เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Galaxy Unpacked เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับเวลา ตี 2 ของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ในบ้านเรา อ่านสรุปการเปิดตัว โดยครั้งนี้เปิดตัว 3 + 1 รุ่น นั่นก็คือ Samsung Galaxy S20, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra 5G อีกรุ่นคือ Galaxy Z Flip ซึ่งวันนี้ IAUMReview ได้มีโอกาสจับเครื่องจริง ตัวเป็นๆ ก็เลยเอาประสบการณ์แรกสัมผัส มาบอกเล่ากัน
โดย Galaxy S20 มาพร้อมความจุ 128GB, Galaxy S20+ และ Galaxy S20 Ultra 5G มาพร้อมความจุ 128GB 256GB และ 512GB
สำหรับในบทความนี้ จะเน้นไปที่ประสบการณ์หลังได้จับเครื่องจริง ซึ่งหลายๆ คุณสมบัติเปิดตัวได้ว้าวมาก น่าสนใจมาก ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นมากเลย และหลังจากที่เราได้ทดลองใช้งานครั้งแรก ทำให้เรารู้สึกว่า การใช้มือถือรุ่นเรือธงของ Samsung ในปีนี้ เราจะได้กล้องสวย กันสั่นวีดีโอดี และมีคุณสมบัติที่ช่วยในการตกแต่ง แก้ไขภาพ ซึ่งหลังจากที่ได้ใช้งาน บอกได้เลยว่า ซอฟต์แวร์และ AI ในการประมวลผลการถ่ายภาพ การซูม ดีขึ้นมากๆ ไม่ใช่แค่การเพิ่มความละเอียดในการถ่ายภาพเพียงอย่างเดียว แต่การประมวลผล ทำได้ดีขึ้นจริงๆ
ดีไซน์ / การออกแบบตัวเครื่อง
กล้องหลัง จัดวางตำแหน่งแบบ ICONIC Square Camera
ถ้ามองการจัดวางตำแหน่งโมดูลกล้องหลังของมือถือรุ่นเรือธง จะเห็นเอกลักษณ์ของการวางตำแหน่งกล้องที่แตกต่างกันในแต่ละแบรนด์ ซึ่งทาง Samsung ตั้งใจที่จะใช้ ICONIC Square Camera หรือการวางกล้องในกรอบรูปทรงสี่เหลี่ยม ทำให้โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างไปจากมือถือแบรนด์อื่นๆ ซึ่งถ้ามองกล้องหลังแป๊บเดียวก็จะรู้ทันทีว่าใช้มือถือ Samsung ตระกูล S20 Series
จอใหญ่ แต่จับถนัดมือ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน จอ 6.9 นิ้ว ใหญ่มาก จับมือเดียวลำบาก วันนี้มือถือมาพร้อมกับอัตราส่วนหน้าจอแบบใหม่ ทำให้ได้จอใหญ่ มองสบายตา แถมยังจับถือเครื่องได้ถนัดมือ
โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับหน้าจอแบบ Infinity-O Display กระจก Gorilla Glass 6 ซึ่งในภาพ ถ่ายในมุมที่มีแสงแดดส่องถึง ยังให้ความคมชัดของหน้าจอที่สว่างและมองเห็นได้ชัดเจน
ขนาดหน้าจอใหญ่ แต่ยังจับตัวเครื่องถนัดมือ หน้าจอ Galaxy S20 Ultra 5G ขนาด 6.9 นิ้ว ถ้าเทียบกับ Note 10+ แล้ว จอใหญ่กว่า แต่จับถนัดมือกว่าเดิม ส่วน S20+ หน้าจอ 6.7 นิ้ว และ S20 หน้าจอ 6.2 นิ้ว
หน้าจอ 120Hz
เทรนด์จอมือถือปีนี้คือ หน้าจอที่มีค่า Refresh Rate 120Hz หมายความว่า ใน 1 วินาที หน้าจอมีการ Refresh 120 ครั้ง ข้อดีคือ แสดงการเคลื่อนไหวบนหน้าจอได้ไหลลื่น
กล้อง การถ่ายภาพ และถ่ายวีดีโอ
ปีนี้ Samsung ได้มีการปรับเรื่องการถ่ายภาพ ไม่ใช่แค่จำนวนพิกเซลความละเอียดกล้อง แต่คิดใหม่ว่าจะทำยังไงให้ถ่ายภาพได้คมชัด เห็นรายละเอียดได้ชัดเจน Galaxy S20 และ Galaxy S20+ มีความละเอียด 64MP และ Galaxy S20 Ultra 5G มีความละเอียดสูงถึง 108MP (ละเอียดเท่ากับนัยน์ตาเรามองเห็น) ข้อดีคือ ถ่ายมาแล้วแม้จะต้อง zoom, crop ก็ได้ภาพที่คมชัด รวมไปถึง การพิมพ์ (พรินต์ภาพ) Warp ตึก 8 ชั้นได้เลย
