เดือนกรกฎาคม 2566 นี้ นับเป็นเดือนที่กระแสรถยนต์ EV ราคาไม่เกินล้าน มาแรงแบบไม่แผ่วเลยทีเดียว ทั้งการเปิดตัวโมเดลใหม่หลากหลายรุ่น ไปจนถึงการใส่แคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของแต่ละค่าย ดูจะเป็นช่วงจังหวะที่ดีสำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของรถไฟฟ้าซักคัน
ล่าสุด NEW MG 4 ELECTRIC ให้ประกันภัยชั้น 1 นานถึง 3 ปี แคมเปญมูลค่ารวมกว่า 140,000 บาท สำหรับลูกค้าที่จองซื้อรถ 1,000 คันแรก และต้องย้ำให้ชัดว่า รถไฟฟ้า MG แถมฟรี! MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง สำหรับเพื่อนๆ ที่จองตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 กรกฎาคม 2566 รายละเอียดแคมเปญที่ให้ ดูเอาเถิด
- ฟรี! ประกันภัยชั้น 1 พร้อม พ.ร.บ. คุ้มครอง นาน 3 ปี
- ฟรี! ค่าบำรุงรักษาตามระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กม.
- พิเศษ! เงื่อนไขการรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
- ฟรี! บริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
- รับดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน
- ฟรี! MG HOME CHARGER จำนวน 1 ชุด
- ฟรี! ค่าติดตั้ง MG HOME CHARGER
- ฟรี ชุดพรมปูพื้น
ถือว่าคุ้มค่า และเป็นแคมเปญเรียกแขกมากๆ เพื่อนๆ ที่มีแผนจะซื้อรถไฟฟ้า แนะนำให้ไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมก่อนตัดสินใจ เท่าที่สอบถามมา จองแล้วไม่ต้องรอ รถมีพร้อมส่งมอบเลย
ยิ่งตอนนี้ MG มีแคมเปญ “เติมพลังงานสะอาดให้คุณ ชาร์จเท่าไหร่ MG คืนให้เท่านั้น” ลูกค้า MG ที่ใช้รถไฟฟ้าทุกรุ่น เข้าไปใช้บริการชาร์จรถที่ “MG SUPER CHARGE” ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ก.ค. 2566 ตลอด 24 ชม. ยอดชาร์จไฟเท่าไหร่ MG จะ CASH BACK คืนให้ 100% โดยจะคืนผ่านทาง MG WALLET ภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่ใช้บริการ
สถานี MG SUPER CHARGE ปัจจุบันมีมากกว่า 135 สถานี ทั่วประเทศ มากเป็นอันดับ 1 อย่างที่ไม่มีใครเทียบเคียงได้เลย อุ้มจะบอกว่า นี่แหละ คือความได้เปรียบของลูกค้า MG แบบหาที่ไหนไม่ได้
หลังจากที่โมเดล EV รุ่นล่าสุดได้เข้ามาเติมสีสันให้กับตลาดเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งก็คือ เจ้าโลมาสีพาสเทล เริ่มมีข้อมูลเปรียบเทียบสเปค และแคมเปญกับแบรนด์อื่น ๆ บนโลกออนไลน์ให้ได้เห็นมากมาย ผลประโยชน์ดูจะตกไปเป็นของผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อในช่วงนี้ และคงไม่แปลกถ้าหากแบรนด์ผู้นำรถไฟฟ้าอย่าง MG จึงถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ซึ่งมี NEW MG4 ELECTRIC เป็นรุ่นเทียบเคียงกับเจ้าโลมาสีพาสเทล
แม้ MG4 จะไม่ได้เป็นโมเดลใหม่แกะกล่อง แต่ถือเป็นรถไฟฟ้าที่อยู่ในกระแส EV รุ่นนิยม สร้างจุดขายด้วยเทคโนโลยีการขับขี่ เกิดเป็นภาพจำด้วยการเป็นรถยนต์ EV ที่ขับสนุก “หนึ่งเดียวในคลาสที่ใส่ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง” และทำตลาดด้วย ”ราคาไม่ถึงล้าน” จนเป็นที่น่าจับตามอง
ขุมพลังของ MG4 มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร มาพร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ขนาดความจุ 51 kWh จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน และระบายความร้อนด้วยระบบ Liquid Cooling system สามารถวิ่งในระยะทางไกลสูงถึง 425 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)
ที่บอกว่าขับสนุก ส่วนหนึ่งมาจากความมั่นใจในทุกจังหวะการขับขี่ ก็เพราะว่า มีการกระจายน้ำหนักแบบสมมาตรที่ 50:50 อีกทั้งตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ (LOW CENTRE OF GRAVITY) สอดคล้องกับช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัทและด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension (ทั้ง 2 รุ่นย่อย) ที่ไม่เพียงแค่ลดแรงสั่นสะเทือนจากพื้นผิวท้องถนนได้ดีเยี่ยม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
