ตอนนี้ทุกแบรนด์มือถือทำหูฟังไร้สายออกมาให้เลือกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ OnePlus Buds Pro มาพร้อมความครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการตัดเสียงรบกวน แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวๆ รองรับชาร์จไว ดีไซน์เรียบหรู ใส่ได้ยาวๆ ทั้งวันโดยไม่ปวดหู ในราคา 4,999 บาท
OnePlus Buds Pro เป็นหูฟังระดับพรีเมี่ยมรุ่นแรกของ OnePlus มาพร้อมสโลแกน Hear the Unheard ประสบการณ์แห่งเสียงที่ดีกว่า
ตอนนี้คนที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายแบบ True Wireless (TWS) อยากได้เรื่องการสนทนาคมชัด และตัดเสียงรบกวนรอบข้าง เพราะยิ่งมีการทำงาน Work From Home (WFH) ก็จะต้องประชุมออนไลน์ หรือคุยโทรศัพท์แบบยาวๆ ยกหูคุยนานๆ ก็ลำบาก ใช้หูฟังไร้สาย ทำงานไป คุยไปผ่านมือถือหรือคอมพิวเตอร์ โดยจุดเด่นของหูฟังไร้สาย OnePlus Buds Pro ก็คือ เสียงดี ตัดเสียงรบกวนดี แบตใช้ได้นาน เพราะปกติแล้ว หูฟังไร้สายเราประชุมเต็มที่ 2 – 3 ชั่วโมง แบตก็หมดแล้ว สุดท้ายต้องมาใช้หูฟังแบบมีสาย แต่มือถือสมัยนี้ตัดช่องเสียบหูฟังแบบ 3.5 ม.ม. ออก ก็เลยทำให้เราต้องเลือกหูฟังไร้สายที่มีแบตให้เราใช้งานได้นานๆ
ส่วนคนที่ชอบดูซีรีส์ ดูหนัง ฟังเพลง การตัดเสียงรบกวนทำให้เราได้อรรถรสในการฟัง ตอนเล่นเกม ยิ่งอินกับเกมมากขึ้น การตัดเสียงรบกวนมี 2 อย่างคือ ตัดเสียงรบกวนหูฟัง ฟังแล้วไร้การรบกวนรอบข้าง และตัดเสียงรบกวนไมค์สนทนา ทำให้ปลายสายได้ยินเสียงเราคมชัด ได้ยินครบทุกถ้อยคำ และไม่มีเสียงไม่พึงประสงค์รบกวนคู่สนทนา และแม้กระทั่งตัวเราเอง
OnePlus Buds Pro เหมาะกับใคร?
คนที่อยากได้หูฟังรุ่น Pro ที่ตัดเสียงรบกวนดีๆ อยากได้หูฟังที่ “คู่เดียวจบ” ทั้งการเรียน การทำงาน การออกกำลังกาย ไปเที่ยว เดินห้าง อยู่ในรถ คือใช้เสียบหูไว้ตลอดเวลาได้แบบไม่รำคาญ ไม่อึดอัด
สำหรับคนออกกำลังกาย กันน้ำ กันฝุ่น มาตรฐานระดับ IP55 ลุยได้ทุกสภาพอากาศ เหมาะกับใช้งานกลางแจ้ง และในโรงยิม ฟิตเนส กันน้ำกันเหงื่อ ใส่ออกกำลังกายได้สบายๆ ส่วนเคสชาร์จ มาตรฐานระดับ IPX4 พกพาไปได้ทุกที่แบบไม่ต้องกังวล แต่แอบอยากได้เคสหูฟังที่กันรอยขีดข่วน เคสหูฟังคู่นี้เป็นแบบพลาสติก ซึ่งเราก็กลัวว่าจะมีรอยขีดข่วน
ระบบตัดเสียงรบกวน Noise Cancellation
Smart Adaptive Noise Cancellation เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนแบบอัจฉริยะ
