It’s time … รีวิว Pebble Time นาฬิกาแบบสมาร์ทๆ ที่ไม่ต้องชาร์จทุกวัน
เมื่อประมาณเดือนที่แล้ว อุ้มได้เขียนบทความเรื่อง “10 เหตุผล ที่บอกว่าคุณไม่เหมาะกับ Apple Watch (จริงๆนะ)” ขึ้นมา หลังจากที่ซื้อ Apple Watch มาสามครั้ง และขายไปทั้งสามครั้งในเวลาไม่นาน ใครยังไม่อ่าน คลิ๊กเลยค่า (http://iaumreview.net/2015/05/25/applewatchss/) เลยทำให้มานั่งคิดว่า หรือเราไม่เหมาะกับ Smartwatch จริงๆหว่า แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ Pebble Time เริ่มส่งถึงมือ Kickstarter Backer กิเลสของอุ้มก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้มาลองดูกันว่า จะอยู่ได้นานกว่า Apple Watch รึเปล่านะคะ 555
It’s time
ที่หน้ากล่อง Pebble Time ได้เขียนประโยคนี้ไว้ค่ะ ถ้าถามว่าอุ้มชอบอะไรมากที่สุดสำหรับ Pebble Time ก็คงเป็นตามที่ Pebble ได้โปรโมทไว้คือ จอสี แบตอึด ใส่ว่ายน้ำได้ และน้ำหนักเบา จอสีที่ว่า เป็นจอแบบ e-paper ค่ะ ซึ่งกินไฟน้อยมากๆ (แต่ความละเอียดก็น้อยมากๆเช่นกัน) ขนาดของจอจริงๆ อยู่ที่ 1.65 นิ้ว ถามว่าเล็กมั้ย ก็เล็กพอควรค่ะ โดยมีให้เลือกสามสี คือสีดำ สีขาว และสีแดง ขอบของจออาจจะหนาเกินความจำเป็นมาหน่อย และตัวจอไม่สามารถสัมผัสได้นะคะ แต่สามารถควบคุมผ่านปุ่มทั้งสี่ปุ่มบน Pebble Time ซึ่งประกอบไปด้วย
ปุ่มด้านซ้าย คือปุ่ม Back
ปุ่มด้านขวาบนสุด คือปุ่ม Past / เลื่อนขึ้น
ปุ่มด้านขวาตรงกลาง คือปุ่ม Menu / เลือก
ปุ่มด้านขวาล่างสุด คือปุ่ม Future / เลื่อนลง
Past, Present, Future
จุดเด่นของ Pebble Time คือเรื่องของ Timeline ค่ะ เราสามารถกดปุ่มขวาบนสุด เพื่อเลือกดู Past อดีตที่ผ่านมาของเรา ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งจะดึงเอาข้อมูลใน Calendar หรือ Missed call ต่างๆ เอาไว้ และปุ่มขวาล่างสุดเพื่อดู Future สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งเรียกว่า มีประโยชน์ต่องานใช้งานจริงมากค่ะ
Connectivity & Watch Faces
แม้จอของเจ้า Pebble Time จะเล็กนิดเดียว แต่ก็มีหน้าปัดนาฬิกาให้เลือกมากมาย เพียงเราเชื่อมต่อนาฬิกา เข้ากับมือถือ ทั้งแบบ iOS และ Android ผ่าน Bluetooth และดาวน์โหลดแอพ Pebble Time เพียงเท่านี้ เราก็จะสามารถตั้งค่า และเลือกหน้าปัดที่เราชอบได้เลยค่ะ เท่าๆที่ลองเลือกดู มีอยู่เยอะมากมายค่ะ แต่ต่อจากนี้คงมีให้เลือกเยอะขึ้นอีกหลายแบบ มีทั้งแบบการ์ตูน ขยับได้ และดูทั้งเวลา พยากรณ์อากาศได้
Thai
ด้วยความที่ไม่ได้รองรับภาษาไทยตั้งแต่เริ่มต้นนะคะ แต่เราสามารถลงภาษาไทยผ่านเครื่อง Android โดยโหลดได้จาก https://pittaya.com/thai-language-on-pebble-time/ หากใช้ iPhone ก็เพียงจับ Pebble Time เชื่อมต่อผ่านเครื่อง Android ของเพื่อน และโหลดภาษาไทยจากลิ้งด้านบน เลือกเปิดผ่านแอพ Pebble Time เท่านี้ก็จะสามารถใช้งานภาษาไทยได้ค่ะ หลังจากนั้น ก็เอากลับมาเชื่อมต่อผ่าน iPhone ได้ตามปกติ
Notifications
