OnePlus 9 Series ได้จับมือกับแบรนด์กล้องระดับโลก ร่วมกันพัฒนา Co-Developed กับทาง Hasselblad เช่นเดียวกับแบรนด์มือถืออื่นๆ ที่จับมือพัฒนาร่วมกับค่ายเลนส์กล้องมืออาชีพ
การมีกล้องที่พัฒนาร่วมกับ Hasselblad ทำให้การถ่ายภาพบนมือถือนั้นสวยงาม เป็นธรรมชาติ โดย OnePlus 9 Pro ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX789 ให้สีสันที่สมจริง โดยรุ่นท็อปมาพร้อมกับหน้าจอ 120 Hz Fluid Display ดีไซน์พรีเมี่ยม เรียบหรู มาพร้อมชิป Qualcomm® Snapdragon ™ 888 รองรับการชาร์จไว Warp Charge 65T และ Warp Charge 50 Wireless (เฉพาะบน OnePlus 9 Pro 5G) รันบน OxygenOS 11 การใช้งานลื่นไหลไม่มีหน่วง กระตุก
สำหรับ OnePlus 9 Series นั้นมาพร้อมสโลแกน “You Best Shot” ชูจุดเด่นเรื่อง co-developed with Hasselblad แบบเต็มๆ เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพ และแฟน Hasselblad รวมไปถึงคนเล่นเกม คนที่ชอบสมาร์ทโฟนแรงๆ สายบันเทิงและสายเกม
Hasselblad Camera for Mobile – Natural Color Calibration with Hasselblad
สิ่งที่ได้คือ “โทนสี” ของ Hasselblad เข้าไปอยู่ในภาพ เป็นคาแร็คเตอร์ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Hasselblad เนื่องจากการที่ OnePlus ร่วมวิจัยและพัฒนากับ Hasselblad ทำให้ได้กล้องบนมือถือที่ดีที่สุด โดยเป็นดีลระยะยาว (Long-term partnership) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปรับปรุงซอฟต์แวร์ รวมไปถึงการปรับแต่งสี และการปรับเทียบเซ็นเซอร์ เรียกได้ว่า เค้นความสุดยอดในการถ่ายภาพบนมือถือมาให้พวกเราได้ใช้กันนั่นแหล่ะ
โดย Hasselblad Camera for Mobile รองรับทั้ง 2 รุ่นใน OnePlus 9 Series ทั้ง OnePlus 95G และ OnePlus 9 Pro 5G มีการปรับเทียบสีขั้นสูง เรียกว่า Natural Color Calibration with Hasselblad ข้อดีคือได้สีที่แม่นยำ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น คนถ่ายภาพจะรุ้ว่า ความแม่นยำของสี สามารถเอาภาพไปใช้ต่อได้ง่าย และ Hasselblad Pro Mode ช่วยประมวลผลภาพและให้ความรู้สึกในแบบ Hasselblad เช่น ปุ่มถ่ายภาพ หรือวีดีโอ สีส้ม เสียงกดปุ่มชัตเตอร์ เหมือนกับกล้อง Hasselblad ยิ่งคนไหนเป็นช่างภาพ ยิ่งปรับได้ละเอียด เช่น ISO, Focus, เวลาเปิดรับแสง, White Balance และไฟล์ RAW 12 bit ที่นำไปใช้ต่อได้ง่ายขึ้น
ในตระกูล OnePlus 9 Sereis มี 2 รุ่นคือ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G โดยมีความแตกต่างเล็กหน้อยเรื่องขนาดหน้าจอ ทั้ง 2 รุ่นรองรับจอ 120Hz แต่ OnePlus 9 Pro 5G เป็นจอ LTPO แบบ QHD+ ใช้ชิปตัวเดียวกัน ต่างกันที่ RAM โดย OnePlus 9 5G RAM 8GB / 128GB ส่วน OnePlus 9 Pro 5G RAM 12GB / 256GB
กล้องถ่ายภาพของ OnePlus 9 Pro 5G
กล้องหลัก ความละเอียด 48MP มีเซ็นเซอร์ IMX789 ขนาดใหญ่ 1 / 1.4” มาพร้อมเลนส์ 2×2 บนชิป
(OCL) รองรับการถ่ายภาพ ไฟล์ RAW 12 บิต, ISO แบบคู่ และ DOL-HDR โฟกัสไวขึ้น ได้สีที่แม่นยำ สีตรงมากขึ้น ถ่ายภาพกลางวันและกลางคืนได้คมชัดยิ่งขึ้น และลดความเบลอของภาพเคลื่อนไหวในวิดีโอ
