กล้องสายเที่ยวตัวใหม่ 360 Action Camera กล้องจิ๋ว Insta360 One X2 จุดเด่นคือขนาดเล็ก พกพาสะดวก รองรับการถ่ายภาพ – วีดีโอแบบ 360 องศา โดยตัวกล้องสามารถทำงานได้ด้วยตนเอง บันทึกข้อมูลบน MicroSD Card โดยไม่ต้องพึ่งมือถือ แต่ตอนตัดต่อ สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ iOS และ Android โยนไฟล์ผ่าน Wi-Fi เข้าไปตัดต่อบนมือถือได้เลย
จุดเด่นของ Insta360 One X2
กล้อง 360 องศา ความละเอียดสูง 5.7K รองรับเทคโนโลยีการบีบอัดวีดีโอแบบ H.264 และ H.265 (เลือกได้ในเมนู) ถ่ายภาพได้รอบด้าน เก็บภาพได้ทุกมุม มีระบบกันสั่นในตัวแบบ 6 แกน ถ่ายวิดีโอนิ่ง มีขนาดเล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 149 กรัม มาพร้อมหน้าจอสัมผัส (ทัชสกรีน) ใช้นิ้วสั่งงานง่าย จอสว่าง มองเห็นได้ชัด ใช้งานได้ดี แม้ในที่แสงจ้า ที่สำคัญ กันน้ำด้วย จากการใช้งาน พกสะดวก ถ่ายมือเดียวสะดวก แต่ถ้าต่อขาตั้งกล้องเล็ก Mini Tripod แล้วถือเอา ก็คล่องตัวดี
รองรับการถ่ายภาพนิ่ง ถ่ายวีดีโอ ถ่ายวีดีโอมุมกว้าง ถ่ายวีดีโอแบบ 360 องศา จุดเด่นคือ ถ่ายวีดีโอ 360 องศา ความละเอียด 5.7K มีโหมดกันสั่นวีดีโอในตัว (Steady Cam Mode) มีระบบ FlowState Stabilization กันสั่นวีดีโอ ถ่ายไม่ติดขาไม้เซลฟี่ (Invisible Selfie Stick) กันน้ำ (Waterproof) 10 เมตร แล้วยิ่งถ้าถ่ายมาแล้วอยากตัดต่อ AI Editing ช่วยเลือกมุมให้เราได้เลย หรือจะเลือกมุมกล้องได้เองก็ทำได้ หน้าจอทัชสกรีน สู้แสงได้ดี เป็นแบบ Ultra-Bright Touch Screen ถ่าย Hyperlapse ได้ ควบคุมด้วยเสียง Voice Control ได้
ส่วนต่างๆของตัวเครื่อง
ด้านข้างจะมี ปุ่ม Power โดยปุ่ม Power on / off กดค้างจะใช้เป็นปุ่มเปิดเครื่อง ถ้าในโหมด
สแตนบาย จะใช้ปลุกหน้าจอทัชสกรีนให้ติดสว่างขึ้น (แนะนำให้ตั้งค่า ไม่ให้หน้าจอดับ ขณะถ่ายวีดีโอ และตอนโอนถ่ายข้อมูล เพื่อให้เราไม่ตกใจว่าอยู่ๆ จอก็ดับไป) ตอนปิดเครื่อง ให้กดปุ่ม Power ค้าง 2 วินาที
เนื่องจากตัวเครื่องมีกล้อง 2 ฝั่ง ดังนั้นการวางบนโต๊ะ เพื่อป้องกันรอย แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยกล้อง และซื้อ Lens Cap มาครอบ (ขายแยก) หรือหาขาตั้งกล้องเล็กมาใส่เพื่อวางตั้งบนโต๊ะได้
ขอย้ำเลยว่า ฝาครอบขั้วชาร์จ USB-C และฝาครอบแบตเตอรี่และ MicroSD ต้องปิดสนิท จนไม่เห็นสีเหลือง (ถ้าเห็นสีเหลือง คือปิดไม่สนิท) พอเอาลงน้ำ ทำให้น้ำเข้าได้เลย ตรงนี้ต้องระวัง