ตามสเปค S20 Ultra 5G กล้องหน้า 40MP กล้องหลัง 4 ตัว 12MP Wide 108MP TelePhoto 48MP พร้อมเลนส์ TOF ถ่ายภาพหน้าชัด – หลังเบลอได้สวย ส่วน S20+ กล้องหน้า – กล้องหลัง 64MP มีเลนส์ TOF ในขณะที่ S20 ไม่มีเลนส์ TOF
Galaxy S20 Ultra 5G รองรับการสลับกล้องเปลี่ยนโหมด ความละเอียดสูง 108MP กับโหมด 12MP ผ่านเทคโนโลยี Nona-binning สามารถรวมพิกเซล 9 เม็ดเป็นหนึ่งเดียวที่ระดับเซ็นเซอร์ จึงทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับภาพที่มีคุณภาพสูงขึ้นแม้ในสภาพแสงน้อย
Space Zoom
ฟีเจอร์นี้น่าตื่นเต้นมาก แต่จากที่ลองใช้ บอกเลยว่า ขาตั้งกล้องต้องมี แสงต้องพอ ก็จะได้ภาพที่คมชัด ถ้าถามว่า 100x ไกลแค่ไหน กว้างเท่าสนามฟุตบอล 1 สนาม ถ้าจะได้ใช้คือ ไปดูคอนเสิร์ตแล้วนั่งอยู่ไกลก็ซูมได้
Galaxy S20 และ Galaxy S20+ ซูมไกล 30 เท่า
Galaxy S20 Ultra 5G ใช้ AI ซูมไกลสูงสุดถึง 100 เท่า
พลังซูมที่ทำงานร่วมกันระหว่าง Hybrid Optic Zoom, Super Resolution Zoom และ AII-powered digital Zoom ทำให้สามารถซูมภาพที่ต้องการให้เข้ามาใกล้ได้อย่างง่ายดาย
จากที่ได้ทดสอบ โดย 2 ภาพนี้ ไม่ได้ใช้ขาตั้งกล้องเลย ก็ยังได้ภาพที่ซูมเข้าไปแล้วก็มีภาพแตกเป็นวุ้นอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าทำได้ดี
Single Take ถ่ายช็อตเดียว ได้ภาพและวีดีโอหลายมุมมอง
จากที่เล่นมา โหมดกล้องมีให้เล่นเยอะ จนอยากซื้อมาใช้จริงๆ อย่าง Single Take ตอนได้ยินในงานเปิดตัวนี่ว้าวมาก กดชัตเตอร์ทีเดียว ได้ทั้งรูปและวีดีโอ ไม่ว่าจะเป็น Live Focus, Cropped, Ultra Wide กว้างถึง 120 องศา โดยใน 1 ครั้งที่กดถ่าย ได้ภาพและวีดีโอพร้อมกัน 14 มุม โดยกดค้าง 3-10 วินาที
วิธีการคือ เลือกโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะ Single Take ในกล้องแล้วกดชัตเตอร์ แพนกล้องไปมา 3 – 10 วินาที เพื่อเก็บภาพทั้งหมด
ถ่ายภาพในที่แสงน้อย Bright Night
ขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น รวมภาพหลายภาพเป็นภาพเดียว ก่อนหน้านี้รวม 14 ภาพ วันนี้รวม 30 ภาพเข้าด้วยกัน สามารถถ่ายที่แสงน้อยได้สวย
ชาวโซเชียลกรีดร้อง Edit แต่งภาพได้สนุกขึ้น
อันนี้ว้าวมาก สำหรับคนที่เล่น IG ตามดารา แล้วชอบโทนสีที่เขาใช้ฟิลเตอร์ โดย Custom Filters 99 แบบ สามารถเอารูปดาราที่ชื่นชอบมาใส่แล้วรู้เลยว่าใช้ฟิลเตอร์อะไร (แคปหน้าจอมาใส่แล้วแต่งภาพโทนสีที่ชอบได้เลย)
ถ่ายวิดีโอความละเอียดสูง 8K
Galaxy S20, S20+ และ S20 Ultra รองรับการถ่ายวีดีโอ 8K และยังสามารถ Capture ภาพจากวิดีโอมาเป็นรูปถ่าย Hi-res ด้วยฟีเจอร์ 8K VDO Snap ความละเอียดสูงสุด 33MP
สิ่งที่หลายๆ คน อยากรู้ก็คือ ระบบกันสั่น Super Steady ที่ป้องกันการสั่นไหวได้ดีขึ้น นิ่งขึ้นกว่าเดิม จากปกติกันสั่น 30 องศา บน S10 และ Note 10 แต่บน S20 มีกันสั่น 60 องศา รวมไปถึงมีการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้วย AI นิ่งขึ้น เหมือนใช้ Gimbal (ไม้กันสั่น)
แบตเตอรี่
จากที่ได้ทดสอบในระยะเวลาไม่นาน Galaxy S20 Ultra แบต 5000mAh รองรับระบบชาร์จเร็ว Super Fast Charge 45W ส่วน S20+ แบตเตอรี่ 4500mAh และ S20 แบตเตอรี่ 4000mAh
ราคาเปิดตัว
Galaxy S20 28,990 บาท / Galaxy S20+ 31,990 บาท และ Galaxy S20 Ultra 5G 39,990 บาท