โหมดนี้รองรับการถ่ายมุมกว้าง 0.6x 1x และ 2x ถ่ายภาพอัตราส่วน 4:3, เต็มจอ และ 1:1
กล้อง Ultra-Wide ความละเอียด 50MP (เฉพาะบน OnePlus 9 Pro 5G) ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766ขนาด 1 / 1.56” ลด noise เลนส์ Freeform ลดการบิดเบี้ยวบนขอบภาพมุมกว้าง
ลดลงเหลือประมาณ 1% ทำให้มีความบิดเบี้ยวของภาพมุมกว้าง น้อยมากๆ
ยอมรับว่าภาพยืดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยืดขึ้นจนน่าเกลียด นำไปใช้งานได้จริง
ถ่ายภาพ Macro ระยะใกล้ถึง 4 ซ.ม. (1 – 1.5 นิ้ว) โดยเมื่อเข้าใกล้วัตถุ ก็จะเข้าโหมด Super Macro โดยอัตโนมัติ
กล้อง Telephoto ความละเอียด 8MP ซูม 3.3x (77 มม.) พร้อม OIS ลดความเบลอ
ซูมสูงสุด ซูมดิจิตอล 30x ทำได้ดีจริงๆ แต่ก็ยอมรับว่ามี noise อยู่บ้าง
การถ่ายภาพ Bokeh อุ้มมองว่าทำได้คล้ายกล้องใหญ่ที่สุดแล้ว
ส่วนโหมด Pro รองรับการถ่ายและปรับแต่งได้เยอะ การถ่ายภาพ RAW 12-bit ปรับแต่งได้อย่างเป็นเอกลักษณ์
(ดูเพิ่มเติมโหมดนี้ได้ในวีดีโอรีวิว)
ดังนั้นรุ่นนี้เหมาะมากๆ สำหรับคนที่ชอบถ่าย RAW File
การถ่ายวีดีโอ
รองรับการถ่ายวีดีโอ 8K @30fps, 4K @30fps 60fps และ 120fps, Full HD 1080p @30fps และ 60fps
รองรับ กันสั่น Super Stable และถ่ายวีดีโอในมุมกว้าง และซูมวีดีโอ 0.6x 1x 3.3x
Video Nightscape ถ่ายวีดีโอในที่มืด ดันแสงขึ้นมาได้ดีมากๆ เห็นภาพได้สว่าง ชัดเจน
กล้องหน้า
บน OnePlus 9 Pro 5G มาพร้อมกล้องหน้า 16 MP เซ็นเซอร์ Sony IMX471 มีกันสั่น EIS: Fixed Focus – EIS Aperture: ƒ/2.4 แต่การถ่ายวีดีโอเป็น 1080p @30fps รองรับ Time-Lapse
การเซลฟี่ทำได้ดีมาก Skin Tone เปลี่ยนไปแบบผิดหูผิดตา เลือก Beauty ได้ตามต้องการ หรือแม้ปิดก็ยังสวย ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยแนะนำให้ผู้หญิงใช้ OnePlus แต่พอเจอภาพแบบนี้ แนะนำเลยว่าต้องถูกใจสาวๆ แน่นอน โดยเฉพาะ Skine Tone และ Beauty ที่เป็นธรรมชาติและเป็นเอกลักษณ์มากๆ
ถ่ายวีดีโอได้ที่ 4K 120fps และการตัดต่อด้วย DOL-HDR แม้ถ่ายย้อนแสงก็ยังได้ภาพสวย และยังสามารถสร้างวิดีโอ time-lapse ขณะเคลื่อนไหวได้อีกด้วย
หน้าจอ 120 Hz
นับว่าเป็นหน้าจอที่ดีที่สุดในปีนี้เลย รองรับ Refresh Rate 120 Hz เป็นจอแบบ Fluid Display 2.0 (บนรุ่น OnePlus 9 Pro 5G) กระจกจอโค้ง แต่ก็ถือว่าโค้งน้อยลงกว่ารุ่นก่อน ส่วน OnePlus 9 5G จะเป็นจอตรง รองรับ 120Hz ทั้งสองรุ่น
- ใช้จอแบนแบบเดียวกับ OnePlus 8T ซึ่งก็ได้รับคะแนนระดับ A+
- ขนาดจอ 6.7” AMOLED 120 Hz ส่วน OnePlus 9 5G ขนาดจอ 6.55 นิ้ว
- ความแม่นยำของสีสูงที่สุดในอุตสาหกรรม
- ควบคุมความสว่างอัตโนมัติที่ดีขึ้น สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,100 nits
- รองรับ HDR10+
- ควบคุมความสว่างอัตโนมัติที่ราบรื่นยิ่งขึ้น Comfort Tone
ปรับอุณหภูมิสีของจอแสดงผลให้เข้ากับสภาพแวดล้อม อันนี้ดีมากๆ เพราะทำให้อ่าน หรือมองหน้าจอสะดวกยิ่งขึ้น
