ตอนนี้ถ้ามองหามือถือราคาหลักพัน Nokia เป็นอีกแบรนด์ที่เราไว้ใจ ด้วยชื่อชั้นของ Nokia และ ความทนทาน ความคุ้มค่าที่จับต้องได้ โดยวันนี้เรามาพร้อมกับรีวิว Nokia C3 และ Nokia 3.4 จอสวย กล้องดี สเปคครบ โดย Nokia C3 มีราคา 2,990 บาท ส่วน Nokia 3.4 มีราคาอยู่ที่ 4,990 บาท
Nokia นี่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานอยู่แล้ว ถ้ามองหามือถือในราคาหลัก 3 – 5 พันบาท บอกได้เลยว่า ถ้าเอาเรื่องความทนทาน คุณภาพดี เราไว้ใจ Nokia ที่มาพร้อมดีไซน์จากฝั่งยุโรป วัสดุดีดูพรีเมี่ยม แถมเรื่องกล้องเราก็มั่นใจได้ แถมได้รางวัล Trust Ranking No.1 ถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งตอนนี้ Nokia ทำมือถือออกมาได้ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม
Nokia 3.4
มือถือ Android งบ 5,000 บาท ที่ลองถ่ายภาพแล้ว ประทับใจมากๆ เมื่อเทียบกับราคา ไว ลื่น ไม่มีหน่วงหรือกระตุก
มาพร้อมกล้อง AI 3 ตัว ที่บอกเลยว่า การวางกล้องสวยมาก และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของรุ่นนี้เลย มาพร้อมโหมดถ่ายภาพกลางคืน ถ่ายมุมกว้าง เรียกได้ว่าครบทุกมุมมองเลย
ตัวเครื่องจับถนัดมือดี น้ำหนักกำลังพอดี ไม่หนักจนเกินไป การได้จอใหญ่ๆ จับถือได้คล่องตัวนี่ดีมากๆ
ในกล่อง มาพร้อม สายชาร์จ อะแดปเตอร์ หูฟัง เคสใสแบบนิ่ม ครบ
รองรับการสแกนใบหน้าและลายนิ้วมือที่ด้านหลังตัวเครื่อง
รองรับ Android enterprise recommended หมายถึงว่า ถ้าใครจะซื้อให้พนักงานใช้ในบริษัท มั่นใจได้เรื่องความปลอดภัยเลย ผ่านการรับรองว่าเหมาะสำหรับนำไปใช้งานในธุรกิจหรือองค์กร ได้รับแพทซ์ด้านความปลอดภัยและได้รับอัปเดตเป็นประจำ อุดรูรั่ว ช่องโหว่ต่างๆ สม่ำเสมอ
บนหน้าจอขนาดใหญ่ 6.39″ มีกล้องหน้าแบบเจาะรู Punch Hole Display
ใช้วัสดุตัวเครื่องเกรดพรีเมี่ยม สไตล์ยุโรป แข็งแรง ทนทาน
ด้านข้างของตัวเครื่อง จะเป็นปุ่ม Vol + – ตัวเครื่องบาง
พอร์จชาร์จแบตเป็นแบบ USB Type-C
อีกด้านเป็น ถาดใส่ซิม และปุ่ม Power
ช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. พร้อมหูฟังแถมในกล่อง
มีสีน้ำเงิน และสีน้ำตาลเทา (แบบในภาพ)
แบต 4,000mAh แบตอึดใช้งานได้นาน 2 วัน (ที่ชาร์ท แบบ Type C)
ตัวเครื่องมาพร้อมหน้าจอกล้องเจาะรู ซึ่งไม่ได้มีผลกับการมองหน้าจอเลย
สเปคใช้งานได้ลื่นๆ ด้วย CPU Snapdragon 460 ตัวใหม่ รันบน Android one “ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน” การันตีอัพเกรด Android 2 version และอัพเดท Security นาน 3 ปี มาพร้อม Android 10 และพร้อมอัพเกรด Android 11
การดูหนัง เล่นเกม ถือว่าทำได้ดี ได้จอใหญ่ ได้ภาพสวย แม้จะมีกล้องหน้าซ่อนใต้จอ ก็ยังมองได้เต็มตา การแสดงผลต่างๆ สวยเต็มจอดี
ถ้าใครจะเอามาใช้ถ่ายรูป รุ่นนี้มาพร้อมกล้องหน้า 8 MP เซลฟี่สวย กล้องหลัง 3 ตัว 13MP, 5MP Ultra Wide และ 2 MP สำหรับละลายฉากหลัง
