เดินทางมาถึงสองเดือนสุดท้ายของปี 2019 ในขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนร้อนแรงที่สุด iPhone 11 Pro Max และ Galaxy Note10+ ยังเป็นเรือธงสองรุ่นที่น่าใช้งานที่สุดในปีนี้ แล้วเครื่องไหนจะเหมาะกับคุณมากกว่า เดี๋ยวอุ้มจะไปเทียบแต่ละด้านให้ชมกันเลยนะคะ
เทียบขนาดหน้าจอ
iPhone 11 Pro Max
มากับหน้าจอ 6.5 นิ้ว แบบ Super Retina XDR รองรับ Multi‑Touch แบบ OLED ความละเอียด 2688 x 1242 Pixel ที่ 458 ppi การแสดงผลแบบ True Tone มีรอยบากด้านบนหน้าจอ อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 ~83.7% screen-to-body ratio ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR)
Galaxy Note 10+
มากับหน้าจอ Dynamic AMOLED ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 3040 x 1440 (Quad HD+) แสดงผล 16M สี 498 ppi ~91.0% screen-to-body ratio
โดยส่วนตัวอุ้มชอบจอ Galaxy Note10+ มากกว่า เพราะด้านบนไม่มีอะไรบดบังสายตา ดูได้เต็มตามากกว่า นี่ก็ยังรออยู่นะคะ เมื่อไหร่ iPhone จะเอารอยบากออกไปสักที (คิดว่าปีหน้าคงได้เห็นกันละเนาะ)
สีใหม่
iPhone 11 Pro Max มีสีใหม่คือ เขียวมิดไนท์กรีน ดีตรงที่ด้านหลังไม่มีรอยนิ้วมือให้หงุดหงิดใจ ส่วนสีใหม่ Galaxy Note 10+ คือ Aurora Glow ชอบตรงที่เล่นกับแสง สะท้อนกับแสงมองเห็นได้หลายสี แต่ต้องแลกกับลายนิ้วมือที่ติดเต็มฝาหลังได้ง่าย เรื่องนี้แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนนะคะ สวยคนละแบบ
เทียบน้ำหนัก
iPhone 11 Pro Max มีน้ำหนัก 226 กรัม เมื่อใช้งานจริง อุ้มรู้สึกว่าจับได้ถนัดมือมากกว่า ส่วน Galaxy Note 10+ 196 กรัม เบากว่า แต่ด้วยความที่ตัวเครื่องมีความยาวมากกว่า ก็เลยทำให้ถือมือเดียวถนัดน้อยกว่า
เทียบกล้อง
กล้องหลัง iPhone 11 Pro Max
จะมาพร้อมกับ 3 เลนส์ คือ Wide, Ultra Wide และ TelePhoto ความละเอียด 12MP
- Ultra Wide : รูรับแสงขนาด ƒ/2.4 และมุมมองภาพ 120 องศา
- Wide: รูรับแสงขนาด ƒ/1.8
- TelePhoto: รูรับแสงขนาด ƒ/2.0
- ซูมเข้าแบบ Optical Zoom 2 เท่า ซูมออกแบบ Optical Zoom 2 เท่า และซูมแบบ Digital Zoom สูงสุด 10 เท่า
- โหมดภาพถ่ายบุคคล (Bokeh) ที่สมจริงและการควบคุมระยะชัดลึก
- ระบบป้องกันภาพสั่นไหวคู่แบบ Optical (สำหรับเลนส์ Wide และ TelePhoto)
- ชุดเลนส์ 5 ชิ้น (Ultra Wide) และชุดเลนส์ 6 ชิ้น (Wide และ TelePhoto)
- แฟลช True Tone ที่สว่างยิ่งขึ้นพร้อมคุณสมบัติสโลว์ซิงค์
สิ่งที่ iPhone มีให้คือ จัดแสงภาพถ่ายบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ (แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำ, แสงไฟขาวดำไฮคีย์)
กล้องหลัง Galaxy Note 10+
จะมาพร้อมกับเลนส์ Wide, Telephoto, Ultra Wide, TOF
- กล้องหลังความละเอียด 12.0 MP + 16.0 MP + 12.0 MP + VGA F1.5/F2.4 (Dual Aperture) , F2.2 , F2.1 , F1.4
- รองรับ Optical Zoom สูงสุด 2x , Digital Zoom สูงสุด 10x
เทียบภาพถ่าย
ถ้าให้เทียบภาพถ่ายในที่แสงปกติ อุ้มว่าทั้ง iPhone 11 Pro Max และ Galaxy Note 10+ ก็สามารถทำได้ดีมากๆ ทั้งคู่ จะต่างกันในเรื่องการถ่ายภาพ Portrait ที่ตั้งแต่ Note 10+ ทำการอัพเดท FW กล้อง ก็สามารถถ่ายได้แนบเนียนและเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ส่วน iPhone 11 Pro Max ก็ทำได้ดีกว่าเดิม เสียเรื่องการถ่ายพวกหลอด หรือการตัดขอบเล็กๆน้อยๆ ที่ยังทำได้ไม่ละเอียดเท่าไหร่
