ช่วงนี้มีโอกาสได้รีวิวเคสหลายรุ่นเลยนะคะ แต่สำหรับเคส Mous เป็นอีกแบรนด์นึงที่อุ้มรอคอย เพราะตอนที่เห็นในโปรเจคระดมทุนใน Indiegogo และเห็นในต่างประเทศเทสกัน มันคันไม้คันมือ อยากจะปาเข้ากำแพง ปล่อยลงจากชั้น 2 ให้รู้แล้วรู้รอด

… ของมาถึง

นาทีแรกที่เห็นของเลยคือ อ้าว นี่มันเคสหรูๆปกตินินา ไม่น่าอึดเท่าไหร่หรอกมั้ง ??? คือต้องเล่าให้ฟังก่อนว่า โปรเจค Crowdfunding ตัวนี้ เปิดให้ระดมทุนกันตั้งแต่ปี 2016 โดยมีคอนเซปว่า เคสนี้จะต้องดูสวยงามเวลาใช้งาน และต้องป้องกันมือถือของเรา จากการตกกระแทกได้อย่างเลิศเลอ และด้วยคอนเซปนี้ ทำให้ Mous ได้รับการระดมทุนไปถึง 2,500,000 USD หรือประมาณ 80 ล้านบาท และมี Backer กว่า 55,000 คน  เลยทีเดียว

… ทำไมคนสนใจเยอะ?

มันเกิดจากการเทสสุดโหดของทีมนักพัฒนา คือปกติ เค้าก็จะเอา iPhone ใส่เคส ไปเข้า Lab ทดสอบกันใช่มั้ยคะ แต่ทีม Mous เอาไปปล่อยจากสะพานบ้าง ปาเข้ากำแพงบ้าง ที่โหดสุดคือ ปล่อยจาก Helicopter และ ปล่อยจากเครน ความสูง 45 ฟุต หรือ 13.5 เมตร จนเค้ามั่นใจแล้วว่า “รอด” ถึงเอาออกมาขายกัน

… รอดเพราะอะไร?

การออกแบบทางวิศวกรรม และการเลือกใช้วัสดุของเคส Mous ผสานกับการใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า Airoshock อธิบายง่ายๆ ว่า ภายใน Airoshock จะประกอบไปด้วย Air Pocket เล็กๆ จำนวนมาก ซึ่งทำหน้าที่ในการลดแรงที่เกิดจากการตกกระทบ

ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราปล่อยลูกเหล็กใส่พื้นธรรมดา ลูกเหล็กจะกระเด้งขึ้นมาสูง และตกลงไปกระทบกับพื้นอีกหลายครั้ง ในทางกลับกัน ถ้าเราปล่อยลูกเหล็กลง Airoshock ลูกเหล็กจะเด้งขึ้นเพียงเล็กน้อยก่อนจะตกลงไปที่พื้น เป็นการซึมซับแรงกระแทกที่ดีมากๆ

… แบบนี้จะยังสวยมั้ย หนารึเปล่า?

เพราะคนส่วนใหญ่ ติดภาพว่า เคสที่กันกระแทกได้ จะต้องไม่สวย หรือไม่ก็แมนไป หนาไป สำหรับเคส Mous ถามว่ามันหนาขึ้นกว่าตอนไม่ใส่เคสมั้ย ก็คงต้องบอกว่า หนากว่าแน่นอน แต่ว่าหนาขึ้นประมาณ 2.2 mm น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นประมาณ 40 กรัม

สิ่งที่น่าสนใจคือ การเลือกใช้วัสดุ เคส Mous ถูกคัดเลือกวัสดุมาเป็นด้านหลัง อยู่ 5 แบบคือ Shell, Walnut, Bamboo, Leather, และ Carbon Fiber ที่น่าสนุกคือ เป็นวัสดุจริงๆทั้งหมดเลย ทำให้มีความสวยงาม และยังป้องกันการกระแทกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

… ลองเทสได้มั้ย?