ด้านล่าง หมุนเข้ากับ ขาตั้งกล้อง หรือไม้เซลฟี่ได้
อุปกรณ์ที่มีในกล่อง
1.กล้อง
2.แบตเตอรี่ (ใส่มาให้แล้ว) พอจะใส่ MicroSD ต้องถอดแบตออกก่อน
3.สายชาร์จ USB-C
4.ผ้าเช็ดเลนส์
5.กระเป๋าใส่กล้อง แบบ Protective Pouch
MicroSD แนะนำให้ใช้แบบ UHS-I และ V30 รองรับความจุสูงสุด 1TB ฟอร์แม็ตแบบ exFAT จากที่ทดสอบใช้งานผ่าน MicroSD 32GB จึงอยากแนะนำให้ใช้กับ MicroSD ความจุ 128GB ขึ้นไปจะดีกว่า เพราะลำพัง ถ่ายบนความละเอียด 5.7K แค่ไม่กี่คลิป ประมาณ 15 นาที เมมก็เต็มแล้ว (แต่โยนลงมือถือได้ อ่อ แนะนำมือถือ หน่วยความจำ 128GB ขึ้นไป)
การใส่ MicroSD ให้ถอดแบตออกมา แล้วใส่เข้าไป แนะนำให้เลือกเป็น V30 โดยทางเว็บไซต์ของ Insta360 แนะนำให้ใช้ Sandisk (ดูคำแนะนำ)
ข้อดีของการใช้แบตแบบถอดเปลี่ยนได้ก็คือ เราสามารถซื้อแบตไว้หลายก้อน แบตหมดก็เปลี่ยนแบตได้เลย
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ ใช้สาย USB-C กับหัวแปลงหรืออะแดปเตอร์ 5V 2A (ไม่มีในกล่อง) จะใช้อะแดปเตอร์แบบเดียวกับสายชาร์จมือถือ Android ก็ได้
อุปกรณ์เสริม (ขายแยก)
ปกติในกล่องจะมีแค่ กล้อง + แบตเตอรี่ + สายชาร์จ USB-C + ผ้าเช็ดเลนส์ + กระเป๋า Protective Pouch ที่พกไปข้างนอกแล้วสะดวกดี แต่ถ้าใครอยากจะปกป้องให้สุดกว่าก็คือ ซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่ม นั่นก็คือ
Battery/Fast Charge Hub แท่นชาร์จแบตเตอรี่ (ชาร์จไว) ถอดแบตออกมาชาร์จบนแท่นชาร์จได้ กรณีมีแบตหลายก้อน รองรับการชาร์จไฟ 9V 2A / 5V 2A โดยชาร์จแบตเตอรี่ได้พร้อมกัน 3 ก้อน ตอนชาร์จ ขึ้นไฟสีแดง ชาร์จเต็ม ขึ้นไฟสีเขียว
ONE X2 Lens Cap ปกป้องเลนส์ เก็บใส่กระเป๋าได้ง่าย สบายใจ ด้วยตัวครอบเลนส์ ไม่ต้องกลัวเลนส์เป็นรอย
ONE X2 Sticky Lens Guard เหมือนกับกล้องมือถือเลย กันรอยเลนส์กล้อง ปิดไว้หน้า – หลัง ป้องกันไม่ให้กล้องเป็นรอย
Carry Case ถ้ามีอุปกรณ์เสริมเยอะๆ สายชาร์จ กล้อง เอามาใส่รวมกันในกระเป๋าได้เลยได้ ยิ่งถ้าใส่ Len Guards ก็ใส่เคสนี้ได้ เพราะถ้าใส่กระเป๋า Protective Pouch อันนั้นเน้นใช้เก็บตัวกล้องอย่างเดียว
นอกจากนี้ยังมี Mic Adapter, Dive Case, Utility Frame, Cold Shoe, ONE X2 Invisible Selfie Stick, Sports accessories ให้เลือกซื้ออีกเพียบ