Fluid Display 2.0 ผสานรวมเทคโนโลยี LTPO และเทคโนโลยีพิเศษ BackPlane ที่ทันสมัยที่สุดที่ใช้ในจอแสดงผล OLED ระดับไฮเอนด์ เล่นเกมตอบสนองต่อการสัมผัสที่รวดเร็ว ปรับอัตราการรีเฟรชเรทโดยอัตโนมัติจาก 120 Hz ไปจนถึง 1 Hz เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของผู้ใช้ในขณะนั้น ใช้พลังงานน้อยลงมาก
คุณสมบัติที่น่าสนใจคือ Visions Comfort มองหน้าจอสบายตา, Reading Mode โหมดอ่านหนังสือสบายตา และรองรับ Dark Mode
จอแสดงผลของ OnePlus 9 Pro ได้รับคะแนนระดับ A + จาก DisplayMate โดยความชัดอยู่ที่ QHD+ ความสว่างสูงสุดถึง 1,300 nits และค่าของสี 10-bit รองรับ HDR10+ พร้อมเทคโนโลยี MEMC การปรับอุณหภูมิสีอัตโนมัติโดยการตรวจจับแสงโดยรอบ สีที่แม่นยำและเป็นธรรมชาติที่สุด ด้วยค่า JNCD ที่น้อยกว่า 1.0
ปรับแต่งหน้าจอ Ambient Display ตั้งค่าการแสดงผลการแจ้งเตือนบนหน้าจอ สัญลักษณ์สแกนลายนิ้วมือ หรือแม้แต่ Always On Display ที่สามารถนำภาพถ่ายมาทำหน้าจอ Always On Display แบบ Canvas ได้
คนเล่นเกม ได้เทคโนโลยี Hyper Touch มาช่วยให้ตอบสนองได้เร็วขึ้นมาก ตอนเล่นเกมโดยการเพิ่ม
ความเร็วในการซิงค์ระหว่างโปรเซสเซอร์และจอแสดงผลเป็น 360 Hz (เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า)
การออกแบบตัวเครื่อง Premium Design
รูปลักษณ์ของ OnePlus 9 Pro 5G ให้ความรู้สึกที่เป็นหนึ่งเดียว วัสดุใช้กรอบอะลูมิเนียมบาง 2.2 มม. ถือเล่นเกมยาวๆ ดูหนังยาวๆ ได้แบบไม่เมื่อยมือ เพราะมีความสมดุลของน้ำหนักที่ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า หนัก 197 กรัม
จอแสดงผลแบบโค้งของ OnePlus 9 Pro มีการปรับสัดส่วนการโค้งของหน้าจอให้เล็กลง เพื่อลดการเพี้ยนของสีและการมองเห็นที่ผิดเพี้ยนไป
ส่วนรุ่น OnePlus 9 5G นั้นต่างจากรุ่น Pro ตรงที่เลนส์กล้องเหลือ 3 เลนส์ ไม่มีเลนส์ Tele น้ำหนักตัวเครื่องเบากว่า และไม่กันน้ำกันฝุ่น IP68
OnePlus 9 Pro 5G มี 3 สี ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ได้แก่ สีเทา Morning Mist, สีเขียว Pine Greenและสีดe Stellar Black รองรับกันน้ำกันฝุ่น IP68 rating
อีกจุดเด่นคือ Slider ข้างตัวเครื่อง ที่ใช้ตั้งรูปแบบเสียงเรียกเข้า สั่น เสียง หรือปิดเสียง
OnePlus 9 5G มีดีไซน์เพรียวบาง โค้งด้านหลัง และน้ำหนักที่เบา ให้ความรู้สึกจับถือสบายมือ มี 3 สีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ได้แก่ สีม่วง Winter Mist, สีฟ้า Arctic Sky และสีดำ Astral Black
สเปค ประสิทธิภาพ
Qualcomm® Snapdragon ™ 888 รองรับ 5G มาพร้อมประสิทธิภาพของ CPU ที่เร็วขึ้น 25% และการแสดงผลกราฟิกที่เร็วขึ้น 35% พร้อมด้วยหน่วยประมวลผล 5 นาโนเมตรใหม่ ช่วยประหยัดพลังงานได้เยอะมาก ชาร์จ 1 ครั้งใช้งานได้ยาวๆ
OnePlus 9 Pro 5G มาพร้อมกับทั้ง LPDDR5 RAM และความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลแบบ UFS 3.1 เร็วกว่า LPDDR4X ถึง 1.5 เท่า และมีความเร็วสูงถึง 6,400 Mbps ทำให้คุณใช้งานได้ยาวๆ แม้เชื่อมต่อ 5G ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องแบต โดยรองรับการใช้งาน 5G ทั้ง 2 รุ่น
การชาร์จ
