ในยุคที่ทุกอย่างดูจะเร่งรีบไปหมดทุกอย่าง สังเกตมั้ยคะ ว่าจะมีที่นึงที่มักจะหยุดนิ่งอยู่เสมอ ไม่ใช่ที่ไหนคะ บนท้องถนนนั่นเอง เราคงจะรู้สึกเบื่อสุดๆ กับการเดินทางไปเรียน หรือเดินทางไปทำงาน สมัยที่อุ้มใช้ชีวิตอยู่ไกลที่ทำงานมากๆ เดินทางเช้า ชั่วโมงครึ่ง เย็นอีกสองชั่วโมง เป็นช่วงชีวิตที่น่าเบื่อสุดๆเลยค่ะ
สิ่งที่จะช่วยให้แก้เบื่อในรถได้ก็มีหลายทางนะคะ ทางนึงที่จะช่วยได้มากเลย คือการตะโกนร้องเพลงในรถ หรือเอา iPhone/iPad มาติดอยู่หน้ารถ แต่ก็อย่างว่าค่ะ ด้วยความที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้งานในรถโดยเฉพาะ เลยไม่ค่อยสะดวกสบายเท่าไหร่
และเมื่อพูดถึงการใช้งานเครื่องเสียงในรถยนต์ Pioneer คงเป็นชื่อที่คุ้นหู และการันตีด้านคุณภาพเสียงที่ดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ซึ่งก่อนหน้านี้ Pioneer จะโฟกัสเรื่องเครื่องเสียงในรถยนต์แบบธรรมดา ต่อมาได้มีการพัฒนาให้เครื่องเสียงธรรมดา ให้มีความโดดเด่นตามยุคสมัย จนกลายมาเป็น Car Entertainment ได้อย่างน่าสนใจเช่นในปัจจุบัน ซึ่งเราจะเห็นถึงความโดดเด่นอย่างชัดเจนมากขึ้นในมาปีสองปีมานี้
อุ้มมีโอกาสได้ลองใช้งาน เจ้า AVHX8650BT เครื่องเสียงติดรถยนต์ที่เป็นมากกว่านั้น เพราะสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเราได้ (แถมยังเป็นการชาร์ทมือถือไปในตัว) โดยมีลักษณะที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ
- รองรับไฟล์ที่หลากหลายมากขึ้น : นอกจากไฟล์วิดีโอพื้นฐานแล้ว ก็ยังรองรับไฟล์ mkv, flv, flac ที่ชัดกว่ามาตรฐานเพลงทั่วไปถึง 4 เท่า
- ความเจ๋งของ Mixtrax : เจ้าเครื่องเสียงจะทำการ Mix เพลงได้เองตามความเหมาะสม ซึ่งเมื่อก่อน อาจจะต้องทำการ Mix เพลงผ่านคอม แต่เจ้านี่ เพลงใส่เพลงใน USB เครื่องก็จะทำการเลือกเพลงที่เป็นประเภทเดียวกัน จังหวะเดียวกันมาต่อกันโดยอัตโนมัติเลยทันที ซึ่งต้องเรียกว่า เหมือนมีดีเจส่วนตัวมาอยู่ในรถเลย อุ้มชอบอันนี้มากๆ
- การใช้งาน Bluetooth ที่ดีขึ้น : รู้สึกมั้ยคะ ว่าเวลาเราคุยกับ คนที่ใช้บลูทูธต่อกับเครื่องเสียงในรถ เสียงของเค้ามักจะออกมาอู้อี้ ไม่เหมือนคุยผ่านทางโทรศัพท์โดยตรง เป็นเพราะมีข้อจำกัดในเรื่องของ Bandwidth ตอนนี้ Pioneer ก็ได้ทำลายข้อจำกัดนี้ เพื่อสร้างประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการใช้สายในรถยนต์ ที่สำคัญมันสามารถเชื่อมต่อกับ Siri ได้อีกด้วยค่า
- คุณภาพเสียงที่ดีขึ้น : แน่นอนค่ะ เนื่องจากเป็นเครื่องเสียงในรถยนต์ ก็ย่อมสร้างความบันเทิงให้กับผู้ใช้งาน แต่จุดสำคัญ ต้องเป็นเรื่องของคุณภาพเสียง ที่มีการพัฒนาขึ้นกว่าเดิม Pioneer กล้าบอกว่า ในราคาที่เท่ากัน เค้าให้ Spec ที่สูงกว่าคู่แข่งอีกด้วยนะคะ
- Appradio Mode : ซึ่งสามารถดาวน์โหลดลงใน Smartphone กว่า 50 รุ่น ทั้ง iOS และ Android ในขณะนี้ เมื่อเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับเครื่องเสียงแล้วเรียกเปิดแอพ Appradio ขึ้นมา ระบบจะทำงานผ่าน Launcher App รวบรวมแอพที่สามารถใช้งานผ่านเครื่องเสียงมาไว้ในหน้าเดียว ซึ่งแอพพลิเคชั่นที่ Support ในขณะนี้ ถือว่ามีพอสมควรค่ะ เช่น Internet Radio / Browser / Youtube หรือแอพที่ใช้บอก Performance ของรถยนต์ การแสดงผลจะมีความคมชัด และสามารถ Pinch & Zoom ได้ในบางแอพค่า โดยที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ Waze นาวิเกชั่นนำทาง ที่ช่วยให้คุณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้อย่างง่ายดาย เพียงกดเข้าไปดู รายงานการจราจรในฟังก์ชั่น Report ก็จะเห็นได้ว่า มีรถติดตรงไหน มีด่านหรือ อุบัติเหตุที่จุดใดบ้าง แถมยังขยายสัดส่วนให้ดูได้ชัดเจนกว่าดูบนแท็บแล็ตหรือในมือถือเป็นไหนๆ แหมชีวิตมันง่ายซะจริงๆ นอกจากนี้ ยังสามารถอ่านข้อความ(Feed) ข่าวต่างๆใน Facebook บนเจ้า Pioneer 8650BT ได้ด้วย ตัวหนังสือมีขนาดใหญ่ อ่านง่าย เพียงแค่พิมพ์ โต้ตอบไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนนั่นเอง
เท่าที่อุ้มมีโอกาสได้ลองใช้งาน ค่อนข้างประทับใจค่ะ สิ่งแรกเลยที่ Pioneer แตกต่างกับเครื่องเสียงอื่นๆ คือคุณภาพเสียงที่ออกมา เสียงดีมากๆ เรื่องต่อมาคงเป็นการเชื่อมต่อ Smartphone เข้ากับเครื่องเสียงรถยนต์ได้ ทำให้เราสามารถใช้งานแอพพลิเคชั่นที่รองรับหลากหลายจากบนมือถือ ผ่านหน้าจอเครื่องเสียงรถยนต์ได้เลยทีเดียว และทาง Pioneer ได้ฝากมาบอก นักพัฒนาในประเทศไทย ท่านไหนอยากจะร่วมพัฒนาแอพพลิเคชั่น ทาง Pioneer ก็ยินดีมากๆค่ะ
อีกเรื่องนึงคงจะเป็นเรื่องราคาค่ะ เพราะว่าทั้งหมดที่พูดมานี้ ราคาอยู่ที่ ประมาณ 17000 +- บาทเท่านั้น เรียกได้ว่า ราคาหมื่นกว่าๆ ก็เอานวัตกรรมมากมาย เข้ามาอยู่ในรถยนต์ของเรา แลกกับการสร้างความบันเทิงขณะรถติด ก็ต้องถือว่าคุ้มไม่น้อยเลยนะคะ