ระยะหลังๆ นี้ อุ้มได้ทดลองใช้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายแบรนด์เลยค่ะ ซึ่ง AUTOBOT LAZER MARK 4 รุ่นใหม่ อัพเกรดฟังก์ชั่นเพิ่มเติม เป็นหุ่นยนต์ดูดฝุ่นไซโคลน ซึ่งพอดูสเปคหุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายๆ ตัว ก็จะเห็นว่า แรงดูดเยอะที่สุด ในรุ่นราคาใกล้เคียงกัน โดยมีแรงดูดสูงสุด 8000pa คือ 4 เท่าของแรงดูดปกติ (ปกติจะเป็น 2000pa)
จุดเด่นของหุ่นยนต์ดูดฝุ่น Autobot Lazer 4 ก็คือ กวาด ดูดฝุ่น ถู จบในตัวเดียว มาพร้อมแรงดูดไซโคลน 8000pa คำว่าไซโคลน คำนี้พอได้ยินก็จะรู้สึกถึงแรงดูดที่แรงแบบพายุหมุน หรือพายุไซโคลน
ใช้งานได้นาน มาพร้อมแบตเตอรี่ Li-ion ความจุ 6400 mAh โดยแท่นชาร์จ ทำออกมาได้แข็งแรง มั่นคง มีน้ำหนัก และมีการเปิดช่องใต้แท่นชาร์จเอาสายชาร์จเข้าไปเสียบ แล้วลอดสายออกมาได้
เก่ง ฉลาด ไม่เดินสะเปะสะปะไปทั่ว เพราะมีเทคโนโลยี Lazer SLAM 2.0 ทำความสะอาดแบบ Hybrid แบบถังแยก มีแยกถังน้ำ กับถังไซโคลน สร้างแผนที่การเดิน Map และ Virtual Wall Memorizing จดจำและบันทึกแผนที่บ้าน รวมถึงสร้างกำแพงเสมือน กั้นพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้เครื่องเข้าไปทำงานได้ อันนี้บอกก่อนว่า บางแบรนด์ต้องใช้อุปกรณ์เสริม แต่รุ่นนี้ทำ Virtual Wall บนแอปได้เลย
เก่งเรื่องเดินเก็บฝุ่น และถูพื้น
แม่นยำมากขึ้น เพราะมี
– เทคโนโลยีนำทาง Laser Mapping ซึ่งถ้าตอนกลางคืน หรือใต้เตียงมืดๆ จะเห็นไฟสีแดงของเซ็นเซอร์ เหมือนกล้องหรือนัยน์ตาเรามองพื้นตลอดเวลา
– Electric Water Control ดูดฝุ่นพร้อมถูพื้นในเครื่องเดียว ควบคุมการจ่ายน้ำ กำลังแรงฉีดน้ำได้ด้วยไฟฟ้า ลองแล้วพบว่า น้ำฉีดแรงเหมือนเราใช้ผ้าถูบ้านเองเลย (ถูก 2 รอบห้องคอนโด น้ำครึ่งแท้งค์หมดเกลี้ยง)
– ใช้ Lidar 360 Mapping ซึ่งแม่นยำกว่า Camera Mapping (เป็นเซ็นเซอร์แบบใน iPhone)
– จดจำแผนที่ได้สูงสุด 5 แผนที่พร้อมระบบ Room Cleaning เลือกห้องในการทำความสะอาดได้
สิ่งที่อุ้มชอบที่สุดคือ Bumper กันกระแทก ลองชนดูก่อน ถ้าไปไม่ได้ก็ถอย
มีการเพิ่มเซ็นเซอร์ Lidar และมี Bumper ด้านบนและด้านหน้า ให้สามารถตรวจจับให้ดีขึ้น ซึ่งถ้าตัวมันเข้าใต้ตู้ได้ แต่ด้านบนเข้าไม่ได้ ก็จะไม่เข้าไป และมีการเพิ่ม sensor ตรวจจับกำแพง และสิ่งกีดขวาง แต่ทั้งนี้จากการทดสอบ พบว่า ขึ้นอยู่กับการวางของ การจัดของในห้องด้วย
การปรับความแรง ถ้าไม่ได้ใส่แท้งค์น้ำและผ้าถูพื้นก็จะไม่มีแถบเลื่อน Water ให้เลื่อน (เป็นสีเทาจางๆ)