สาเหตุหลัก ที่คนเราอยากจะลองใช้งาน Smartwatch คงไม่พ้นเรื่องของการแจ้งเตือนอย่างแน่นอนค่ะ จากที่ลองใช้งานมา ถือว่า Pebble Time สามารถทำได้ดีค่ะ คือแจ้งเตือนมันหมดทุกอย่าง ที่เราเปิดเตือนใน Notification Center ไว้ ยกทั้ง LINE, Facebook, Pages Manager, Email, Gmail, Facebook Messenger, Instagram หรือแอพอื่นๆ สิ่งที่ดีคือ เวลา LINE เด้งมา จะโชว์ครบหมดประโยค ไม่ต้องเสียเวลากดเข้าไปดูซ้ำ และแจ้งเตือนได้ไวดีค่ะ ข้อเสียคือ แม้ว่าจะแจ้งเตือนใน Pebble Time แล้ว ก็จะยังดังที่มือถืออีกอยู่ดี ซึ่งถ้าเราใช้ Android ก็จะสามารถตอบกลับด้วยเสียง หรือข้อความสั้นๆได้ค่ะ แต่สำหรับ iOS จะกด Dismiss ได้อย่างเดียวจ้า
Application & Game
นอกจากเรื่องของการแจ้งเตือน Pebble เคลมว่า มีแอพที่รองรับการใช้งาน ถึง 6,500 ++ ซึ่งจะว่าไป ก็จะหนักไปทางแอพขาวดำที่รองรับ Pebble รุ่นก่อนๆ แต่เอามาใช้กับ Pebble Time ได้ ถ้าหากเคยใช้ Apple Watch มา จะรู้สึกว่าเป็นแอพคนละแบบกันค่ะ เพราะใน Apple Watch จะเป็นแอพที่ทำมาลงใน Apple Watch เลย แต่สำหรับ Pebble คือเป็นแอพที่ลงใน Pebble ควบคุมการใช้งานผ่านแอพ Pebble Time โดยเฉพาะบ้าง หรือเป็นแอพ ที่ต้องอาศัย iOS App เพื่ใช้งานร่วมกันบ้าง แต่ส่วนที่ดีที่สุด คงจะเป็นในส่วนของเกมค่ะ ที่เล่นได้จริงๆ และสนุกจริงๆ ทำให้ย้อนกลับไปคิดถึง สมัยที่ใช้งาน Gameboy Color ยังไงอย่างงั้นเลยค่า
Battery
หมดปัญหาเรื่องการชาร์จทุกวันอีกต่อไปค่ะ เพราะ Pebble Time สามารถอยู่ได้มากกว่า 1 วันแน่นอน ถึงตอนนี้ผ่านไป 2 วัน ใช้อย่างเห่อๆ ตอนนี้ยังเหลือแบตอีก 50% แปลว่า น่าจะใช้งานได้ถึง 4 วันเต็ม หรือมากกว่านั้นค่ะ ทั้งๆที่จอแบบ e-paper จะไม่มีการดับนะคะ เปิดอยู่ตลอดเวลา
Water Resistant
ตามคำกล่าวคือ สามารถกันน้ำได้ถึง 30 เมตร คือ ไม่ต้องกังวลกับการใส่ลงน้ำ หรือใส่ว่ายน้ำค่ะ เพราะสามารถใส่ลงไปในน้ำได้แน่ๆ และการควบคุมโดยใช้ปุ่มกด ทำให้สามารถควบคุม Pebble Time ในน้ำได้เลย
สิ่งที่ชอบ Pebble Time มากกว่า Apple Watch
1.ถูกกว่าเยอะ
2.ไม่ต้องชาร์จทุกวัน แบตอึดกว่าสี่เท่า
3.จอติดตลอดเวลา ไม่ต้องพลิกเพื่อให้จอติด
4.เปลี่ยนสายได้ง่าย
5.กันน้ำ ดำน้ำได้ เล่นในน้ำได้
6.ต่อได้ทั้งกับ iOS และ Android
7.ถึงเกมจะติงต๊อง แต่สนุกจริง
8.มองจอกลางแดด ชัดมากถึงมากที่สุด
9.การแจ้งเตือนทุกแอพที่ mirror มาจากมือถือ ที่เต็มประโยค ไม่ต้องกดดูเพิ่ม
10.น้ำหนักเบาสุดๆ
สิ่งที่ Pebble Time ยังสู้ Apple Watch ไม่ได้
1.จอง่อยกว่ามาก เรียกได้ว่าอย่าเทียบความชัดกันเลย
2.ดีไซน์ที่หรูหราน้อยกว่า
3.ความสวยงามและ UI ของแต่ละแอพพลิเคชั่น
4.SIRI อันนี้เรื่องใหญ่ รวมไปถึงคำสั่งเสียง การตอบกลับด้วยเสียง Voice to text
5.หน้าจอในที่ร่ม ความสว่างต่างกันเยอะมาก
6.แอพ Fitness และ Tracking ต่างๆ ที่ Pebble Time ใช้ได้เพียงแอพเดียว แถมยังไม่สวยอีกด้วย
7.หน้าจอสัมผัสไม่ได้ แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
8.คุยผ่านนาฬิกาไม่ได้
9.การแจ้งเตือนที่ยังซ้ำซ้อน ระหว่างนาฬิกากับมือถือ
วันนี้ก็ขอฝาก รีวิว Pebble Time เอาไว้เท่านี้นะคะ เรียกได้ว่า ถ้าใครอยากลองนาฬิกาฉลาดๆ ที่ราคาไม่แพง เริ่มต้นประมาณ $199 Pebble Time ก็เป็นอีก 1 ตัวเลือกที่น่าสนใจ และอาจจะติดใจแบบไม่คาดคิด ลองดูนะคะ ^^