ฟีเจอร์ที่ทำให้การถ่ายสนุกขึ้น
ถ้าตอนกลางคืน PureShot ช่วยชดเชยเเสง ทำให้ถ่ายภาพในที่เเสงน้อยได้ดี จบในตัวเดียว ส่วนขา Live ต้องชอบ เพราะรองรับการ Live Streaming โดยรองรับการ Live แบบ 360 องศา ผ่าน Facebook และ YouTube ส่วนแบตเตอรี่ ความจุ 1630 mAh ใช้งานได้นานที่สุด 80 นาที เอาจริงๆ ตอนถ่าย 5.7K เครื่องก็ร้อนอยู่ รู้สึกอุ่นมือ แต่ไม่ได้ร้อนมากขนาดนั้น แบตลดไวอยู่เพราะถ่าย 5.7K แต่ถ้าไม่ใช่ความละเอียดสูง ก็ใช้ได้นานอยู่
โหมดการทำงาน ของ Insta360 One X2 สั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีน เลือกโหมดได้ โดยมีโหมดถ่ายวีดีโอ 5.7K 24fps 25fps 30fps, 4K 30fps 50fps และ 3K 100fps ตรงนี้แนะนำให้ใส่ใจกับการเลือกใช้ MicroSD แบบ Extreme ขึ้นไป (ตอนอ่านสเปค แนะนำให้สังเกตค่าอัตราการเขียน (write) ให้สูงๆ)
การใช้งานตัวกล้อง สั่งงานผ่านหน้าจอทัชสกรีนได้เลย ไม่ต้องสั่งงานผ่านมือถือ โดยหน้าจอสามารถเข้าไปปรับในเมนูต่างๆ ได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งแอป
การเลือกเมนูต่างๆ แรกๆ อาจจะไม่ชินการเรียกเมนู แต่เรียนรู้ไปสักระยะก็เริ่มชิน ตรงนี้บอกเลยว่า ก่อนถ่าย ตรวจสอบโหมดถ่ายภาพให้แน่ใจก่อนกดถ่าย เพราะจากที่ทดสอบ พลาดไปเลือก Time-lapse ไว้ พอมาดูคลิป ถึงรู้ว่าเลือกโหมดผิด หน้าจอสว่างดี สู้แสงดี แต่การเลื่อนนิ้ว กับเลือกฟังก์ชั่น ต้องเรียนรู้ Gesture (แนะนำให้ศึกษาจากคู่มือ)
สไลด์นิ้วควบคุม ลบได้ เลื่อนจอได้ ปรับการชดเขยแสงได้ ไม่ต้องง้อแอปมือถือมาช่วยปรับเลย
การ Sync กับมือถือ
ใช้แอปชื่อ Insta360-ONE X2, ONE R, ONE X ถ้าค้นใน Store จะเจอแอปหลายตัว โดยให้สังเกตโลโก้แอป สีขาว มีวงกลมสีเหลือง แบบในภาพ หรือสแกน QR Code ในคู่มือ หน้า 6 เลย ชัวร์สุด
บอกเลยว่า กล้องจะต้องมี MicroSD ไม่เช่นนั้นเวลาเชื่อมกับแอปจะแสดงข้อความเตือนว่าไม่มี MicroSD
จุดสังเกต จากที่ได้ใช้งานคือ หากเชื่อมกล้องกับมือถือ แบตกล้องจะลดฮวบๆ หมดเร็วอยู่เหมือนกัน ดังนั้น อยากให้เน้นใช้งานผ่านตัวกล้องอย่างเดียวจะดีกว่า เสร็จแล้วค่อยมา Sync ลงมือถือ เพราะจากที่ใช้จริง แบตอยู่ได้นาน ใช้ได้ต่อเนื่องเป็นวันเลย
ตัดต่อง่าย ผ่านแอป