ส่วนภาพถ่ายในที่แสงน้อย ถ้าให้อุ้มเทียบ iPhone 11 Pro Max กับ iPhone รุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด ต้องใช้คำว่าทำได้ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยจะสามารถถ่ายแบบ Night Mode ได้ทั้งเลนส์เทเล และเลนส์หลัก แต่ Galaxy Note 10+ ยังทำภาพรวมของการถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีมากกว่า โดยจะยกเอาทั้งภาพให้สว่างมากขึ้น ลองดูตัวอย่างภาพด้านล่างกันได้เลยค่า
เทียบการถ่ายวีดีโอ
เดี๋ยวเริ่มจากการไปชมตัวอย่างวิดีโอในคลิปรีวิวของอุ้มกันก่อนนะคะ
โดยปกติแล้ว อุ้มมักจะใช้ Note 10+ ในการเป็นกล้องสอง เวลาทำการถ่ายรีวิวต่างๆ ในสตูดิโอ เพราะมันสามารถทำออกมาได้ดี จนบางทีแยกไม่ออกด้วยซ้ำ ว่าคลิปไหนมาจากกล้องใหญ่ หรือคลิปไหนมาจากกล้อง Note 10+ และการถ่าย Vlog ด้วย Note 10+ ก็ทำได้ดีอีกเช่นเดียวกัน โหมดที่อุ้มชอบใช้คือ Live Focus Video ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีประโยชน์มากๆ
แต่ iPhone 11 Pro Max ก็พัฒนาเรื่องกันสั่นขึ้นมาอย่างโหดมากๆ น่าจะเป็นมือถือที่นิ่งที่สุดตัวนึงเวลาเราเดินถ่ายวิดีโอ และยังมีเลนส์ Ultrawide เข้ามา ทำให้เราได้มุมมองของวิดีโอที่แตกต่างออกไปอีกด้วย
เทียบประสิทธิภาพ
iPhone 11 Pro Max
จะมาพร้อมกับชิปตัวล่าสุดคือ A13 Bionic มาพร้อม RAM 4GB มี 3 ความจุ ให้เลือกคือ 64GB / 256GB / 512GB และรันบน iOS 13
Galaxy Note 10+
จะมาพร้อมกับชิปเซ็ต Exynos 9825 Octa-Core 2.7GHz, 2.4GHz, 1.9GHz ให้แรมมา 12GB และ ROM 256 GB สามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB และรันบน Android 9.0
เทียบการเล่นเกม
ในปีนี้ iPhone 11 Pro Max จะมาพร้อมกับ Touch Sensing 90Hz ไม่ว่าจะกดปุ่ม คอนโทรลอะไรก็ตาม ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ไวมากๆ ใครที่ชอบเล่นเกม iPhone 11 Pro Max ก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวนึง เพราะสามารถดันทุกเกมขึ้นไปที่ขีดสุดได้
ส่วน Galaxy Note 10+ ที่จริงๆแล้วถูกออกแบบมาสำหรับการทำงาน มากกว่าการเล่นเกม แต่ด้วยจอที่ใหญ่เต็มตา สีสันสวยงาม ทำให้เล่นเกมได้สนุกมากยิ่งขึ้นและเพลินมากยิ่งขึ้น อย่างเกม Speed Drifters ที่อุ้มเล่นอยู่ปกติ อุ้มก็ชอบเล่นจาก Note10+ นี่ละค่า เพราะมันควบคุมง่ายดี 555
เทียบแบตเตอรี่
iPhone 11 Pro Max มาพร้อมแบตขนาด 3969 mAh
Galaxy Note 10+ มาพร้อมแบตขนาด 4300 mAh
เป็นอีกเรื่องนึง ที่ iPhone 11 Pro Max ทำได้ดีขึ้นจนน่าตกใจ ตอนแรกที่เห็นเค้าเคลมว่า จะใช้งานได้มากกว่า iPhone XS Max 4-5 ชม. บอกตามตรงว่า ไม่เชื่อค่ะ 555 แต่พอมาใช้งานจริงๆ เออ อึดแฮะ เป็นครั้งแรกที่แบตสูสีกับ Galaxy Note 10+ เลยค่ะ เวลาใช้งานจริงๆ แต่การชาร์จเร็วยังแพ้ให้กับพี่โน็ตเน้อ
เทียบราคา
Samsung Galaxy Note 10+ ราคา 37,900 บาท (256GB)
Apple iPhone 11 Pro Max ราคา 45,900 บาท (256GB)
สรุป
จะผิดมั้ย ถ้าจะบอกว่า ควรมีทั้งคู่ 555 ซึ่งตอนนี้อุ้มก็ยังถืออยู่ทั้งคู่จริงๆค่ะ เพราะ Note10+ ยังคงเป็นมือถือที่อุ้มใช้ประโยชน์จากมันได้คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเขียนงาน จดบันทึก เขียนไอเดียก่อนเริ่มทำรีวิว จนไปถึงการถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ ตัดต่อในมือถือ หรือดึงภาพและคลิปผ่าน DeX เจ้านี่ทำให้อุ้มหาเงินได้สบายขึ้นมากๆ จนเวลาไม่ได้พกไปไหนมาไหนด้วย จะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
ส่วน iPhone 11 Pro Max ในปีนี้ก็ทำออกมาได้ดี จนต้องยอมให้ ทั้ง Perfermance โดยรวม จนไปถึงเรื่องแบตเตอรี่ ที่ทำให้เราบ่นมานานแสนนาน เรียกว่าแฟนๆ iPhone ก็ได้ดีใจกันสักทีนะคะ
วันนี้อุ้มขอฝากการเปรียบเทียบระหว่างเรือธงที่ดีที่สุดทั้งสองแบรนด์ไว้เท่านี้ ไว้มีโอกาสจะเอามาเทียบกันใหม่นะคะ ขอบคุณมากค่า
สเปค iPhone 11 Pro Max