OPPO จัดงาน OPPO INNO DAY 2019 ครั้งแรกวันที่ 10 ธันวาคม 2019 ที่ Shenzhen ประเทศจีน ภายใต้ธีม Create Beyond Boundaries โดยในงานเน้นเรื่องการผสมผสานของเทคโนโลยีและบริการ ในยุค 5G
งาน OPPO INNO DAY 2019 เปิดให้สื่อ นักวิเคราะห์ พันธมิตรของอุตสาหกรรม และผู้ที่สนใจทั่วโลกเข้าชม โดยนำเสนอเรื่องราวการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค ทั้ง 5G, AR และ IoT และยังให้พันธมิตรมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองกันด้วย ซึ่งอุ้มก็ได้มีโอกาสเข้ามาร่วมงาน ซึ่งมี 4 แกนหลักที่น่าสนใจ คือ การผสมผสานของเทคโนโลยีและบริการ (The Convergence of Technology and Service), การปรับตัวขององค์กร (The Convergence of Organization), การปรับตัวของวัฒนธรรมและเทคโนโลยี (The Convergence of Culture and The Convergence of Technology, ศิลปะและมนุษยศาสตร์ (arts and humanities)
OPPO วางกลยุทธ์ไว้ 3 แกน โดยเริ่มจาก พัฒนา core technology R&D ของบริษัทเพื่อผลักดันสู่ world-leading tech ต่อมา OPPO จะสร้าง multi-portal ecosystem ของ intelligent devices ที่ตอบโจทย์ด้วยสมาร์ทโฟน และสุดท้าย OPPO จะทบทวนว่าได้ตอบสนองผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่หรือยัง และพัฒนาต่อยอดบริการผ่านคอนเทนท์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
Create Beyond Boundaries: Co-Create in the Intelligent Connectivity World
โดย Tony Chen, Founder และ CEO ของ OPPO
ปีที่ผ่านมา มีการจัดงาน OPPO Tech Exhibition แต่ปีนี้เปลี่ยนเป็น OPPO INNO DAY 2019 เพราะมีหลาย Strategy เปลี่ยนไป มีหลาย Core Tech ที่จะเปลี่ยนไปตาม R&D โดยธุรกิจมากกว่า 50% ตอนนี้เป็นเรื่อง AI, Big Data, IoT และเรากำลังมาถึงยุคของสมาร์ทโฟน 5G โดย Intelligence Connectivity และ Machine Learning จะเก่งและเข้าใจมนุษย์มากกว่าเดิม นอกจากนี้ OPPO ก็เพิ่งได้เปิดตัว Color OS 7 ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่ทาง OPPO ให้ความสำคัญ
งานนี้ไม่เหมือนกับงานเปิดตัวอื่นๆ เพราะ OPPO INNO DAY 2019 เน้นเรื่องเทคโนโลยีเป็นหลัก โดย Tony Chen ผู้ก่อตั้ง และ CEO ของ OPPO ได้แนะนำ “Intelligent Connectivity” กับการใช้เทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ OPPO ไม่ได้เน้นธุรกิจแค่ในจีน แต่มุ่งเป้าเป็น Technology Leader
OPPO มีความตั้งใจจะพัฒนาสินค้า ผ่านเทคโนโลยีทุกอย่างที่มี หลายปีที่ผ่านมา OPPO ลงทุนกับ R&D ไปเยอะมาก และปีนี้ก็มีการพัฒนาการ research ต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุด และ OPPO มีแผนที่จะลงทุน R&D เพิ่มอีก 7 พันล้านเหรียญ ในอีีก 3 ปีข้างหน้า เพื่อสร้าง multiple-access ให้กับ Smart Device Ecosystem ในยุค Intelligent Connectivity
จุดมุ่งหมายของ OPPO คือสร้างรูปแบบของเทคโนโลยี เพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า ได้ประโยชน์สูงสุด
