มือถือในยุคนี้เมื่อเทียบกับสมัย 10-20 ปีก่อนก็เรียกได้ว่า พัฒนามาไกลมากกกกกกกกก แต่ไม่ว่ามือถือจะก้าวล้ำไปมากแค่ไหน แบตเตอรี่ก็ยังคงหมดเร็ว ต้องชาร์จกันทุกวันทุกคืนเหมือนเดิม ถึงแม้ว่ามือถือหลาย ๆ รุ่นจะพยายามทำให้แบตอึดมากขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่มากอย่างที่หลายคนต้องการอยู่ดี แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ ที่เทคโนโลยีอย่างอื่นพัฒนาไปไกลแล้ว แต่แบตเตอรี่นั้นกลับไม่ถูกพัฒนาตามไปด้วย

วันนี้ Venkat Srinivasan จาก Argonne Collaborative Center for Energy Storage Science ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องแบตเตอรี่จะมาอธิบายให้เราได้เข้าใจกัน โดยเขาได้บอกว่า เหตุผลที่ทำให้หลายคนรู้สึกว่าแบตเตอรี่ไม่เคยมีการพัฒนาเลยนั้น เป็นเพราะว่ามือถือที่ถูกพัฒนาให้มีสเปคและฟีเจอร์มากขึ้น ใช้ทำอะไรได้มากขึ้น มันก็จะส่งผลให้กินแบตเตอรี่เยอะขึ้นตามไปด้วย ซึ่งปกติที่ผ่านมาแบตเตอรี่ได้ถูกพัฒนาให้มีพลังงานเยอะมาเรื่อย ๆ แต่เพราะมือถือมันกินแบตมากขึ้น เราก็เลยรู้สึกเหมือนกับว่าแบตมันใช้ได้นานเท่าเดิมนั่นเอง

ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น แบตเตอรี่จะมีการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ด้วยการตัดชิ้นส่วนบางอย่างภายในออก เพื่อทำให้สามารถจุพลังงานได้มากขึ้น แต่ในช่วง 5 ปีล่าสุดนั้นดูเหมือนว่าจะไม่สามารถลดทอนชิ้นส่วนใด ๆ มากไปกว่านี้ได้อีกแล้ว และการที่จะทำให้แบตเตอรี่จุพลังงานได้มากขึ้นอีกนั้นก็อาจต้องเปลี่ยนวิตถุดิบของแบตเตอรี่ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก

แบตเตอรี่ที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้เป็นแบตเตอรี่ชนิด Lithium Cobalt ซึ่งใช้มาตั้งแต่ยุค 90s และตอนนี้มันก็มาถึงจุดที่ไม่สามารถพัฒนาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว แต่เราก็ยังมีความหวังในอนาคตอยู่ เพราะกำลังมีการคิดค้นแบตเตอรี่ชนิดใหม่คือแบตเตอรี่แบบ Solid-state ซึ่งจะสามารถจุพลังงานได้มากขึ้นสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ ในอนาคต

แต่ถึงแม้ว่าในอนาคตจะมีแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่จุพลังงานได้เยอะขึ้น ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะได้ใช้มือถือนานหลาย ๆ วันโดยที่ไม่ต้องชาร์จ เพราะว่ามือถือในอนาคตมันก็อาจกินแบตเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ต่อให้แบตมีพลังงานเยอะ เราก็อาจจะยังต้องชาร์จมือถือกันทุกวันเหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแล…

ที่มา: The Verge

Comments

comments