่วโมง ชาร์จ 30 นาที ใช้งานได้เพิ่มถึง 10 ชั่วโมง
Galaxy Watch4 หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร (BLT) สีดำและพิงค์โกลด์ ราคา 7,990 บาท (BLT) หน้าปัดขนาด 44 มิลลิเมตร สีดำและสีเขียว ราคา 8,990 บาท (BLT) และ 10,900 บาท (LTE)
Galaxy Watch4 Classic หน้าปัดแบบหมุน ขนาด 46 มิลลิเมตร สีดำและสีเงิน ราคา 11,900 บาท (BLT) และ 13,900 บาท (LTE) สีดำ ส่วน Galaxy Watch4 Classic Thom Browne เคลือบโรเดียม รุ่นพิเศษ จะวางจำหน่ายในปลายเดือนกันยายนนี้
Galaxy Z Fold3 5G และ Galaxy Z Flip 3 5G
ต่อยอดมือถือจอพับ Gen 3 ของ Samsung ที่พยายามเปลี่ยนเพื่อให้ผู้คนหันมาใช้มือถือฝาพับ
Galaxy Z Fold 3 5G
Galaxy Z Fold3 5G ได้รับการปรับปรุงให้เหมาะกับการทำงาน Multi-Task มากขึ้น จอแสดงผล Infinity Flex ขนาด 7.6 นิ้ว รองรับการใช้งาน S Pen บนสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เป็นครั้งแรก
หน้าจอแสดงผล Infinity Flex ขนาด 7.6 นิ้ว มีกล้องใต้จอ (Under display camera) พร้อมเทคโนโลยีการแสดงผลหน้าจอ Eco แบบใหม่ ที่ให้ความสว่างหน้าจอเพิ่มขึ้นถึง 29% แต่ใช้พลังงานน้อยลง รวมถึงอัตรารีเฟรชหน้าจอที่ 120Hz จอนอก จอในก็ทัชลื่น
Galaxy Z Fold3 5G วางจำหน่ายในราคา 57,900 บาท (256GB) และ 61,900 บาท (512GB) มี 3 สี ได้แก่ สีดำ Phantom Black, สีเขียว Phantom Green และ สีเงิน Phantom Silver
Galaxy Z Flip3 5G
หลายๆ คนหลงหลัก Z Flip เพราะดีไซน์สวย เล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก ปรับปรุงกล้องใหม่ และหน้าจอด้านหน้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้ถ่ายวีดีโอได้สะดวก
จอด้านนอกขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่า ดูการแจ้งเตือนหรือข้อความต่างๆ โดยไม่จำเป็นต้องกางสมาร์ทโฟนออก หรือแม้แต่เปลี่ยนภาพวอลเปเปอร์ให้แมทช์กับหน้าปัดของ Galaxy Watch4 series
Galaxy Z Flip3 5G มีข้อดีคือ ใช้ตั้งถ่ายเซลฟี่บน Flex mode โดยไม่ต้องใช้มือจับมือถือ หรือแม้แต่อยู่โหมดพับ ก็ถ่ายภาพ วีดีโอได้ด้วยฟีเจอร์ Quick Shot หน้าจอมีอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ปรับอัตโนมัติตามลักษณะการใช้งาน ลำโพงสเตอริโอระบบเสียง Dolby Atmos® และเมื่อใช้งาน Flex Mode ฟีเจอร์แผงควบคุม (Flex Mode Panel) จะแสดงผลคอนเทนต์วิดีโอที่จอด้านบน
Galaxy Z Fold3 5G | Flip3 5G มาพร้อมมาตรฐานการทนน้ำระดับ IPX8 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของสมาร์ทโฟนตระกูล Z Series ใช้วัสดุตัวเครื่องที่ทำมาจาก Armor Aluminum ซึ่งเป็นอลูมิเนียมที่แข็งแรงที่สุดเท่าที่เคยนำมาใช้กับสมาร์ทโฟน รวมถึง Corning® Gorilla® Glass Victus™ กันรอยขีดข่วนและการตกหล่น พร้อมฟิล์มกันรอยแบบยืดชนิดใหม่ (Stretchable PET) และการปรับชั้นแผงหน้าจอหลัก ซึ่งส่งผลให้หน้าจอมีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 80%
นวัตกรรมบานพับ ‘Hideaway Hinge’ เป็นเอกลักษณ์ของ Samsung ที่สามารถกางออก และปรับองศาหน้าจอได้ตามต้องการเมื่อใช้งาน Flex mode รองรับการพับ 200,000 ครั้ง จาก Bureau Veritas พร้อมปรับเส้นใยไฟเบอร์ของ Sweeper technology ที่ทำหน้าที่กันฝุ่นละอองและสิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าไปที่บานพับให้มีขนาดสั้นลง ทำให้เครื่องบางเบา ใช้ชิปเซ็ต 5nm AP รองรับ 5G
สำหรับ S Pen เวอร์ชั่นใหม่ ได้รับการพัฒนามาเพื่อใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โดยเฉพาะ มี 2 ตัวเลือก คือ S Pen Fold Edition และ S Pen Pro ซึ่งทั้งคู่มาพร้อมหัวปากกาที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อปกป้องหน้าจอด้วยการจำกัดแรงกดลงบนหน้าจอหลักของ Galaxy Z Fold3 5G ความหน่วงต่ำ (low latency) เขียนลื่นเหมือนปากกาจริง
Flex mode และ Multi-Active Window ใน Galaxy Z Fold3 5G ใช้งาน App Pair ได้ง่ายขึ้น ผ่านการสร้างปุ่มลัด (Shortcut) เพื่อเปิดใช้งานแอปพลิเคชันที่ได้รับการจับคู่ไว้ได้อย่างสะดวกในการใช้งานครั้งต่อไป รวมถึงแถบเมนูใหม่ (Taskbar) ที่ให้ผู้ใช้สลับการใช้งานระหว่างแอปได้ทันทีโดยไม่ต้องย้อนกลับไปที่หน้าหลัก (Home screen) ก่อน
Galaxy Z Flip3 5G วางจำหน่ายในราคา 34,900 บาท (128GB) และ 36,900 บาท (256GB) มี 4 สี ได้แก่ สีครีม, สีเขียว, สีม่วงลาเวนเดอร์ และ สีดำ Phantom Black พร้อมเคสรุ่นใหม่ที่มาพร้อมห่วงและสายคล้องนิ้ว พร้อมเลือกแมทช์สี ได้แก่ สีเทา, สีชมพู และสีขาว เอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะ Samsung.com เท่านั้น
Galaxy Buds2
Galaxy Buds2 หูฟังไร้สาย เล็ก น้ำหนักเบาที่สุดของ Samsung สวมใส่สบายได้ตลอดทั้งวัน เน้นทำงานและเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และสมาร์ทวอทช์ในอีโคซิสเต็มของ Samsung Galaxy มีลำโพงไดนามิกระบบ 2 ทิศทาง พร้อม Active Noise Cancelling ที่ช่วยตัดเสียงรบกวนภายนอกได้สูงสุดถึง 98% และหากยังต้องการได้ยินเสียงบรรยากาศโดยรอบ สามารถเลือกปรับ Ambient Sound ได้ถึง 3 ระดับ และฟีเจอร์ใหม่ ‘Earbud fit test’ บนแอปพลิเคชัน Galaxy Wearable เพื่อทดสอบการสวมใส่ให้พอดียิ่งขึ้น
Galaxy Buds2 วางจำหน่ายในราคา 3,990 บาท มี 3 สี ได้แก่ สีแกรไฟต์, สีเขียว Olive และ สีม่วงลาเวนเดอร์