กล้องถ่ายภาพ กล้องหลัง รองรับการถ่ายภาพ มุมปกติ 1x มุมกว้าง 0.6x รองรับการถ่ายวีดีโอมุมกว้างได้ด้วย 0.6x ส่วนมุมปกติ 1.0x อัตราส่วนภาพ 1:1 4:3 16:9 และ Full Screen มีโหมดกลางคืน โหมดอัตโนมัติ โหมดถ่ายภาพบุคคล รองรับ HDR
ใส่ลายน้ำได้ ความเจ๋งคือ เลือกรูปแบบลายน้ำได้อีก
วีดีโอกล้องหลัง Full HD 1080p / 30fps, HD 720p / 60fps, HD 720p / 30fps
วีดีโอกล้องหน้า FullHD 1080p / 30fps, HD 720p / 60fps, HD 720p / 30fps
ภาพมุมกว้าง ดูทรงจะบวมๆ มี Distortion ไปนิด
การจับโฟกัสต่างๆ ทำได้ดี
สีสันต่างๆ ทำได้ดี น่ารับประทาน
CPU Qualcomm Snapdragon 460 เหมาะกับการเล่นเกมส์ ดูหนังได้แบบไม่มีสะดุด
ด้านสเปค มาแบบพร้อมใช้แบบลื่นๆ RAM 4GB ROM 64GB เพิ่ม MicroSD สูงสุด 512GB ด้วยราคานี้ สเปคนี้ ใช้งานได้แบบ เต็มที่ แรมก็พอดี จากที่ลองใช้งาน ชอบตรงความลื่น ความเป็น Android One ชอบความง่ายของการใช้งาน มีโหมดหน้าจอ Night Light มี Dark Theme หน้าจอสว่างดี มองเห็นง่าย
ถ้ามีงบ 5,000 บาท แล้วชอบ Nokia ด้วยชื่อชั้นความแข็งแรงทนทาน แบรนด์ระดับโลกจากฝั่งยุโรป บอกเลยว่าควรซื้อ ถ่ายรูปดี กล้องสวย เครื่องสวย วัสดุดี ครบครันกับสเปคที่ไม่มีกั๊ก ในราคา 4,990 บาท
Nokia C3
มือถือ Android ราคาประหยัด ที่มาพร้อมสโลแกน “จอใหญ่ สเปคครบ” หน้าจอใหญ่ 5.99 นิ้ว อัตราส่วน 18:9 ราคา 2,990 บาท ได้ดีไซน์แบบพรีเมี่ยม สวยเกินราคา มีสีน้ำเงิน / สีหาดทราย (สีทองน้ำตาล)
ส่วนต่างๆ ของตัวเครื่อง
ตัวเครื่องได้รับการออกแบบให้ถอดฝาหลัง ใส่แบต ใส่ซิม และ MicroSD ได้โดยไม่ต้องถอดแบต ไม่ต้องปิดเครื่อง แต่ก็ยังแนะนำให้ปิดเครื่องก่อนถอด MicroSD
ด้านบน มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม. ซึ่งในกล่องแถมหูฟังมาให้ด้วย
ด้านล่างเป็นพอร์ตชาร์จแบต MicroUSB และไมค์สนทนา
ด้านซ้ายมีปุ่ม Power
ด้านขวามีปุ่มเพิ่ม – ลดเสียง Vol + และ Vol –
ด้านหลังมีกล้อง ไฟแฟลช และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง ถนัดมือดี
รองรับการสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคหน้าจอ นอกจากนี้ ตัวเครื่องรองรับการสแกนใบหน้าด้วย โดยรวมถือว่าประทับใจ เพราะสแกนใบหน้าก็เร็ว สแกนนิ้วก็เร็ว
แบตเตอรี่ 3040mAh แบบถอดเปลี่ยนได้ ข้อดีคือ แบตอึดใช้งานได้นานตลอดวัน ใช้ไปยาวๆ ก็หาแบตเปลี่ยนเองได้ ทำเอานึกถึงมือถือ Android ยุคก่อนที่ถอดฝาหลังเปลี่ยนแบตได้
ให้เมม MicroSD 32GB แถมมาให้พร้อมกล่องเลย ดังนั้น รุ่นนี้ก็เลยจะมี RAM 2GB ROM 16GB + 32GB เป็น 48GB
กล้องหน้าเซลฟี่ 5MP กล้องหลัง 8MP ถ่ายเพื่อนๆ โหมดหน้าใส และ โหมด HDR ได้ ปุ่มลัดเรียกใช้งาน Google Assistant ง่าย