สำหรับ OPPO แล้ว ไม่ใช่แค่การทำมือถือ ดังนั้น มือถือ 5G ในความหมายของ OPPO ไม่ใช่แค่การอัพเกรดมือถือ ในเรื่องการเชื่อมต่อ จาก 4G เป็น 5G เท่านั้น แต่เป็นการเปลี่ยนการ connectivity และพัฒนาในเรื่องของ Machine Learning อีกด้วย โดยมี Smart Watch, Smart Robot, Smart Display เน้นเรื่องการเชื่อมต่อ OPPO ทำงานกับหลาย Partners เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า
The Integration of Technologies, the Emergence of Innovation
Levin Liu, Vice President, Head of Research Institute, OPPO
งานนี้ไม่ใช่งานเปิดตัวมือถือ แต่เป็นการเผย Technology ต่างๆ ของ OPPO และนี่คือเทคโนโลยีต่างๆที่ใส่ในมือถือมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เช่น กล้องใน R9s, AI Ultra Night Mode บน R17 Pro และการ ZOOM บน Reno 10X รวมไปถึง Ultra Steady Video บน OPPO Reno2
OPPO มีสิทธิบัตรที่ถือครองอยู่ กว่า 40,000 เทคโนโลยี โดย 88 เปอร์เซนต์เป็นสิทธิบัตรด้านนวัตกรรม
OPPO Reno 5G รุ่นแรกของ OPPO ที่รองรับ 5G เชิงพาณิชย์ในยุโรป
ส่วน OPPO Reno3 Pro จะเปิดตัวเร็วๆนี้
การรวมตัวกันของเทคโนโลยี และบริการ Technological Innovation 2.0 โดยมี 5G กับ AI เป็นตัวขับเคลื่อน
ส่วน Engine จะช่วย User คาดเดาและช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ผู้ใช้จะมีความสุขและเพลิดเพลินกับการใช้งาน ไม่ใช่เฉพาะมือถือ ยกตัวอย่าง Reno เป็นต้น เพราะเพลิดเพลินกับนวัตกรรม และการพัฒนาทางเทคโนโลยี
อย่างเช่น Personal Devices พวก มือถือ นาฬิกา
การแลกเปลี่ยนข้อมูลจะรวดเร็วขึ้น
เรื่องราวของ OPPO น่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะเขาไม่ได้เน้นเรื่องการสร้างมือถือ แต่เป็นการสร้างเทคโนโลยี นวัตกรรม และ OPPO พยายามคิดว่า ทำอย่างไรถึงจะเป็น Smart Device จริงๆ
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์กลุ่ม Smart Watches, Smart Wireless Headphones และ 5G CPE ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ของปี 2020
และนี่คือ OPPO Eco Systems โดยในยุค 5G จะเปิดตัว 5G CPE มาพร้อม Qualcomm Snapdragon X55
OPPO พร้อมแล้วที่จะนำอุปกรณ์ OPPO 5G เข้าไทย แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อม ว่าไทยพร้อมรึยัง ซึ่งไทยเป็นประเทศที่สำคัญและประสบความสำเร็จสำหรับ OPPO
OPPO AR Glasses
OPPO AR Glasses อันนี้น่าสนใจมาก เช่นการแตะกับ Virtual Wall โดยแว่นอันนี้เป็น Augmented-Reality SmartGlasses พร้อมเทคโนโลยี 3D และรองรับระบบเสียง Immersive Surround ใช้ MCUI
โดย OPPO AR Glasses ใช้ OS ที่ชื่อว่า MCUIชมวีดีโอกันค่ะ
เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกให้กว้างขึ้น
Intelligent Connectivity White Paper
Tom Morrod, Executive Director of IHS Markit
ในงานนี้ OPPO และ IHS Markit เผยรายละเอียด รายงาน Intelligent Connectivity ในงาน OPPO INNO DAY 2019 โดยพัฒนาระบบนิเวศน์ (ecosystem) ที่ยั่งยืนในการเชื่อมต่อแห่งอนาคต
โดยระบบนิเวศน์ใหม่นี้ จะเป็น Intelligent Connectivity ขับเคลื่อนโดย AI, cloud, edge computing และ IoT ซึ่งคาดว่าจะขยายตลาดและสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรม
ภายในปี 2023 คาดการณ์ว่า จะมีมือถือ 1.7 พันล้านเครื่องที่เชื่อมต่อกับ 5G และทุกๆ 2 ใน 3 ของสมาร์ทโฟน มีการบิวท์ หรือฝังฮาร์ดแวร์และฟีเจอร์ AI ภายในปี 2025 ตามการคาดการณ์ของ IHS Markit
นอกจากนี้ ผู้ช่วยดิจิตอลในรูปแบบที่รับคำสั่งเสียง อย่าง Smart Speakers จะได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีการใช้งานเพิ่มสูงขึ้นกว่า 100 ล้าน และพุ่งขึ้นเป็น 800 ล้านใน 3 ปี
เครือข่ายกับเทคโนโลยีของมนุษย์ ซึ่งตรงนี้พูดถึง AI และ Machine Learning แล้วก็ 5G
Intelligent Connectivity คือการเชื่อมต่อในยุคดิจิตัล ที่เชื่อมมนุษย์ ผู้คน ติดต่อสื่อสารกันมากว่า 20 ปี แต่ถ้าเป็น Connectivity + IoT คือการเชื่อมโยง เซ็นเซอร์ การแจ้งเตือน การคิดวิเคราะห์ ส่วน Connectivity + IoT + Cloud เชื่อมโยงกับ Cloud ในการประมวลผล และถ้าบวก AI เพิ่มเข้าไปด้วย จะเป็นการเก็บข้อมูลมาประมวลผลและเรียนรู้ Deep Learning
รูปแบบการสื่อสารระหว่างมนุษย์กับอุปกรณ์เปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนเราใช้มือถือกดปุ่ม ต่อมาใช้นิ้วแตะหน้าจอทัชสกรีน แต่ตอนนี้ Machine ฉลาดขึ้นเยอะ เมื่อเทียบการที่จะใช้นิ้วสั่งงาน กับการเรียนรู้และเสิร์ฟความต้องการให้ ก็มี AI, IoT, Cloud, 5G โดยยุคนี้เป็นยุคของการนำ Data มาวิเคราะห์เป็นหลัก และผสานกับ 5G การใช้ Cloud เข้ามาช่วยเชื่อมโยง การเก็บข้อมูล
ซึ่งในเดือนตุลาคม 2019 328 โอเปอเรเตอร์ ใน 109 ประเทศ ลงทุนใน 5G ไม่ใช่เรื่องความเร็ว แต่เป็นเรื่อง Connectivity 50 โอเปอเรเตอร์ใน 27 ประเทศ เปิดให้บริการ 5G เชิงพาณิชย์ บนมาตรฐาน 3GPP และในจีน มีการพัฒนา 10,000 5G NR/gNBs แบบ Large-Scale
ความสามารถด้าน AI ได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น โดยฝังมาพร้อมอุปกรณ์ Entertainment รวมไปถึง AI-capable cameras Smart TV หรือกล่องสตรี่มมิ่ง จะใช้ Facial Recognition เพื่อสร้างประสบการณ์ในการรับชม นอกจากนี้ AI ยังช่วยในการรายงานผลการแข่งขันกีฬา บันทึกสถิติการแข่งขัน
และเนื่องจาก Cloud Gaming นั้นเข้าใกล้ผู้ใช้มากยิ่งขึ้น เพราะลดต้นทุนฮาร์ดแวร์ cloud gaming และ VR/AR จะสร้างโอกาสใหม่ ให้ผู้ใช้เข้าถึงเกมได้ทุกที่ด้วยอุปกรณ์ที่เล็กลง ค่า latency สำคัญมาก เพราะยิ่งต่ำเท่าไหร ก็ยิ่งส่งผลให้พัฒนา VR/AR games ได้มากขึ้น สร้างโอกาสให้กับตลาดทั่วโลกมูลค่ากว่า 100 พันล้านเหรียญในปี 2018
ในยุค intelligent connectivity มีหลายโอกาสในการใช้ IoT กับกล้องวงจรปิด (video surveillance) รถยนต์ไร้คนขับ และอุตสาหกรรมออโตเมชั่น
ปิดท้ายด้วย Panel Discussion เรื่อง Future Integration in the 5G World
อุ้มได้ดูแล้วรู้สึกว่า OPPO เอาจริงและลงทุนกับ R&D เยอะมาก และมาแรงมากๆ ในการผลักดันเทคโนโลยี นวัตกรรม Intelligent Connectivity เพื่อให้คนเราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น โดยมี 5G AI Cloud IoT เป็นตัวผลักดัน
ขอบคุณ OPPO ที่เชิญมาร่วมงาน OPPO INNO DAY 2019 ค่ะ
อ่าน Intelligent Connectivity ฉบับเต็ม