ไม่ใช่แค่ เปิด หรือปิด การตัดเสียงรบกวน แต่เป็นทางเลือกในการเลือกระดับการตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสม Smart Adaptive Noise Cancellation สามารถบล็อคเสียงภายนอกได้สูงสุดถึง 40 เดซิเบล โดยมีให้เลือกปรับได้ 3 แบบ คือ Faint ตัดเสียงรบกวน 15 เดซิเบล, Extreme ตัดเสียงรบกวนเต็มที่ 40 เดซิเบล และ Smart ตัดเสียงรบกวนอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม ระหว่าง 15 – 40 เดซิเบล ซึ่งระดับของการตัดเสียงรบกวนขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เมื่อเปิดใช้งานโหมดตัดเสียงรบกวนแบบอัจฉริยะ
เน้นคุยโทรศัพท์ ประชุมออนไลน์ เรียนออนไลน์
ต้องอาศัยตัวช่วย เพราะเราไม่ได้อยู่ห้องเงียบๆ แบบห้องประชุมที่ออฟฟิศ Calibrated Voice Isolation คุยโทรศัพท์ได้แบบชัดเจน เสียงใส คมชัด ได้ยินเสียงคู่สนทนาชัดเจน โดยการทำงานของ Calibrated Voice Isolation เป็นระบบแยกเสียงสนทนาออกจากเสียงรอบข้าง แยกเสียงรบกวนได้อย่างแม่นยำ ในกลุ่ม Facebook จัดโต๊ะคอม มีการพูดคุยกันมองหาหูฟังที่คุยชัดๆ เพราะมี เสียงรถกับข้าว เสียงมอเตอร์ไซค์ดังตอนประชุมที่เสียงเข้าไมค์ ดังนั้นเราจึงต้องการตัวช่วยให้การประชุมราบรื่นและไม่เสียเวลาคนอื่นกับเสียงรบกวนรอบๆ ตัวเรา
จากการคุยสนทนาโทรศัพท์ ประชุมออนไลน์ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง (ต่อเนื่อง) รู้สึกว่าเสียงคมชัด ทั้งฝั่งผู้พูด และคนที่สนทนาด้วยก็ได้ยินเสียงเราชัดเจน ใส่หูฟัง ประชุมออนไลน์ยาวๆได้แบบไม่อึดอัดหูเลย โดยส่วนตัวหากใส่หูฟังแนว In-ear แล้วจะอึดอัดหู แต่กลับสวมใส่ได้สบายมากๆ แต่เรื่องแบตเตอรี่ หากใช้กับการประชุมออนไลน์ยาวๆ (เคล็ดลับของผู้เขียนคือ ใช้ประชุมทีละข้าง พอแบตใกล้หมดก็เปลี่ยนเป็นอีกข้างนึงแทน ทำให้เราประชุมได้ยาวๆ ไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางประชุม
โหมดฟังเพลง ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกม
ใครที่อยากปรับแต่งเสียงตามที่เราชอบ OnePlus Audio ID ใช้คู่กับแอป OnePlus Audio ID อยากให้ใช้คู่กับมือถือ OnePlus หรือถ้าเป็นมือถือรุ่นอื่นๆ สามารถดาวน์โหลดแอป HeyMelody บน iOS/Android มาใช้ได้เช่นกัน เพื่อใช้งานตั้งค่าเสียงต่าง ๆ ได้อย่างละเอียดตามที่เราชอบ ออกแบบการฟังในแบบของตัวเอง มี UI ที่ใช้งานง่าย
แต่บอกเลยว่าถ้าใช้มือถือ OnePlus การปรับแต่งอะไรต่างๆ จะ Seamless มากๆ ลงตัวมากกว่าใช้มือถือแบรนด์อื่น