เลือกแรงดูดได้ 3 ระดับ คือ Eco , Normal และ Turbo และเลือกระดับการหยดของน้ำได้ 3 ระดับ Low , Medium และ High ซึ่งจากที่ใช้โหมด Turbo กับ High ดูดและถูพื้นพร้อมกัน เสียงก็ไม่ได้ดังมากนัก เครื่องดูดฝุ่นทั่วไปแบบมีสายเสียงดังกว่าเยอะ
หรือถ้าเราอยากให้หุ่นยนต์เดินนิดเดียว หรือจุดที่ต้องระวัง เราสามารถควบคุมใช้มือถือเป็นจอยสติ๊ก กดควบคุมเดินหน้า ถอยหลัง ซ้าย ขวา ได้เลย หยุดแม่นยำกว่าให้ทำงานอัตโนมัติ แต่ข้อสังเกตคือ การหลบหลีกจะไม่เก่งเหมือนตอนเลือกโหมด Auto คือเป็นอัตโนมือไปเลย
นอกจากนี้ Autobot Lazer4 เป็นหุ่นยนต์พูดได้ และปรับความดังเสียงพูดของหุ่นยนต์ได้ (ภาษาอังกฤษ)
จากที่ได้ทดลองใช้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นหลายตัวที่หน้าตาเหมือนกันเป๊ะ แต่บอกเลยว่า หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Autobot Lazer 4 มีจุดเด่นเรื่อง แรงดูด cyclone ที่แรงที่สุดในตลาด เจ้าเดียวในไทยตอนนี้ อันนี้ทดสอบแล้ว กับห้องที่ไม่ได้ดูดฝุ่นมาหลายวัน (ย้ำเลยว่าหลายวันมากๆ) ต้องทำความสะอาดหนักๆ โดยเสียงในโหมด Turbo ก็ไม่ได้ดังมากนัก ยังเบากว่าเครื่องดูดฝุ่นตามบ้านทั่วไปเสียอีก
แท๊งค์น้ำ แยกแท้งค์ฝุ่น กับแท้งค์น้ำ เปิดจุกน้ำ ใส่น้ำได้เลย ความจุถังเก็บฝุ่น 0.5 ลิตร
จ่ายน้ำแบบไฟฟ้า คือควบคุมผ่านแอปได้ จากการใช้งาน พบว่า ฉีดน้ำได้ดี กระจายแรงฉีดน้ำ รู้สึกว่าพื้นเปียกแบบถูพื้นปกติเลย
เปิดกล่องออกมา จะมีคำแนะนำเบื้องต้น ให้สแกน QR Code ด้วยมือถือ อาจจะใช้แอป LINE สแกนก็ได้ ดูวีดีโอแนะนำการใช้งานได้
อุปกรณ์ทำความสะอาด จะมี แปรงด้านข้าง ผ้าถูพื้น แปรงขนาดเล็ก เอาไว้ทำความสะอาดใต้ตัวเครื่อง
การเชื่อมแอป ไม่ยาก กดปุ่ม Power กับปุ่ม Home ค้างไว้ 3 วินาที จนมีเสียงดังขึ้น แล้วก็เชื่อมต่อ โดยใช้แอปชื่อ Lazer4 ได้ทั้งบน iOS และ Android ใช้เป็นรีโมทสั่งงาน หรือจะใช้กดปุ่มบนตัวเครื่องก็ทำได้ โดยหลักๆ แอปจะให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นต่อ Wi-Fi บ้าน เพื่อรับคำสั่งผ่านแอป สร้างแผนที่การเดิน ตั้งเวลา Schedule ทำความสะอาดได้
โหมดการทำงาน สามารถเลือกดูดฝุ่น ถูบ้านได้ โดยจะต้องใช้แท้งค์ให้เหมาะสมกับงาน โดย Autobot Lazer4 มาพร้อมแท้งค์ 2 แบบ คือถังเก็บฝุ่น แบบไซโคลน และถังเก็บน้ำดูดฝุ่น เก็บฝุ่นปกติ
- Manual กดควบคุมเองทำความสะอาดด้วยมือแบบใช้จอยสติ๊ก
- Scrubbing ถูพื้น (ใช้ผ้าถูพื้นกับแท้งค์แบบถูกพื้น)
- Edge เน้นทำความสะอาดมุมๆ ขอบๆ ห้อง
- Spot Clean เน้นทำความสะอาดเป็นจุดๆ
- Area กำหนดพื้นที่ทำความสะอาด
- Twice เน้นย้ำๆ ทำความสะอาดซ้ำ