รองรับการชาร์จไว Warp Charge 65T
แบตเตอรี่ 4,500 mAh ชาร์จแบบมีสายแบบ Warp Charge 65T ถ้าไม่มีเวลาชาร์จเยอะนัก ชาร์จ 15 นาทีก็ใช้ยาวๆ ได้ทั้งวัน (แนะนำให้ใช้สายและอะแดปเตอร์ของแท้จากกล่อง) สามารถชาร์จจาก 1-100% ในเวลาเพียง 29 นาที
ชาร์จไวแบบไร้สาย (บน OnePlus 9 Pro 5G) ด้วย Warp Charge 50 Wireless เป็นเทคโนโลยีการชาร์จแบบไร้สายที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ OnePlus และเร็วที่สุดในอุตสาหกรรม
ข้อดีของเซลล์แบตเตอรี่แบบคู่ การชาร์จที่ 25W ทำให้ Warp Charge 50 Wireless ชาร์จจาก 1-100% ในเวลาเพียง 43 นาที และอีกข้อดีคือ เครื่องชาร์จไร้สายแบบใหม่ มาพร้อมกับขดลวดชาร์จ 2 ตัว ดังนั้นจะวางชาร์จแนวนอนหรือแนวตั้งก็ไม่ใช่ปัญหา ส่วนรุ่น OnePlus 9 5G รองรับการชาร์จแบบไร้สายความเร็วสูงสุด 15W Qi
รองรับ Reverse Charging คือเอานาฬิกา มือถือเครื่องอื่นที่รองรับการชาร์จไร้สาย มาวางบนหลังตัวเครื่องเพื่อชาร์จไฟได้
ทั้ง 2 รุ่น มีอะแดปเตอร์ชาร์จไฟมาให้ในกล่อง และยังสามารถใช้เทอร์โบชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ OnePlus รวมถึงแล็ปท็อป แท็บเล็ต และอื่น ๆ ได้สูงสุด 45W โดยใช้ USB PD หรือ PPS
ประสบการณ์การใช้งาน
OxygenOS 11 –Fast & Smooth Experience
ปกติแล้ว OnePlus จะมี OnePlus Community โดยมีการพัฒนาOxygenOS จากผู้ใช้ รับฟังเสียงผู้ใช้นำมาพัฒนาต่อยอด OxygenOS 11 ใช้งานได้สะดวก แม้ใช้งานมือเดียวก็ใช้งานง่าย เพราะออกแบบจากเสียงของผู้ใช้
RAM
การเพิ่มประสิทธิภาพหน่วยความจำ Turbo Boost 3.0 สามารถเปิดแอปต่าง ๆ ที่รันไว้ได้มากกว่าเดิมถึง 25% ข้อมูลบน รีดประสิทธิภาพ RAM มีขนาดเล็กลง และนำ RAM ที่เหลืออยู่จริง ออกมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเล่นเกม
สายเกม ต้องชอบ เพราะเปิด Pro Gaming Mode ปลดล็อคพลังของ CPU และ GPU รักษาอัตราเฟรมเรทเพื่อประสิทธิภาพการในการเล่นเกม รวมไปถึง สามารถบล็อกการแจ้งเตือน แอป การโทร และปิดการรบกวนอื่นๆ เล่นยาวๆ แบบไม่ร้อน เพราะมีระบบระบายความร้อนถึง 5 ชั้น OnePlus Cool Play ช่วยระบายความร้อนระหว่างการเล่นเกมได้ดี จากที่เล่นเกม ความร้อนทำได้ดีกว่ารุ่นอื่นที่ใช้ Snapdragon 888 อุณหภูมิเพิ่มขึ้นมาประมาณ 5 องศา
โหมด Rewind Recording เช่น เล่นชนะแล้วลืมกดอัดหน้าจอ ก็อัดหน้าจอย้อนหลัง 30 วินาทีได้
กดปุ่ม Power 2 ครั้งรัวๆ เปิดกล้องด่วน หรือกดปุ่ม Power ค้างไว้ เข้า Google Voice Assistant
ล็อกอินแอป Facebook, Messenger, LINE 2 บัญชีในเครื่องเดียวกันได้
สรุป
ยอมรับเลยว่า Co-developed with HASSELBLAD ช่วยให้ OnePlus 9 5G และ OnePlus 9 Pro 5G ถ่ายภาพได้สวยมากๆ และต่อยอดไปให้สาวๆ ชื่นชอบสกินโทนและเอกลักษณ์ของ HASSELBLAD น่าจะทำให้หลายๆ คนหันมาสนใจ OnePlus กันมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ชอบถ่ายภาพ แล้วชอบโทนสีภาพที่สมจริงเป็นธรรมชาติ และจัดเต็มกับหน้าจอสวยๆ ของ OnePlus 9 Pro 5G ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าในราคาหลักหมื่น