Zen Mode Air เสียงธรรมชาติ ฟังคลอตอนทำงาน โดยมีตัวเลือกเสียงที่ผ่อนคลายให้เลือกได้ถึง 5 แบบ สำหรับคนที่ชอบทำงานไปด้วย ฟังอะไรคลอไปด้วย และช่วยลดความเครียดขณะทำงาน (วิธีใช้ให้บีบก้านหูฟังค้างไว้ 3 วินาที) จะมีเสียง ตึ่ง แล้วลองฟังเสียงดู (แต่ปรับจากแอป ง่ายกว่า)
ลองฟังเสียงนกร้องไปด้วย เขียนรีวิวนี้ไปด้วยก็สบายหูดี รู้สึกว่าการทำงานตอนดึกๆ หรือเช้าตรู่ ไม่เหงา ปกติเปิดเพลง แต่พอเขียนบทความต้องใช้สมาธิสูง เปิดเสียงเป็น Zen Mode Air นี่รู้สึกผ่อนคลายมากๆ
แอป OnePlus Audio ID
ใช้ปรับแต่งเสียงให้เหมาะสมกับพฤติกรรมหรือลักษณะการฟังของเรา
แอปจะปรับเสียงให้เหมาะกับการฟังของเรา สามารถกดฟัง before / after ได้
ไดรเวอร์ใหญ่ / รองรับ LHDC
จุดเด่นของ OnePlus Buds Pro คือ 11 mm Dynamic Driver ไดรเวอร์ไดนามิก 11 มม. เหมาะสำหรับคนที่ชอบเบสหนัก ซึ่งโดยส่วนตัวฟังแล้วชอบ เพราะตอนทำงานชอบฟังเพลงไปด้วย ทำงานไปด้วย ได้เบสแบบฟังสบายอยู่ ไม่กระแทกหนักจนรู้สึกรำคาญ
LHDC (ย่อมาจาก Low latency HD audio codec) คือตัวแปลงสัญญาณเสียงไร้สาย ที่มีความหน่วงต่ำ และคงคุณภาพเสียงระดับสูงไว้ โดยมีค่าความหน่วงต่ำ (Ultra-Low Latency) ต่ำสุดที่ 94 ms เน้นการฟังเพลงที่มีการสตรีมเสียงที่มีความละเอียดสูง ดูหนัง ดูคอนเสิร์ตเหมือนอยู่แถวหน้า (แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับการบันทึกเสียงของต้นฉบับด้วย) ซึ่งเสียงเพลงที่ส่งผ่านอุปกรณ์มายังหูฟัง ผ่านเทคโนโลยี LHDC จะมีแบนด์วิดท์ที่สูงกว่าเทคโนโลยี SBC และ AAC แบบหูฟังไร้สายรุ่นก่อนๆ ทำให้เสียงออกมาสมบูรณ์แบบ ความละเอียดสูง และมีความลึกของเสียงที่หนักแน่น ซึ่งระบบ LHDC จะใช้งานได้สมบูรณ์ เมื่อนำ OnePlus Buds Pro เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน OnePlus Nord 2 5G
การเชื่อมต่อ
ถ้าใช้กับมือถือ OnePlus จะดีมากๆ Seamless เราใช้มือถือ OnePlus Nord 2 5G พอแกะหูฟังออกจากกล่อง แกะพลาสติกที่หุ้มหูฟังและแท่นชาร์จออก พอเปิดฝาเคส ก็จะขึ้นให้เราเชื่อมต่อทันที แต่ถ้าเป็นแบรนด์อื่นต้องเข้า Bluetooth แล้วเลือกเชื่อมต่อเอง
การควบคุมหูฟัง
