หนึ่งในปัญหาที่คนยุคปัจจุบันส่วนใหญ่มักจะต้องเคยประสบกันก็คือปัญหาเน็ตช้า Wi-Fi ช้า ที่ใคร ๆ ก็ชอบบ่นกันว่า ทำไมสัญญาณ Wi-Fi อ่อนจัง ทำไมเดี๋ยวต่อได้เดี๋ยวต่อไม่ได้ บางทีต่อได้ก็เปิดเว็บไม่ค่อยขึ้น สัญญาณเต็ม 4 ขีดแต่กลับใช้ไม่ค่อยได้ ความเร็วแกว่ง หลุดบ่อย เล่นเกมแล้วแลค ฯลฯ มันเป็นเพราะอะไรกันหนอ วันนี้เราก็เลยจะมาช่วยแนะนำกันว่าสาเหตุที่ Wi-Fi ช้านั้นเกิดจากอะไรได้บ้าง และควรเช็คที่อะไร แก้ยังไง ในแบบเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไปดูกันเลย
แน่ใจนะว่าปัญหาอยุ่ที่ Wi-Fi?
ก่อนอื่นเลยต้องลองเสียบสาย LAN ดูก่อนว่ามีปัญหาเน็ตไม่นิ่งหรือสปีดตกเหมือนกับ Wi-Fi หรือไม่ ถ้าหาก LAN ก็มีปัญหาเดียวกัน แสดงว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ Wi-Fi แต่เกิดจากอย่างอื่น เช่น Router มีปัญหา สายภายในมีปัญหา สายภายนอกมีปัญหา หรือแม้กระทั่งปัญหาที่เกิดจากผู้ให้บริการเอง แต่ถ้า LAN ไม่มีปัญหา ก็แสดงว่าเป็นที ่Wi-Fi
Wi-Fi ช้ากันหมดทุกเครื่องรึเปล่า?
ลองเช็กดูก่อนว่าที่เน็ต Wi-Fi ช้านั้น เป็นเฉพาะอุปกรณ์ที่ใช้อยู่เพียงแค่เครื่องเดียว หรือว่าเป็นกันหมดทุกเครื่อง ถ้าเกิดช้าแค่เครื่องเดียว ปัญหาก็อาจเกิดที่ตัวรับ Wi-Fi ของเครื่องนั้นมีปัญหา หรืออาจเกิดจากสาเหตุอื่นภายในเครื่อง เช่น ติดไวรัส ฯลฯ แต่ถ้าเกิดเป็นกันทุกเครื่อง ก็มาหาสาเหตุอื่นกันต่อ
จำนวนคนใช้ Wi-Fi
Router ทั่วไปโดยเฉพาะที่แถมมาจากผู้ให้บริการ ถ้าหามีคนใช้ Wi-Fi พร้อมกันมาก ๆ เช่น มากกว่า 10 คน ก็อาจทำให้เน็ตช้าได้ การเปลี่ยนไปใช้ Router ที่รองรับจำนวนคนมากขึ้นก็จะช่วยได้ แต่ถ้ามีคนโหลดไฟล์หรือโหลดบิทกันเยอะ ๆ อันนี้คงต้องคุยกันเองหรือไม่ก็หา Router ที่มีฟีเจอร์ QOS หรือ Bandwidth Limiter มาใช้
ตำแหน่งการวาง Router
Router ที่ทำหน้าที่ปล่อยสัญญาณ Wi-Fi นั้นไม่ควรวางใกล้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด เช่น แอร์ ไมโครเวฟ หรือตู้เย็น เนื่องจากอาจมีสัญญาณรบกวนได้ และไม่ควรวางไว้ในมุมอับที่มีสิ่งของบังหรือกีดขวาง
ให้ลองโหลดโปรแกรม Acrylic WIFI สำหรับ Windows หรือ WIFI Explorer สำหรับ Mac หรือแอพ Wifi Analyzer เพื่อดูว่าสัญญาณ Wi-Fi ในละแวกนั้นมีเยอะแค่ไหน และใช้ Channel ไหนกันบ้าง แล้วมันซ้อนทับหรือชนกับ Channel Wi-Fi ที่เราใช้อยู่หรือไม่ เพราะอาจทำให้สัญญาณดรอป โดยให้เข้าไปปรับในหน้า Admin ของ Router หัวข้อเกี่ยวกับ Wireless Lan เพื่อย้ายไปใช้ Channel ที่ไม่ชนกับของคนอื่นหรือชนน้อยที่สุด หรือเปลี่ยนไปใช้ Wi-Fi ac 5GHz แทน เพราะจะมี Channel ว่างให้ใช้เยอะมากกว่า แต่ทั้งตัว Router และอุปกรณ์ที่รับ Wi-Fi จะต้องรองรับ Wi-Fi ac ด้วย
กรณีที่นั่งเล่นเน็ตอยู่ห่างจากตัว Router เกิน 5-10 เมตร (ขึ้นอยู่กับ Router) หรืออยู่คนละห้อง ก็อาจทำให้สัญญาณดรอป ซึ่งวิธีนี้สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการซื้อ Router ที่มีกำลังส่งสูงขึ้น แต่วิธีที่ดีกว่านั้นก็คือการซื้อ Router อีกตัวหนึ่งที่รองรับการกระจายสัญญาณ (Repeater) เพื่อทำหน้าที่รับ Wi-Fi มาปล่อยต่อให้กว้างไกลขึ้น หรือเลือกใช้ Powerline ที่ใช้การแชร์เน็ตผ่านสายไฟบ้าน
ปัญหาเกิดจากตัว Router เองรึเปล่า?
ในบางกรณีต้นเหตุอาจไม่ได้มาจากอะไรเลย แต่ดันมาจาก Router ที่เราใช้อยู่เองซะงั้น เช่น Router ที่แถมมาจากผู้ให้บริการอาจไม่รองรับความเร็ว Wi-Fi มากพอ หรือ Router อาจเสื่อมสถาพ ทำให้การปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ผิดปกติ ไม่สเถียร แต่จะรู้ได้ไงว่าเสื่อม? ถ้าเอาง่าย ๆ เลยก็หา Router ตัวอื่นมาทดลองดูว่ามีอาการเดียวกันหรือไม่ ถ้า Router ตัวอื่นไม่มีปัญหาก็แสดงว่าตัวที่เราใช้อยู่นั้นเสื่อมแล้ว ส่งเคลมโลด
ยังไงมีสายก็ดีกว่าไร้สาย
จริงอยู่ที่การใช้ Wi-Fi นั้นมันสะดวกกว่า แต่ถ้าเทียบเรื่องความแรงและความเสถียรแล้ว ยังไงสาย LAN ก็กินขาดแน่นอน สำหรับมือถือหรืออุปกรณ์พกพานั้นคงไม่มีทางเลือกเพราะต้องใช้ Wi-Fi เท่านั้น แต่สำหรับ PC, Notebook หรือเครื่องเกมนั้น ถ้าหากสามารถใช้สาย LAN ได้ก็จะดีกว่า หรือกรณีอยู่ห่างจาก Router ก็อาจใช้ Powerline แทนก็ได้เช่นกัน ซึ่งเน็ตผ่านสายไฟนั้นมีความสเถียรแทบจะไม่ต่างจากสาย LAN เลยทีเดียว แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น ควรอยู่ในตู้เบรกเกอร์เดียวกัน ไม่งั้นสัญญาณจะดรอป
เครดิตภาพจาก PCmag, mywifinotworking