จบไปแล้วสำหรับงานเปิดตัว iPhone 2018 ของแอปเปิล ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ออกมา 3 รุ่นตามที่ลือกันไว้ไม่มีผิดเลย ได้แก่ iPhone Xs และ iPhone Xs Max ที่เป็นหน้าจอ OLED สองขนาด กับ iPhone XR ที่เป็นหน้าจอ LCD มีราคาถูกลงมาหน่อย โดยทุกรุ่นจะมีดีไซน์แนวเดียวกับ iPhone X เลย มีรอยบากกันหมดทุกรุ่น ถึงเวลาบอกลา iPhone ดีไซน์เดิม ๆ แล้ว
iPhone XS & iPhone XS Max
- ดีไซน์สไตล์เดียวกับ iPhone X ใช้วัสดุเกรดเดียวกับเครื่องมือผ่าตัด พร้อมกระจกหน้าจอที่แข็งแกร่งที่สุดในวงการสมาร์ทโฟน
2. มี 3 สี Gold, Silver, Space Gray กันน้ำ IP68
3. iPhone XS หน้าจอ OLED Super Retina 5.8 นิ้ว ความละเอียด 2436×1125 px
4. รองรับ Dolby Vision และ HDR10 แสดงเฉดสีได้กว้างกว่าเดิม 60%
5. iPhone XS Max จอใหญ่ 6.5 นิ้ว ความละเอียด 2688×1242 (เป็น iPhone ที่จอใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา)
6. ทั้ง 2 รุ่นรองรับ 3D Touch
7. ระบบเสียงสเตอริโอ ขอบเขตเสียงกว้างกว่าเดิม
8. Face ID กับกล้อง TrueDepth ที่อยู่ในรอยบาก
9. Face ID ระบบความปลอดภัย Secure Enclave ทำงานได้รวดเร็วกว่าเดิม
10. ใช้ชิปประมวลผล A12 Bionic เป็นชิป 7nm ตัวแรก
11. CPU 6-core ใช้ Neural Engine ทำงานได้เร็วกว่า A11 ถึง 15%, GPU 4-core เร็วกว่า A11 50%
12. กล้องก็มีชิปประมวลผลภาพตัวใหม่ด้วย
13. มีรุ่นขนาดความจุใหม่ 512GB
14. แน่นอนว่ามาพร้อม iOS 12 ที่จะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่มากมาย เตรียมปล่อยให้อัพเดทกัน 17 กันยายนนี้
15. กล้องหลัง 2 เลนส์ เป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่ Wide-angel 12MP มี f/1.8 + Telephoto 12MP f/2.4 พร้อมแฟลช True Tone
16. กล้องหน้า RGB 7MP f/2.2 พร้อม IR camera และ Dot Projector เซ็นเซอร์เร็วกว่าเดิม
17. ตัวประมวลผลภาพจะทำงานร่วมกับ Neural Engine ช่วยให้ประมวลผลการถ่ายภาพได้ฉลาดกว่าเดิม
18. ฟีเจอร์ใหม่ Smart HDR ถ่ายภาพเก็บแสงเงาได้ดีกว่าเดิม แม้จะเป็นการถ่ายวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวก็ตาม
19. Portrait Mode ปรับปรุงให้ดีขึ้น ถ่ายโบเก้ได้ดีกว่าเดิม เพื่อให้ได้คุณภาพใกล้เคียงกับกล้องระดับ Hi-end
20. ปรับอัตราหน้าชัดหลังเบลอ Depth of Field ได้ด้วยการปรับค่ารูรับแสงที่แตกต่างกัน
21. เซ็นเซอร์ใหม่ทำงานเร็วกว่าเดิม 2 เท่า
22. ถ่ายวิดีโอสามารถอัดเสียงสเตอริโอได้แล้วนะ
23. มีฟีเจอร์ปรับ Tone Mapping และ Shadow Details อัตโนมัติขณะวิดีโอ
24. iPhone XS แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า iPhone X 30 นาที ส่วน iPhone XS Max อยู่ได้นานกว่า iPhone X 90 นาที
25. รองรับ Gigabit-class LTE
26. รองรับสองซิม รองรับ eSIM พร้อมฟีเจอร์ DSDS: dual SIM dual standby.
27. iPhone XS มี 3 ความจุให้เลือก 64/256/512GB ราคาเริ่มต้น $999 (ประมาณ 32,900 บาท)
28. iPhone XS Max มี 3 ความจุให้เลือก 64/256/512GB ราคาเริ่มต้น $1,099 (ประมาณ 35,900 บาท)
29. เริ่มเปิดจอง 21 กันยายนนี้จ้า
iPhone XR
- ดีไซน์สไตล์เดียวกับ iPhone X มีให้เลือกหลากหลายสีสัน
2. บอดี้ใช้วัสดุอะลูมิเนียมเกรดยานอวกาศ และใช้กระจกที่แข็งแรงทนทานกว่าเดิม
3. มีทั้งสีขาว, ดำ, ฟ้า, ชมพู, เหลือง
4. หน้าจอแบบ Edge-to-edge มีขอบรอบจอเล็กน้อย
5. หน้าจอ LCD Liquid Retina ขนาด 6.1 นิ้วตามคาด ความละเอียด 1792×828 px 326ppi หน้าจอใหญ่กว่า iPhone 8 Plus แต่ตัวเครื่องเล็กกว่าเดิม แต่ไม่มี 3D Touch
6. ในรอยบากมีกล้อง True Depth เหมือนกับ iPhone X
7. ใช้ชิปประมวลผล A12 Bionic เหมือนกับอีก 2 รุ่นจ้า
8. กล้องหลังมีเลนส์เดียว Wide-angel 12MP เป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่ f/1.8
9. แม้จะมีเลนส์เดียว แต่ก็ยังถ่าย Portrait Mode ได้นะ ด้วยการปรับภาพให้หลังเบลอจากถ่ายแล้ว
10. แบตเตอรี่อยู่ได้นานกว่า iPhone 8 Plus 90 นาที
11. iPhone XR มี 3 ความจุให้เลือก 64/128/256GB ราคาเริ่มต้น $749 (ประมาณ 24,900 บาท)
12. เริ่มเปิดจอง 19 ตุลาคมนี้จ้า
iPhone 7 ตอนนี้ก็ยังมีขายอยู่นะ ราคาเริ่มต้นที่ $449 ส่วน iPhone 8 ราคาเริ่มต้นที่ $599
แม้ในปีนี้จะดูเหมือนไม่ค่อยมีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจสักเท่าไหร่เพราะเป็นรุ่นอัพเกรด แต่สำหรับ iPhone XR ที่มีราคาถูกกว่าอีก 2 รุ่นก็ถือว่าน่าสนใจพอสมควร ทั้งดีไซน์ใหม่แบบ iPhone X มีให้เลือกหลายสี เพียงแต่เป็นหน้าจอ LCD, ไม่มี 3D Touch และมีกล้องเดียวก็เท่านั้น ใครเห็นรุ่นไหนแล้วรู้สึกว่าโดนก็เตรียมเก็บเงินรอซื้อกันได้เลยยยยย
ที่มา: The Verge