จุดเด่นของมือถือ Nokia คือเป็น Pure Android (มาพร้อม Android 10) ดังนั้น แม้ RAM 2GB ใช้งานได้ลื่นๆ ส่วนบริการหลังการขาย ไม่ต้องห่วง เพราะ Nokia มีบริการเปลี่ยนเครื่องใหม่ไม่ต้องรอซ่อม (ตามเงื่อนไขการรับประกันสินค้า)
โหมด Night Light คือการทำให้สีหน้าจอซีดเหลือง เพื่อถนอมสายตาขณะมองหน้าจอตอนแสงน้อย หรือตอนกลางคืน
นอกจากนี้ หน้าจอ มีโหมดมืด Dark Theme โหมดนี้หน้าจอแอปต่างๆ เป็นสีดำ แทนที่สีขาวปกติ
จากการใช้งาน รู้สึกว่าจอใหญ่ดี ชอบตรงที่ สแกนใบหน้าปลดล็อคหน้าจอได้รวดเร็วมาก สแกนนิ้วก็ไวดี น้ำหนักตัวเครื่องเบา ไม่หนัก แม้จะมีแบตก้อนใหญ่ก็ตาม แต่มีจุดนึงที่น่าเสียดายในมือถือราคาระดับนี้คือ แรมน้อย ทำให้การถ่ายรูป สลับแอป มีอาการกระตุกนิดนึง แนะนำให้เคลียร์แอปที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยๆ
เมนูกล้อง มีอาการกระตุกๆ หน่วงๆ อยู่บ้าง น่าจะเป็นเพราะ เอา MicroSD ใส่แล้ว Merge รวมกับหน่วยความจำของตัวเครื่อง ทำให้กล้องพยายามเซฟ หรือบันทึกภาพไว้ใน MicroSD ซึ่งช้ากว่าหน่วยความจำตัวเครื่อง ดังนั้น แนะนำให้ใช้ MicroSD เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ Portable แทนการ Merge หน่วยความจำตัวเครื่อง + เมม
การถ่ายภาพ แม้จะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็มีโหมดถ่ายภาพมาให้พร้อมและครบครัน บอกเลยว่ามือถือราคา 3,000 บาท สมัยนี้ไม่ธรรมดา
กล้องหน้า 8MP (4:3) 6MP (16:9) และ 5MP Full Screen
กล้องหลัง 5MP (4:3) 4MP 16:9 และ 3MP Full Screen
ถ่ายวีดีโอ กล้องหลัง HD 720P และ Full HD 1080P
ถ่ายวีดีโอ กล้องหน้า SD 480P และ HD 720P
รองรับโหมดถ่ายภาพ Panorama, Square, Photo, Video, Time-lapse
คุณภาพของภาพถ่าย บอกเลยว่า ถ้าเน้นคุณภาพการถ่ายภาพ ไปรุ่น Nokia 3.4 จะดีกว่า สำหรับรุ่นนี้เน้นการถ่ายภาพทั่วๆ ไป ให้ส่งไลน์ อัปเฟสแบบพื้นฐาน
ได้หน่วยความจำ (รวม) สูงสุด 48GB
ใส่ Micro SD 32GB หน้าจอจะมีให้เลือกว่าเราจะใช้งานเป็น Extra Phone Storage หรือเปล่า ซึ่งจะต้อง Format Micro SD Card ก่อน (ข้อมูลจะหายทั้งหมด) หากใช้ Micro SD Card ใหม่ ที่ให้มาพร้อมกล่อง ก็ใส่แล้วเลือกให้ Format ได้เลย โดยความจุเมื่อรวมกับ 16GB เดิม จะเป็น 47.90GB คือตรงตามสเปคระบุ 48GB (ตามเลขฐานการนับความจุ) แต่ถ้าใช้เป็น Portable Storage ก็จะเป็นการเพิ่ม MicroSD ตามปกติ
ถามว่า Nokia C3 เหมาะกับใคร?
คนชอบดูหนัง YouTube, Netflix เล่น Social เล่นเกม ได้จอใหญ่ 5.99 นิ้ว คนเริ่มต้นใช้มือถือ Android “ยิ่งใช้ ยิ่งดีขึ้นทุกวัน” เพราะมีการอัพเดท Security ทุก 3 เดือน นาน 2 ปี ใช้งานได้ยาวๆ
รุ่นนี้เหมาะกับวัยเรียน คนเริ่มต้นทำงาน ไปจนถึงคนทำงาน
ถือว่าปิดท้ายปี 2020 ด้วยมือถือ ระดับเริ่มต้น และระดับกลาง ที่ตอบโจทย์การใช้งาน การถ่ายภาพ สเปคดี ราคาเข้าถึงได้ทุกคน ส่วนรุ่นเริ่มต้น Nokia C3 ก็ทำออกมาได้ดีและน่าใช้มากๆ เพียงแต่คุณภาพของภาพถ่ายอาจจะไม่ได้ดีนัก
