เค้าว่ากันว่า การออกเดินทางในแต่ละครั้ง มักจะนำเรื่องแปลกใหม่ ผ่านเรื่องราว ผ่านผู้คน ผ่านบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม และสิ่งใหม่ๆนั้น มักจะนำมาซึ่งแรงบันดาลใจ หรือแนวคิดที่แตกต่าง บางคนให้การเดินทางเพื่อเป็นรางวัลให้กับชีวิต ที่ทำงานอย่างหนักมาทั้งปี และการเดินทางในครั้งนี้ของอุ้ม ถูกถ่ายทอดออกมา จากความรู้สึก ความสนุกสนาน และความทรงจำอันดี ผ่านกล้อง Panasonic Lumix GX7 เพราะฉะนั้นในรีวิวในครั้งนี้ จะเป็นการพาเที่ยว ผสมกับการแนะนำ Feature เด็ดๆของเครื่องไปด้วยกันเลยนะคะ
ทำไมต้องเป็นญี่ปุ่น? ::
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อยากไปมากที่สุดในโลกค่ะ แม่ชอบเล่าให้ฟังว่า ตอนท้องอุ้มได้สามเดือน มีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ป๊าเลยถือว่าอุ้มเคยไปแล้ว ไม่พาไปอีก -*- จนผ่านมา 26 ปี เริ่มรู้สึกว่า เราไปมาแล้วหลายที่ เห็นวัฒนธรรมของแต่ละประเทศมากมาย แล้วทำไม เราถึงไม่ได้ไปประเทศแห่งนวัตกรรม ประเทศที่เค้าว่ากันว่าโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีมากที่สุดประเทศนึงสักที
เตรียมตัวเดินทาง ::
ทริปนี้อุ้มไปกับคุณแม่ค่ะ เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกของอุ้ม โดยคุณแม่อยากไปยืนถ่ายรูปกับภูเขาไฟฟูจิ ส่วนตัวอุ้มเอง แน่นอนค่ะ อยากไปเดินดูของเล่นอะไรแปลกๆในโตเกียว แต่ด้วยความที่เป็นครั้งแรก เลยเลือกที่จะไปกับทัวร์ค่ะ เพราะน่าจะสะดวกหลายๆด้านมากกว่า
เราเลือกทัวร์นี้จากการอ่านรีวิวและดูจากราคาด้วยค่ะ โดยทัวร์นี้เป็นการเดินทาง 5 วัน 3 คืน จุดเด่นๆก็ไป ภูเขาไฟฟูจิ ลานสกี และนอนโตเกียว 2 คืน (Sunshine City & Prince Hotel โรงแรมนี้ดีมาก ใครจะไปญี่ปุ่น แนะนำโรงแรมนี้เลยค่ะ ส่วนจะดียังไงนั้น ตามอ่านต่อไปนะคะ) ในราคา 34,900 บาท จ่ายเงินไปเรียบร้อย ก็รอฝันหวานไปถึงญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ ดูจากพยากรณ์อากาศแล้ว อากาศน่าจะเย็นจับใจเลยค่ะ ตอนไปทำงานนี่มือทำงาน แต่ใจนี่ไปญี่ปุ่นนานแล้ว 555
Travel Tips : การเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงหน้าหนาว จะไม่มีดอกซากุระแล้วนะคะ ในช่วงนี้ควรเตรียมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่น หรือเสื้อผ้าที่กันลมไปด้วย อย่างอุ้มใส่ไปสามชั้น ถึงจะเอาอยู่ หนาวววจริงๆค่ะ
Camera Tips : ควรเตรียมกล้องถ่ายรูปของคุณให้ดีนะคะ เพราะในที่อากาศหนาวๆ แบตเตอรี่มีโอกาสหมดได้ไวกว่าปกติ อาจจะเตรียมแบตสำรองไปด้วยก็จะดีนะคะ และอย่าลืมพก Memory Card ไปหลายๆอัน เผื่อลืมทิ้งไว้ หรือกดกันจนหมดนะคะ
Ready to Japan ::