ปัญหาหลักของคนที่มีกล้อง 360 องศา หลายๆ คนมีคำถามในใจว่า ตัดต่อยากไหม เอาไฟล์ไปใช้ยากไหม ตอนใช้กล้องถ่าย สามารถควบคุมผ่านหน้าจอได้เลย เข้าใจไม่ยาก ความน่าสนใจของกล้อง 360 ตัวนี้ก็คือ ถ่ายมาเถอะ ยังไงก็ไม่หลุดเฟรม แล้วเอามาเลือกฉาก เลือกมุมภายหลังได้
AI Editing ตัดต่อวีดีโอได้เลย ว่าจะเอามุมไหนที่เหมาะ หรือเลือกมุมได้เองเช่นกัน Tiny Planet ตัวเล็ก มุมกว้าง มุม Linear แบบตรง หรือแบบตรง หลักๆ กด + แล้วกด Play ต่อ เลือกมุมได้เอง ช่วงไหนมุมไหน (ในคลิปรีวิวอุ้มมีสอนใช้อยู่)
กดให้ track ตัวคนถ่ายได้ Deep Tracking เปลี่ยนมุมมอง 16:9 1:1 2.35:1 9:16 ก็ได้ ตามต้องการ ตัดต่อ ปรับสปีดได้ ใส่เพลง ใส่ฟิลเตอร์ปรับได้เลย เลือกแนวตั้ง แนวนอนได้
MultiView มองเห็นทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน ในหน้าจอเดียวกัน เห็นคนถ่ายและตัวแบบได้เลย โดยถ่ายมาแล้ว สามารถเลือกให้แสดง MultiView ทีหลังได้
ปรับแต่งภาพ ด้วย PureShot, ColorPlus ให้ความสว่าง ได้ภาพที่สวยขึ้น ใส่ฟิลเตอร์ได้
ประสบการณ์หลังใช้งาน
หลังจากที่ใช้งาน รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงจากรุ่นแรก ชอบการจัดการกับแสง การโฟกัสใบหน้า โดยอุ้มไปเที่ยวสมุยกับ Insta360 One X2 ชอบตรงกันน้ำลึก 10 เมตร อัปเกรดจากตัวแรกหลายอย่าง หลักๆ ควบคุมผ่านหน้าจอ เลือกมุมถ่าย 150 องศา 360 องศา อุ้มชอบกล้องแนวนี้คือถ่ายไปก่อนแล้วมาเลือกมุมทีหลังได้ ภาพที่ได้ชัดมาก และชอบตรงที่ Edit บนมือถือได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเอารูปออกจากกล้องมาใช้บนมือถือ โดยไม่ง้อคอมพิวเตอร์เลย การพกพาทำได้ง่าย ถือง่าย แบตใช้ได้นาน ตัดต่อบนแอปในมือถือได้เลย Edit เลือกมุมกล้องได้
พอตอนตัดต่อ อยากเลือกให้โฟกัส ที่ตัวเรา มี Deep Track 2.0 แทร็ค (tracking) ติดตามโฟกัสใบหน้าของเราได้แม่นยำ และเหมาะกับชาว Vlog มากๆ
เรื่องการเก็บเสียง มีไมโครโฟน 4 ตัว บันทึกเสียงได้รอบทิศทางแบบ 360 องศา ถือมุมไหนก็ได้เสียงที่คมชัด (ลองฟังเสียงในคลิปได้เลย) นอกจากนี้ ยังถือไปลุยได้เต็มที่ เพราะกันน้ำได้ลึก 10 เมตร โดยที่ไม่ต้องใส่เคสกันน้ำ
ก่อนลงน้ำ ตรวจสอบฝาครอบให้ปิดสนิท ก่อนน้ำตาร่วง
เรื่องกันน้ำเนี่ย ในคู่มือมีกำชับ ย้ำให้ตรวจสอบ ฝาล็อคแบตเตอรี่ และฝาปิดขั้วชาร์จ USB Type-C ให้แน่น เพื่อป้องกันน้ำเข้า (อย่าให้เห็นสีเหลือง) และแนะนำให้เปิดการ Lock Touch Screen (ปิดการแตะหน้าจอ) ก่อนลงน้ำ
ชาร์จไป ถ่ายไป ได้ไหม?
