NEW MG4 ELECTRIC ที่เรารอลุ้นว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ ล่าสุด MG ประกาศเปิดรับจองล่วงหน้าผ่านแอพพลิเคชัน MG THAILAND หรือคลิก https://onlinebooking.mgcars.com/ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เวลา 09.00 น. ไปจนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เวลา 23.59 น. และมอบอุปกรณ์เชื่อมต่อกระแสไฟ V2L มูลค่า 10,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนจอง ก่อนจะมีการเปิดตัวและประกาศราคาอย่างเป็นทางการในงาน THAILAND INTERNATIONAL MOTOR EXPO 2022 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ณ บูธ MG

New MG4 Electric

สำหรับอุ้มแล้ว…รถคันนี้ไม่ได้เป็นแค่รถยนต์รุ่นใหม่ แต่คือความตื่นเต้นของนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่เสิร์ฟเทคโนโลยีด้านการขับขี่ของรถยนต์ไฟฟ้าอย่างที่ไม่เคยมีแบรนด์ไหนทำมาก่อน และน่าจับตามอง เนื่องจากเทคโนโลยีที่ให้มานั้น ดูจะรีดศักยภาพด้านการขับขี่รถไฟฟ้าออกมาได้ถึงขีดสุด

Nebula Pure Electric Platform

NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบบ “Fully-Electric” โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ เรียกได้ว่า BORN TO BE EV อย่างแท้ทรู แบตเตอรี่ถูกติดตั้งเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างตัวรถ การออกแบบจึงคำนึงถึงความปลอดภัยของแบตเตอรี่มากขึ้น อีกหนึ่งผลพลอยได้ก็คือพื้นที่ภายในของห้องโดยสารถูกบริหารจัดการได้ดีไปด้วย

Rubik_s Cube Battery

แพลตฟอร์มนี้รองรับแบตเตอรี่ได้หลากหลายความจุ สามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้าหลากหลายเซ็กเมนต์ ตั้งแต่รถยนต์ขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ จึงเป็นไปได้ว่ารถไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ของ MG ในอนาคต ก็จะมาพร้อมกับ NEBULA PURE ELECTRIC

New MG4 Electric

โดดเด่นด้านสมรรถนะการขับขี่

Rear Wheel Drive

รถที่มีการกระจายน้ำหนักแบบ 50:50 ในแง่การขับขี่ ทำให้รถมีบาลานซ์น้ำหนักที่ดี ซึ่งช่วยลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ผนวกกับรถรุ่นนี้ถือว่าเป็นรถไฟฟ้าที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ อีกทั้งยังมีระยะฐานล้อ ซ้าย-ขวา ค่อนข้างกว้าง ระบบช่วงล่างสมรรถนะสูงแบบอิสระ 4 ล้อ ที่ช่วยให้ล้อตั้งฉากกับพื้น ทั้งหมดนี้ล้วนช่วยเรื่องการเกาะถนนได้ดี ลดโอกาสการพลิกคว่ำ ทำให้มั่นใจในการเข้าโค้งมากขึ้น

Low Centre of Gravity

มุมมองการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน เริ่มไม่ใช่เพียงแค่ความจุแบตเตอรี่ ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง หรือแค่แรงม้า แรงบิดเท่านั้นแล้ว แต่อาจจะต้องมองว่าเราได้เทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตมากขึ้น สำหรับ NEW MG4 ELECTRIC ต้องยกให้เป็นยานยนต์ไฟฟ้า “ยุคใหม่” ที่เสิร์ฟเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่มาแบบจัดเต็ม ฉีกจากรถไฟฟ้าที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันจนอยากทดลองขับ ทั้งเรื่องเทคโนโลยี และการดีไซน์ ความรู้สึกไม่ได้ต่างจากที่เรากำลังติดตามการเปิดตัวโทรศัพท์มือถือและสินค้าเทคโนโลยีรุ่นที่ออกใหม่เลย และเชื่อได้ว่า หาก MG เริ่มขยับตัว รถยนต์ไฟฟ้าในตลาดก็จะขยับตัวตามไปด้วย

อีกหนึ่งความน่าสนใจ คือ ความ customize ของรถรุ่นนี้ ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ถึง 5 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น SNOW, ECO, NORMAL, SPORT, CUSTOM ความแตกต่างของแต่ละโหมดก็จะเป็นเรื่องน้ำหนักพวงมาลัย อัตราเร่ง และแรงที่ต้องใช้ในการเหยียบเบรก