เมื่อกี้หลายๆคนอ่านแล้วคงต้องมีคำถามแน่ๆ ว่าทำไมไปถูกจัง ช่วงนี้น่าจะสี่หมื่น หรือห้าหมื่นอัพไม่ใช่เหรอ สาเหตุที่ทัวร์นี้มีราคาไม่แพง เป็นเพราะสายการบินค่ะ เราบินกันด้วยสายการบิน Jet Asia เอาเป็นว่าเป็นเครื่องบินที่บินตรง กรุงเทพ – นาริตะ เป็นเครื่องลำไม่ใหญ่มากค่ะ ที่นั่งจะเป็น 2-3-2 ใช้เวลาบินทั้งหมด 5 ชม. ครึ่ง โดยรวมแล้วก็กลางๆ สมราคานะคะ แต่ขอเตือนนิดนึงเรื่องรสชาติอาหาร ไม่ค่อยอร่อยสักเท่าไหร่ และที่นั่งค่อนข้างแคบ จะมีปัญหากับคนตัวใหญ่ๆได้ แต่ถามถึงราคา ก็สมเหตุสมผลอยู่ ใครที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องบนเครื่องบินเท่าไหร่นัก Jet Asia ก็เป็นสายการบินราคาประหยัดที่พอรับได้อยู่นะคะ
Lumix GX7 : สะพายกล้อง ท่องญี่ปุ่น
ในทริปนี้ อุ้มพกกล้องมาสองตัวค่ะ ตัวนึงเป็นกล้อง DSLR กะว่าจะถือเองเหมือนทุกๆทริป และกล้อง Panasonic GX7 กะให้คุณแม่ไว้ถือถ่าย พอเอาเข้าจริง ตัดสินใจถือ GX7 ถ่ายตัวเดียวเลยค่ะ ส่วนคุณแม่ใช้ G2 ถ่ายอย่างเดียว 555 เป็นเพราะว่ามันหนาว เลยต้องถือเสื้อหลายตัว แถมยังมีถุงมือ ผ้าพันคอ อีกเยอะแยะมากมาย เลยตัดสินใจเปิดกระเป๋าใหญ่ เก็บเจ้า DSLR ซะเลย ถือไม่ไหวค่ะ หนักมาก รูปทั้งหมดที่อยู่ในรีวิวนี้ เลยจะเป็นภาพจากเจ้า GX7 ล้วนๆเลยนะคะ
ถึงแล้ว นาริตะ ::
ญี่ปุ่นในฝัน ผู้คนมากมายทยอยกันออกมาจากสนามบินนาริตะ หนาววว หนาวจับใจกับอุณหภูมิเพียงแค่ 6 องศาค่ะ อากาศหนาวของญี่ปุ่น จะเป็นอากาศหนาวแห้ง และมีลมค่ะ ไม่ได้หนาวชื้นเหมือนทางยุโรป แต่โดยรวมแล้ว ก็ควรมีเสื้อกันลมติดไปด้วยนะคะ
สถานที่แรกที่เราจะไป คือลานสกีฟูจิเท็นเลยค่ะ เราขึ้นรถโค้ชของทางทัวร์ไป ในกรุ๊ปมีคนประมาณ 40 คน มีไกด์มาให้ 2 คน คนนึงเป็นอารมณ์หัวหน้าทัวร์ ส่วนอีกคนเป็นไกด์ค่ะ ซึ่งตัวไกด์นี่เรียกได้ว่าเก่งมาก ภาษาญี่ปุ่นทำได้ดีมาก และเล่าเรื่องมากมายของญี่ปุ่นให้เราได้ฟัง สนุกสนานกันเลยทีเดียวค่ะ
ผู้คนในประเทศญี่ปุ่น เป็นอะไรที่น่าสนใจมากค่ะ มีระเบียบ มีกฏและข้อกำหนดที่ชัดเจน ดูง่ายๆอย่างลุงคนขับรถของเรา ตรงต่อเวลามากจริงๆค่ะ
ลานสกีฟูจิเท็น ::
นั่งรถมาได้สักพัก เราก็ลืมตาขึ้นมา ดูภูเขาไฟฟูจิที่อยู่ตรงหน้า เป็นภาพที่ประทับใจมากค่ะ วันนี้โชคดีที่ท้องฟ้าเคลียร์ ฟ้าใส มองเห็นภูเขาไฟได้ชัดเจน ก่อนหน้านี้เราได้ไปแวะทานปิ้งย่างเตาถ่านมาค่ะ ก็จะเป็นเตาถ่าน มีหมูกับเครื่องเคียงเตรียมไว้ให้ รสชาติก็ญี่ปุ่นๆ อร่อยดี แต่หมูอาจจะเหนียวและชิ้นใหญ่ไปหน่อย
พอรถขับมาถึงลานสกี สิ่งที่กลัวคือ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ คนจะต้องเยอะแน่ๆ แต่กลายเป็น ลานโล่ง คนน้อยนิดค่ะ ได้ความมาว่า ลานสกีเพิ่งเปิดวันก่อนที่เราจะมาเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนญี่ปุ่นก็จะยังไม่ทราบข่าว เลยยังไม่ได้มาเที่ยวกัน ถือเป็นโชคดีของเรา