- Schedule ตั้งเวลา
- Records ดูบันทึกการทำความสะอาด
ทำ Virtual Wall ผ่านแอปได้เลย
การถู โดยใช้น้ำ ซึ่งถ้าบริเวณไหนมีพรม ให้เราทำ Virtual Wall ซึ่งปกติแล้วแบรนด์อื่นๆ จะมีอุปกรณ์เสริมมาให้ แต่รุ่นนี้ ทำผ่านแอปได้เลย โดยกด Virtual Wall บนแอป แล้วกำหนดพื้นที่ห้ามเข้า (บริเวณสีส้ม ในแผนที่) ได้เองเลย แต่วิธีนี้ต้องทำสอบดูให้แม่นยำ (เสี่ยงพรมเปียก) ก่อนถูจริง
จากการทดลอง ดูดฝุ่น ถูพื้น ทั้งหมด 5 รอบ รู้สึกว่าชอบความฉลาดในการเดิน การเจอสิ่งกีดขวาง การเจอสายไฟแล้วไม่ดูดสายไฟเข้าไปในเครื่อง ซึ่งเป็นผลมาจาก เซ็นเซอร์ Lidar นั่นเอง
จากภาพ คือเซ็นเซอร์ Lidar มองเห็นเหมือนสายตาเราเลย วาดแผนที่โดยมองไปรอบๆ มองไปด้านหน้า และทำห้องได้ตรงกับแปลนห้องเป๊ะ
บนแอป สามารถกดดูความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์เสริมได้ ตามอายุการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น แปรงหลัก แปรงด้านข้าง ฟิลเตอร์ ผ้าถูพื้น โดยแต่ละชิ้นมีอายุการใช้งานนานอยู่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรากำหนดให้ทำความสะอาดถี่แค่ไหน
จากการใช้งาน ใช้งานแอปง่าย เชื่อมต่อง่าย แต่ตอนที่ทดสอบ แอปไม่เสถียร คือต้องเชื่อมต่อใหม่ ต้องล็อกอินใหม่ ทาง Autobot แนะนำเบื้องต้น ให้ทำการอัพเดทเฟิร์มแวร์ตัวเครื่อง อย่างตอนที่เราทดสอบ ลอง Factory Reset แล้วใช้งานได้ตามปกติ แต่สักแป๊บ ก็กลับมาต้องล็อกอินใหม่อีกรอบ ซึ่งทาง Autobot กำลังเร่งแก้ไขอยู่
หุ่นยนต์ดูดฝุ่นก็เหมือนมือถือ ลองเรียกคืนการตั้งค่าจากโรงงาน (เป็นค่า Default) โดยกดปุ่ม Power เพื่อปิดเครื่องและกดเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นกด “Home” ค้างไว้ 5 วินาที จนได้ยิน “DIDi” ให้ปล่อยนิ้วแล้วกด “Home” เป็นเวลา 5 วินาที จนกว่าจะได้ยิน “reset factory” แล้วลองตั้งค่าใหม่อีกครั้ง
ส่วนเมนู Records จะแสดงงานทำความสะอาด ระยะเวลาที่ใช้ ขนาดพื้นที่ที่ทำความสะอาด ดูดฝุ่น ถูพื้น
ใครที่อยากได้ หุ่นยนต์ดูดฝุ่นตัวแรก อยากได้แรงดูดแบบไซโคลน แล้วก็เป็นผู้ช่วยที่สามารถ ดูด ถู จบในตัวเดียว เหมาะมากๆ สำหรับการมีติดบ้านหรือคอนโดไว้ แต่ทั้งนี้ การมีสายชาร์จมือถือ สาย USB ห้อยที่พื้นก็เข้าไปติดในล้อได้เหมือนกัน ควรจะเก็บของให้เรียบร้อย ส่วนเตียงแบบผ้าใบ ก็พยายามปีนขาเตียงอยู่ ซึ่งอาจจะแก้ปัญหาด้วยการกำหนด Area ไม่ให้เข้าไปในบางจุดเพื่อป้องกันปัญหาหุ่นยนต์พยายามปีนและติดอยู่ในจุดนั้นๆ
สนใจซื้อได้ที่ Shopee ราคา 17,500 บาท สินค้ารับประกัน 1 ปี แบตเตอรี่รับประกัน 6 เดือน