หลายคนอาจจะงงๆ กับโหมด SNOW จะได้ใช้ตอนไหน ถ้าขับขี่ในเมืองไทยก็แนะนำให้ใช้ขณะเดินทางบนถนนลื่น ต้องบอกว่ารถไฟฟ้ารุ่นนี้เป็น GLOBAL EV ดังนั้น สเปค ฟังก์ชัน รวมถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ จะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ส่วน KERS MODE ระบบชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ขณะชะลอรถ ของรถรุ่นนี้ ตั้งค่าได้ถึง 4 ระดับ ทั้ง LOW, MEDIUM, HIGH ล่าสุดมี ADAPTIVE มาเป็นทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งจะปรับระดับให้อัติโนมัติตามลักษณะการขับขี่

ห้องโดยสารล้ำๆ สไตล์ MINIMAL

Interior

Interior 2-tone Interior monotone

ภายในห้องโดยสาร มีความเรียบง่ายขั้นสุด เหมือนยานยนต์อนาคตหน่อย ๆ ลดทอนความไม่จำเป็น เหลือแค่ฟังก์ชัน และอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการใช้งาน หลักๆ จะเน้นการอำนวยความสะดวกต่อผู้ขับขี่ รวมถึงความโปร่ง โล่งสบายสำหรับผู้โดยสารแบบไม่ซับซ้อน จนกลายเป็นความสะดวกสบายแบบเรียบง่าย ไม่หวือหวาเหมือนใคร อาทิ หน้าจอสัมผัสสีขนาด 10.25 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และสามารถเล่นมัลติมีเดียในสมาร์ทโฟนระบบ Android ได้

Touchscreen

New MG4 Electric

ควบคุม สื่อสาร และสั่งการผ่านทางหน้าจอสัมผัส คือรถสมัยใหม่ต้องพร้อมรับคำสั่งต่างๆ ผ่านหน้าจอ ใต้จอทัชกรีนจะมีแผงปุ่มสั่งการฟังก์ชันที่เราต้องใช้บ่อยๆ เช่น ระบบปรับอากาศ และปรับความดังของลำโพง

Interior Central Double Levle Area USB TYPE C and A

นอกจากนี้คอนโซลกลางยังคงมีที่เก็บของ และที่วางแขน มี Wireless Charger และช่องเชื่อมต่อ USB ทั้ง Type A และ Type C สามารถเชื่อมต่อกับแอปฉลาดๆ อย่าง MG THAILAND ตัวช่วยสั่งการทำงานสำหรับผู้เป็นเจ้าของรถ

Battary Doctor

และก็ได้พบกับฟังก์ชันใหม่แกะกล่องอย่าง “ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ หรือ BATTERY DOCTOR” ทำหน้าที่ช่วยตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่จากพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ของผู้ขับขี่ วิเคราะห์ ให้คำแนะนำกับเจ้าของรถได้ด้วย ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ โดยจะมีการวิเคราะห์สถานะแบตเตอรี่ ลักษณะการขับขี่ การจอดรถ รวมถึงสภาพแวดล้อมรอบตัวรถ เช่น แนะนำให้หลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแจ้งในที่อุณหภูมิสูง เป็นต้น มีการประเมินให้คะแนนแบตเตอรี่แบบ REALTIME ด้วย ต้องยอมรับในความชาญฉลาดของรถไฟฟ้ารุ่นนี้

Safety System

ในส่วนของระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปยังคงมาแบบเน้นๆ พร้อมด้วยระบบ SEMI AUTONOMOUS DRIVING ASSISTANCE SYSTEMS และกล้องมองภาพรอบทิศทางแบบ 3 มิติ และระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART อันเป็นเอกลักษณ์ของ MG ทุกรุ่น ก็ยังคงอยู่ในรถรุ่นนี้

อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มักจะเจอในรถไฟฟ้าโดย MG ใช้ชื่อ INTELLIGENT SMART ACCESS ที่เมื่อผู้ขับขี่ อยู่ในตำแหน่งคนขับ ปิดประตูให้สนิททุกบาน และกุญแจรถอยู่ภายในห้องโดยสาร เพียงเหยียบเบรก รถก็จะพร้อมออกเดินทางสู่โลกกว้าง ส่วนการดับรถก็ง่ายเพียงกดล็อกรถ เครื่องยนต์ก็จะดับโดยอัตโนมัติเช่นกัน ใช้ควบคู่กับกุญแจดิจิตอล กลายเป็นความสะดวกสบายที่เพิ่มเติมเข้ามาในรถรุ่นนี้

การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ก็เริ่มจะไม่ต่างจากการเลือกซื้อสินค้าอีเล็คทรอนิคส์สักชิ้น สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนซื้อรถคันใหม่ นับเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยสถานีชาร์จรถไฟฟ้าสาธารณะที่มีจุดบริการเยอะขึ้น อย่างสถานี MG Super Charge ที่ปัจจุบันมีมากถึง 128 แห่ง หรือในทุก ๆ 150 กิโลเมตร และยังมีสถานีชาร์จของภาคเอกชนอื่นๆ อีกหลากหลายแบรนด์ให้บริการ ซึ่งก็น่าจะคลายความกังวลเรื่องจุดชาร์จไปได้ ผนวกกับตัวเลขระยะทางที่วิ่งได้สูงสุด 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นตัวเลขที่ดูดีเลยทีเดียว ส่วนขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร แบตเตอรี่ของ NEW MG4 ELECTRIC มีความจุ 51 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีมาตรฐานความปลอดภัย IP67 ในการป้องกันน้ำและฝุ่น วิ่งระยะทางสูงสุด 425 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC

ข้อมูลเกี่ยวกับการชาร์จ

  • สำหรับการชาร์จแบบ QUICK CHARGE ชาร์จไฟฟ้าจาก 10% – 80% ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ที่ความเร็วสูงสุด 88 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
  • สำหรับการชาร์จแบบ NORMAL CHARGE ผ่าน MG HOME CHARGER 0% – 100% ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 30 นาที ที่ 6.6 กิโลวัตต์-ชั่วโมงโดยระยะเวลาในการชาร์จ ขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่คงเหลือ และกำลังของเครื่องอัดประจุไฟฟ้า

ดีไซน์ภายนอกของ MG4 ดูสปอร์ตเกินกว่าจะเป็นรถไฟฟ้า

New MG4 Electric-ExColour-Brighton Blue

Twin Arrow Wing and Rear Decorative Light

NEW MG4 ELECTRIC เป็นรถแฮทช์แบคไฟฟ้า 100% ที่หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ใครจะคิดว่านี่คือรถไฟฟ้า ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานความสปอร์ตเข้ากับความล้ำสมัยได้อย่างมีสไตล์ ดีไซน์เส้นสายของรถยุคใหม่ที่ผสานกับเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าได้อย่างลงตัว ดูแล้วรู้สึกแข็งแกร่ง และดุดัน ด้วยการใช้สีดำตัดกับสีของรถ หลังคา 2 TONE สปอยเลอร์หลังแบบ TWIN ARROW WING ไฟท้าย LED ที่ใส่เส้นสายเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มดีเทลให้มากขึ้น เรียกว่าความสปอร์ตมาเต็มทุกอณู

Accurate Steering

ด้วยรูปทรงของตัวรถ MG4 ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม C เซ็กเมนต์ แต่กลับเป็นรถที่มีความกระฉับกระเฉงในการเลี้ยว คล่องตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องความเทอะทะของตัวถัง และแม้ว่าตัวถังจะดูมีขนาดใหญ่ ก็สามารถขับขี่ในซอยที่แคบได้อย่างมั่นใจด้วยวงเลี้ยวที่แคบเพียง 5.3 ม. นี่คือสุดยอดการออกแบบที่ทำให้ผู้ขับขี่สบายใจกับทุกเส้นทาง โดยตัวถังมีขนาดความยาว 4,287 มม. ความกว้าง 1,836 มม. ความสูง 1,516 มม.

และมีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกสำหรับคอ Outdoor ทั้งหลาย ด้วย V2L หรือ Vehicle to Load ที่จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายนอกได้ นับว่าเป็นฟังก์ชันพื้นฐานของรถไฟฟ้าในปัจจุบัน สายแค้มป์ปิ้งสบายใจได้

New MG4 Electric-Front

และนี่คือความสำเร็จของ NEW MG4 ELECTRIC รถยนต์ไฟฟ้า Global EV ที่สร้างกระแสนิยมไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ส่วนราคาจะมากน้อยก็ต้องไปลุ้นกันต่อในงาน MOTOR EXPO 2022 ปลายเดือนนี้

ดาวน์โหลด แอพพลิเคชัน MG Thailand

สำหรับ iOS

สำหรับ Google Play Store

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 และสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของเอ็มจีได้ที่

Website: www.mgcars.com

Line: @MGThailand

Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand

Twitter: @mg_thailand

Instagram: @mgthailand

Youtube: MG Thailand

TikTok: @mgthailand

Application: MG Thailand

Comments

comments