สั่งจองล่วงหน้า Galaxy S20+ | S20 Ultra 5G ได้วันที่ 14 ก.พ.63 – 5 มี.ค.63 รับส่วนลดและของแถมรวมมูลค่าสูงสุด 11,990 บาท ที่ Samsung Experience Store, Samsung Online Shop, ผู้ให้บริการเครือข่าย และร้านค้าที่ร่วมรายการ
เลือกอะไรดี
จากที่ได้ทดลองใช้งาน ถ้าชอบนวัตกรรม อยากได้ Zoom 100x กล้อง 108MP แนะนำให้ไปคบ Galaxy S20 Ultra แต่ถ้าอยากได้รุ่นที่พอดีๆ ครบครัน ราคาน่าคบหา Galaxy S20+ น่าซื้อมาก หรือถ้าอยากใช้รุ่นเล็ก Galaxy S20 ก็น่าสนใจเช่นกัน แถมราคาก็เปิดตัวได้น่ารักเลยทีเดียว
สเปค
Samsung Galaxy S20
- หน้าจอ 120Hz Infinity-O Dynamic OLED 6.2″ 3200×1440 20:9
- ชิป Exynos 990 + Mali-G77 MP11
- แรม 8/12GB
- ความจุ 128GB ใส่ microSD ได้สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง 3 เลนส์ 12MP Main Wide f/1.8 + 64MP Telephoto f/2.0 + 12MP Ultra-Wide f/2.2
- กล้องหน้า 10MP f/2.2
- ลำโพง AKG ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 4000mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W/wireless charging 15W/Reverse wireless charging 9W
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ Ultrasonic
- พอร์ต USB-C ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- กันน้ำ IP68
- Android 10 (OneUI 2.0)
- ขนาดตัวเครื่อง 151.7 x 69.1 x 7.9 มม. น้ำหนัก 163 กรัม
- มีสี Cosmic Gray/Cloud Blue/Cloud Pink
Samsung Galaxy S20+
- หน้าจอ 120Hz Infinity-O Dynamic OLED 6.7″ 3200×1440 20:9
- ชิป Exynos 990 + Mali-G77 MP11
- แรม 8/12GB
- ความจุ 128/256/512GB ใส่ microSD ได้สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง 4 เลนส์ 12MP Main Wide f/1.8 + 64MP Telephoto f/2.0 + 12MP Ultra-Wide f/2.2 + 0.3MP DepthVision Camera
- กล้องหน้า 10MP f/2.2
- ลำโพง AKG ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับชาร์จเร็ว 25W/wireless charging 15W/Reverse wireless charging 9W
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ Ultrasonic
- พอร์ต USB-C ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- กันน้ำ IP68
- Android 10 (OneUI 2.0)
- ขนาดตัวเครื่อง 161.9 x 73.7 x 7.8 มม. น้ำหนัก 186 กรัม
- มีสี Cosmic Black/Cosmic Gray/Cloud Blue
Samsung Galaxy S20 Ultra
- หน้าจอ 120Hz Infinity-O Dynamic OLED 6.9″ 3200×1440 20:9
- ชิป Exynos 990 + Mali-G77 MP11
- แรม 12/16GB
- ความจุ 128/256/512GB ใส่ microSD ได้สูงสุด 1TB
- กล้องหลัง 4 เลนส์ 108MP Main Wide f/1.8 + Periscope 48MP Telephoto f/3.6 + 12MP Ultra-Wide f/2.2 + 0.3MP DepthVision Camera
- กล้องหน้า 40MP f/2.2
- ลำโพง AKG ระบบเสียง Dolby Atmos
- แบตเตอรี่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 45W/wireless charging 15W/Reverse wireless charging 9W
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอ Ultrasonic
- พอร์ต USB-C ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
- กันน้ำ IP68
- Android 10 (OneUI 2.0)
- ขนาดตัวเครื่อง 166.9 x 76 x 8.8 มม. น้ำหนัก 222 กรัม
- มีสี Cosmic Black/Cosmic Gray