จากที่ลองทดสอบ สามารถเสียบชาร์จผ่านสาย USB-C ไป ถ่ายไปได้ แต่สายก็จะรั้งๆ หน่อย แต่ชอบตรงที่ มีทางเลือกให้ แต่แนะนำให้ซื้อแบตเพิ่มจะคล่องตัวกว่า เพราะถ้าซื้อแท่นชาร์จ ชาร์จแบตได้ 3 ก้อนพร้อมกัน
ในคู่มือ แนะนำว่าหากใช้ ONE X2 กับสายชาร์จ อะแดปเตอร์ 5V 2A สามารถชาร์จไป ใช้ไปได้ แต่การใช้งานปกติเครื่องจะอุ่นๆ อยู่แล้ว ดังนั้นถ้าใช้งานกลางแจ้ง ให้ระวังอุณหภูมิที่ร้อนจนเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อกล้องได้่
และในช่วงที่เรา Work from Home อีกฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือ ใช้งานเป็นกล้อง Webcam ในการประชุม อันนี้กล้องเดียวเห็นหน้ากันครบเลย หมายถึง พนักงานส่วนนึงอยู่ที่ออฟฟิศ อีกส่วนนึงทำงานที่บ้าน กล้องตัวเดียวเห็นหน้าคนนั่งประชุมทั้ง 2 ฝั่งของโต๊ะได้เลย
ความรู้สึกโดยรวมหลังจากที่ได้ใช้งาน พบว่า ไฟล์ที่ได้จากกล้อง ดีมาก ชอบตรงที่ ถ่ายก่อน เลือกมุมทีหลังได้ ยอมรับเลยว่าอัปเกรดขึ้นมากๆ จากตัวแรก และการันตีเลยว่า คนทำ Vlog ท่องเที่ยวควรต้องมี ชอบตรงที่กันน้ำโดยไม่ต้องใส่เคสกันน้ำ (10 เมตร) และต่อไมค์นอกได้ (ต้องมีอุปกรณ์เสริม)
การถ่ายภาพนิ่ง
ทำได้ดี ได้ภาพสวย มุมกว้าง
สรุป
จากการใช้งาน กดถ่ายวีดีโอบนความละเอียด 5.7K ร่วมๆ 10 นาที รู้สึกว่าตัวเครื่องอุ่นๆ โดยใช้ MicroSD ความจุ 32GB ถ่ายได้ร่วมๆ 35 นาที ประมาณนาทีละ 1GB เลยทีเดียว แนะนำให้ใช้ Micro SD ที่เขียนไวๆ ขนาดสัก 128GB ขึ้นไป เพื่อการถ่ายได้ยาวๆ เพราะจากที่ทดลองถ่ายประมาณ 15 – 20 นาที เมมก็เต็มแล้ว
สรุปคือ คนทำคอนเทนต์ ท่องเที่ยว ควรมี เหมาะกับการใช้งาน Outdoor ถ่ายได้ทั้งวีดีโอ ภาพนิ่ง มุมมอง 360 องศา มุมมอง 150 องศา track เสียงได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ในราคา 14,990 บาท (ไม่รวมอุปกรณ์เสริม)
ข้อมูล Insta360 ONE X2
การรับประกัน
ช่องทางจำหน่าย
Lazada : https://bit.ly/Insta360THLazMall
Shopee : https://bit.ly/Inta36oTHShopee
หรือสั่งซื้อจาก Insta360 Thailand
Facebook Page: https://www.facebook.com/insta360th
Line@: http://line.me/ti/p/%40insta360th
รายละเอียดสเปคเพิ่มเติม
- รองรับการถ่ายวีดีโอ
360:
5760×2880@24/25/30fps
3840×1920@30/50fps
3008×1504@100fps
Wide Angle (Steady Cam Mode):
2560×1440@30/50fps
1920×1080@30/50fps
Steady Cam: MP4
360: INSV (สามารถ export ออกมาผ่าน App หรือ Studio ได้)
มีกันสั่น Built-in 6-axis gyroscopic stabilization (6 แกน)
แต่จุดสังเกตคือ ต้องใช้กับมือถือรุ่นใหม่ๆ
iOS รุ่นที่ใช้ชิป A11 ขึ้นไป เช่น iPhone SE, iPhone 11/11 Pro/11 Pro Max, iPhone XS/XS Max, iPhone XR, iPhone X, iPhone 8/8 Plus ถ้าใช้ iPhone 7, iPhone 6 ไม่รองรับ
Android รุ่นที่ใช้ชิป Kirin 980 หรือสูงกว่า เช่น Huawei Mate 20, P30 หรือสูงกว่า
รุ่นที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon 845 เช่น Samsung Galaxy S9, Xiaomi Mi 8 หรือสูงกว่า
รุ่นที่ใช้ชิป Exynos 9810 หรือสูงกว่า เช่น Samsung S9, S9+, Note9 หรือสูงกว่า
กล้องสามารถต่อไมค์นอกได้ โดยจะต้องซื้ออะแดปเตอร์เพิ่ม (จำหน่ายแยก) โดยรองรับไมค์ ดังนี้
RODE Wireless GO
RODE VideoMicro
RODE VideoMic Pro
XFAN D1
BOYA-MM1
BOYA-M1Pro
SONY UWP-D21