ในส่วนนี้ เราก็จะเห็นลานสกีอยู่ด้านหน้า และมีภาพด้านหลังเป็น ภูเขาไฟฟูจิ นาทีนั้น ถ่ายได้เท่าไหร่ ก็กดกันหมดค่ะ ทั้งแดดดี และฟ้าใส ถ่ายภาพออกมาได้สวยสมใจ
Lumix GX7 : Shutter Speed 1/8000 sec
ด้วยความเจ้า Lumix GX7 มีความสามารถของชัตเตอร์ที่มีความเร็วสูงพิเศษถึง 1/8000 วินาที เลยทำให้เราสามารถใช้งาน Panasonic Lumix GX7 ในการเก็บภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็วเป็นพิเศษไว้ได้
และมี Feature ที่ช่วยลดการสั่นไหวของภาพ แม้เลนส์นั้นจะไม่มีระบบลดความสั่นไหว ทำให้ภาพที่ได้ มีความคมชัด
Lumix GX7 : Fast Auto Focus & Low Light AF
นอกจากนั้น เรายังสามารถเลือกจุดโฟกัสได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งเป็นระบบโฟกัสอัตโนมัติความเร็วสูงสุดของกล้อง (Contrast AF) สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 240 ภาพ ต่อวินาทีเลยทีเดียว และยังมีระบบ Low Light AF สามารถหาจุดโฟกัสในที่แสงน้อยได้อีกด้วยค่ะ
แคร่เลื่อนหิมะ ::
จุดประสงค์หลักในการไปเล่นที่ลานสกีฟูจิเท็น อย่างแรกคือการไปถ่ายรูปตัวเรากับภูเขาไฟฟูจิ อีกสิ่งนึง คือการไปเล่น Bobsled หรือที่คนไทยเรียกกันว่า เสลดนั่นเองค่ะ ก็จะเป็นที่นั่งคล้ายกระบะ มีเชือกให้เราเส้นนึง สนนราคาอยู่ที่ 500 เยน หรือประมาณ 160 บาท เล่นวนกี่คน กี่รอบก็ได้ วันนั้นก็จัดไปสัก 8 รอบค่ะ คุ้มเลย
Lumix GX7 : การใช้งานจริง
เราใช้เจ้า GX7 ถ่ายภาพตอนที่ไหลลงมาจากด้านบนด้วยแคร่เลื่อนหิมะอยากสนุกสนาน ข้อดีของกล้องตัวนี้ คือน้ำหนักเบา พกพาได้ง่ายกว่า DSLR ที่สำคัญคือทนทานค่ะ ตอนที่เราเอาไปเล่นบนหิมะ ยังสามารถกดถ่ายได้ ทั้งที่เราใส่ถุงมือ เลยสบายกว่าการถ่ายจากมือถือแน่นอนค่ะ
เรื่องแบตก็ถือว่าค่อนข้างอึด คือถ่ายได้ตลอดทั้งวัน โดยที่แบตยังไม่หมดค่ะ จริงๆแล้วยังเหลือเยอะพอสมควร เมื่อเทียบกับการถ่ายจากกล้อง DSLR ค่ะ ถือว่าแบตก้อนเดียว เอาอยู่ทีเดียวค่ะ
ชั้น 5 ของภูเขาไฟฟูจิ ::
หนาววว หนาวมากกกค่ะ ลงไปยืนสั่นตะแหน่วๆ หลังจากเล่นหิมะ สมใจอยากแล้ว ก็ได้ขึ้นมาถึงชั้นที่ 5 ของภูเขาไฟฟูจิ ด้วยความปวดหัว เพราะถนนที่คดเคี้ยว ใครจะไป ระวังอาเจียนด้วยนะคะ ด้านบนก็มีร้านให้เราซื้อของฝากได้ แต่ตอนที่อุ้มขึ้นไป มันได้ปิดกันหมดแล้วค่ะ จำอะไรไม่ได้เลยนอกจาก รีบขึ้นรถเถอะๆๆ หนาวๆๆ ลมแรง อากาศตอนนั้น ติดลบหกค่ะ ขึ้นรถมาก็เลยรู้สึกเหมือนจะป่วย กลับเข้าที่พักที่ Fujinobou Kaen Hotel เป็นห้องญี่ปุ่นเล็กๆ มีเบาะวางทับเสื่อทาคามิให้นอนค่ะ สามารถแง้มหน้าต่างได้ หมดแรงแล้วค่ะ เลยไปนอน จบวันแรกที่ญี่ปุ่นไปอย่างเหนื่อย แต่สนุก จะมีอะไรต่อนั้น ต้องติดตามตอนต่อไปนะคะ