นี่ละคือสิ่งที่รอคอย 555 คือปกติอุ้มจะไม่กล้าเทสหนักมาก แต่เจ้าตัวนี้ได้โจทย์มาว่า “เอาหนักๆเลย !!!” อุ้มเลยมีโอกาสได้ Drop Test แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน แบ่งเป็น 4 ส่วนดังนี้

1. ปล่อยลงกับพื้นจากความสูงระดับหัว (ประมาณ 155 cm) : อันนี้ผ่านแบบสบายๆ ไม่ว่าจะลงด้วยมุม หรือลงด้วยด้านหลัง ผ่านฉลุย
2. ปาเข้ากำแพง : อยากเล่นมานานแล้วค่ะ ตอนแรกก็กลัวว่า iPhone จะเอาจอเข้า ปาไปปามา เอ๊ะ ยังไงก็ไม่โดนด้านหน้า เข้าแต่มุมและด้านหลัง ผ่านสบายๆ
3. โยนลงพื้นอย่างแรง : อุ้มโยน iPhone ที่ใส่เคส Mous กระโดดปาใส่พื้นเลยค่ะ ผลปรากฏว่า ตัวเครื่องไร้ริ้วรอย แต่เคสได้รับการกระแทกพอสมควร แต่ก็ผ่านค่ะ ปลอดภัย
4. โยนเครื่องจากชั้น 2 : อันนี้ตอนโยน กลัวมาก เพราะเคยใส่กับเคสยี่ห้ออื่นแล้วแตกมาแล้ว คราวนี้ก็ใส่เคส Mous แล้วติดกระจกด้านหน้าค่ะ โยนลงมาจากชั้น 2 เสียงตกดังแพล๊ะ !!! สรุปว่าตัวเครื่องปลอดภัย แตกแต่ฟิล์มด้านหน้า จอและด้านหลังสบายดี รอดดด

สรุปว่าที่เคส Mous ผ่านการทดสอบการกันกระแทกตามมาตรฐานของกองทัพสหรัฐอเมริกา (MIL STD 810G 516.6) ก็ผ่านการทดสอบของอุ้มได้อย่างสบายๆ แต่ไม่แนะนำให้เอาไปทดสอบด้วยตัวเองนะคะ เพราะถึงจะมองด้านนอก ว่าไม่เป็นไร ก็ต้องระวังการกระทบกระเทือนภายในด้วยค่ะ

… ซื้อได้ที่ไหน?

… สรุปเลยแล้วกัน

เคส Mous กลายเป็นเคสที่เกินคาดคิด จากหน้าตาที่ดูไม่น่าจะป้องกันอะไรได้เยอะ กลับแข็งแกร่งจนต้องยอม นอกจากเรื่องความแข็งแรงแล้ว ยังมีลูกเล่นเพิ่มเติมอีกเช่น

ตัวเคส จะฝังแผ่นเหล็กกลมๆ ไว้ด้านหลัง ทำให้สามารถติดกับ Magnetic Mount ได้เลยทันที ทำให้ม่ต้องถอดเปลี่ยนเคส หากต้องใช้ติดกับ Magnetic Mount ในที่ทำงาน หรือในรถ

นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จไร้สายได้ตามปกติ ไม่ต้องถอดเข้าถอดออกให้ลำบาก โดยในตัวกล่อง จะมีฟิล์มกันรอยอย่างดีมาให้ด้วย หรือจะเอาไปติดกับฟิล์ม 3D ต่างๆ อุ้มทดสอบดูแล้ว ไม่ดันค่ะ

ส่วนใครที่กังวลว่า ตัวเลนส์กล้องจะได้รับอันตรายเวลาตกจากที่สูงหรือไม่ ต้องบอกว่า ตัวเคสเองจะหนาขึ้นมาเลยกล้อง และด้านหน้าก็จะสูงขึ้นมาเลยขอบจอ ช่วยเซฟได้มากขึ้นนะคะ

โดยรวม ถือว่าเป็นอีก 1 เคสที่น่าสนใจมากๆ ยิ่งใครทำมือถือตกบ่อยๆ ใส่ไว้ก่อนเพื่อความสบายใจ สามารถหาซื้อได้แล้วนะคะ วันนี้อุ้มขอฝากไว้เท่านี้ อย่าลืมชมคลิป Drop Test กันนะคะ ขอขอบคุณ บริษัท อาร์เคเดียร์ คอร์ป สำหรับสินค้าในการทดสอบครั้งนี้ด้วยค่า

• Facebook
• Twitter
• Line

Comments

comments