ดังนั้น คนที่ขับรถคันนี้ น่าจะชอบรถที่มีบุคลิกเหมือนตัวเองคือ คล่องแคล่ว ตอบโจทย์การขับในเมือง การเลี้ยวในทางแคบดูจะไม่เป็นปัญหาเลยแม้แต่น้อย ด้วยรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.3 เมตร และมี Overhang ด้านหน้าและหลังของรถที่สั้น ดังนั้น ประสบการณ์ในการขับสนุกจึงมีมากกว่ารถไฟฟ้าทั่วไป
และการปรับโหมดขับขี่ที่ทำได้มากถึง 5 โหมด ได้แก่ SNOW, ECO, NORMAL, SPORT และ COSTOM ที่สามารถตั้งค่าได้ทั้ง น้ำหนักพวงมาลัย + อัตราเร่ง + แรงที่ใช้ในการเหยียบเบรก ดังนั้นไม่ว่าใครในบ้านจะมีสไตล์การขับขี่เฉพาะตัวของใคร เป็นแบบไหน ก็ตั้งค่าเอาได้เลย เรียกได้ว่าเป็นรถไฟฟ้าของทุกคนในบ้านอย่างแท้จริง
แต่การเลือกรถยนต์ EV เรื่องของสเปค สมรรถนะ พละกำลัง ความจุแบตเตอรี่ อัตราเร่ง 0 – 100 หรือระยะทางวิ่ง เป็นเพียงพื้นฐานในการพิจารณา แต่การใช้งานจริงอาจต้องมองให้ลึก และไกลมากกว่าวันที่ออกรถ ดังนั้นเรื่องของศูนย์บริการ และจุดชาร์จ จึงเป็นเรื่องที่ต้องนำมาเป็นองค์ประกอบในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าด้วยเช่นกัน
หนึ่งในความนิยมของรถยนต์ไฟฟ้า MG เกิดจากการที่ MG มีจุดชาร์จ MG Super Charger เป็นของตัวเองที่ครอบคลุมทั่วประเทศ ในทุกๆ 150 กิโลเมตร จะเจอจุดชาร์จ MG Super Charger อย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งก็ทำให้ผู้ใช้อุ่นใจได้ไม่น้อย จึงเป็นที่มาว่าทำไมอุ้มถึงค่อนข้างแนะนำรถไฟฟ้าแบรนด์ MG
เรื่องความปลอดภัยของแบตเตอรี่ ยังเป็นเรื่องที่หลายๆ คนให้ความสำคัญมากๆ เพราะยังใหม่ในไทย ดังนั้น เทคโนโลยีที่ช่วยปลดล็อกความกังวลคนไทยในเรื่องความอันตรายจากการใช้งานรถไฟฟ้า คือ แพลตฟอร์มใหม่ อย่าง NEBULA PURE ELECTRIC ซึ่งโครงสร้าง “เนบิวลา” พัฒนาขึ้นเพื่อยนตรกรรมไฟฟ้าโดยเฉพาะ สามารถปรับใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้หลายเซกเมนต์ รองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ และที่สำคัญ แบตเตอรี่ถูกติดตั้งเป็นชิ้นเดียวกับโครงสร้างตัวรถ จึงได้รับการปกป้องมากยิ่งขึ้น
ส่วนเรื่องความปลอดภัย นวัตกรรมแบตเตอรี่ CELL TO PACK จัดเรียงเซลล์แบบแนวนอน มีความบางเพียง 110 มิลลิเมตร ช่วยลดขนาดและระบายความร้อนได้เป็นอย่างดี ทำให้ห้องโดยสารมีพื้นที่ใหญ่ขึ้น มอเตอร์มีขนาดเล็กลง แต่ให้สมรรถนะสูงถึง 16,500 รอบต่อนาที และมีการพัฒนาซอฟท์แวร์ Battery Management System ให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตมีโอกาสที่แบตเตอรี่จะมีขนาดเท่าเดิม แต่ประสิทธิภาพ และระยะทาง สามารถวิ่งได้ไกลขึ้น รองรับอนาคตได้ยาวๆ เลย
รองรับการชาร์จไฟกระแสตรง DC สูงสุด 88kW และการชาร์จแบบเร็ว หรือ Quick charge จาก 10% – 80% ในเวลาเพียง 35 นาที ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าในกลุ่มเดียวกันถือว่าชาร์จได้เร็วทีเดียว อีกทั้งยังสามารถเป็นแหล่งจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายนอกรถด้วยระบบ V2L (Vehicle to Load ใช้รถเป็นพาวเวอร์แบงค์ จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ได้)
เรื่องการชาร์จ เป็นจุดสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้า บอกเลยว่า การเลือกจองรถที่มี HOME CHARGER ให้ฟรี ยิ่งคุ้ม ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม อ่านถึงตรงนี้หลายๆ คนก็น่าสนใจ MG 4 มากพอสมควรแล้ว
อย่างที่จั่วหัวไปตอนต้น ตลาดรถ EV ขนาดเล็กเดือด ระอุด้วยโปรโมชั่นที่อัดฉีดความคุ้มค่าอย่างเต็มที่ให้กับผู้ที่สนใจจอง NEW MG4 ELECTRIC โดยมี 2 รุ่นย่อย ราคาหลังหักส่วนลดจากมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ของทั้ง 2 รุ่น ดังนี้
- รุ่น D ราคา 869,000 บาท
- รุ่น X ราคา 969,000 บาท
หากใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อมูล และแคมเปญติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 ทางบริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด หรือเงื่อนไขต่าง ๆ โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
#MG4ELECTRIC #MGThailand #MGCarsTH #PassionDrives #10thAnniversary #ThinkofevthinkofMG