ด้านในของก้านหูฟังจะสามารถ “บีบ” ก้านหูฟัง เพื่อหยุด เล่นเพลงได้ ข้อดีคือไม่แตะพลาด แตะเบาๆ จะไม่ส่งผลต่อการใช้งาน ณ ขณะนั้น ต้องตั้งใจ “บีบ” ส่วนหูฟังอื่นๆ จะใช้การแตะ “ทัช” ด้านนอกของก้านหูฟัง ซึ่งบางครั้งเราต้องการแค่ขยับหูฟังให้กระชับแต่ดันไปกดวางสายสนทนาโทรศัพท์ซะงั้น แล้วยิ่งเป็นการโทรหา Call Center ยิ่งหงุดหงิดเพราะกว่าจะโทรกลับไป กว่าจะได้คุยก็เสียเวลามากๆ ดังนั้นการ บีบ ทำให้เราสั่งงานได้แม่นยำขึ้น แต่ก็อาศัยความคุ้นเคยในการบีบก้านหูฟังสักหน่อย
ท่าทางในการสั่งงาน
บีบ 1 ครั้ง play / pause / กดรับสาย
บีบ 2 ครั้งติดกัน Next ข้ามไปเพลงถัดไป / กดปฏิเสธสาย
บีบ 3 ครั้งติดกัน ย้อนกลับไปเพลงก่อนหน้า
บีบค้างไว้ 1 วินาที สลับโหมดตัดเสียงรบกวน ระหว่าง โหมด Intelligence Noise Cancellation กับ Transparency ถ้าอยากเปลี่ยนคำสั่งให้เข้าไปที่แอป ตั้งค่าที่ settings > buds details

บีบก้านหูฟังค้างไว้ 3 วินาที จะได้ยินเสียงธรรมชาติ นกร้อง ใน Zen Mode Air
สำหรับการบีบก้านหูฟัง 3 ครั้ง สามารถปรับเป็น Voice Assistant ได้
แบตเตอรี่
จากสเปค ใช้งานได้ยาวนานถึง 38 ชั่วโมง รองรับ Wrap Charge ชาร์จ 10 นาที ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง แบตใช้งานได้ยาวๆ ทำให้ประชุมออนไลน์ได้แบบไร้กังวลเรื่องแบตหมดขณะใช้งาน ลองมาแล้ว ใช้งานได้ยาวจริง แต่ประชุมตั้งแต่ 4 โมงเย็น ถึง 6 โมงครึ่ง ต่อเนื่อง ก็ทำเอาแบตหมดอยู่เหมือนกัน แต่อย่างที่บอกคือ ใช้หูฟังสลับข้างเอา ทำให้เราใช้งานต่อเนื่องได้นานขึ้น เพราะประชุมยาวไม่รู้จะเสร็จกี่โมง ถ้าใช้ฟังเพลงต่อเนื่อง ได้สูงสุดถึง 7 ชั่วโมง (เมื่อปิดระบบ ANC) หรือใช้ได้ 5 ชั่วโมงเมื่อเปิด ANC ถ้าเราเปิดใช้ระบบตัดเสียงรบกวน ระยะเวลาใช้งานจะลดลง แต่โดยรวมแล้ว หูฟังสามารถชาร์จแบตเตอรี่จากเคสได้ ทำให้รวม ๆ แล้วใช้ได้ยาวถึง 38 ชั่วโมง นอกจากนี้ตัวเคสยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วย
ถ้าใช้กับมือถือ OnePlus Nord 2 5G หรือมือถือ OnePlus อื่นๆ จะ Pair ง่าย และจะแสดงระดับแบตเตอรี่ตอนที่เราถอดหูฟังออกจากเคสชาร์จ

ความรู้สึกหลังใช้งาน 1 วัน
ก่อนใช้งาน ถ้าใช้ OnePlus ให้อัปเดตแอป OnePlus Buds เพื่อทำ Earbud Fit Test ก่อนเริ่มใช้งาน เพื่อให้ได้เสียงที่สมบูรณ์แบบที่สุด
จากการใช้งาน พอเสียบหูฟัง เข้าไปในหู ระบบตัดเสียงรบกวนทำงานทันที ทำให้เรารับฟังได้ชัดเจน ถ้าไม่อยากตัดเสียงรบกวนก็บีบก้านหูฟังตามวิธีด้านบน ทดสอบดูคลิปบน YouTube ฟังเพลงยาวๆ 2 ชั่วโมง แบตลดไป 20% เข้าโหมด Zen Air Mode ลองเปิดปิดโหมดตัดเสียงรบกวน สิ่งที่ชอบมากๆ คือใส่สบายหูมากๆ ไม่อึดอัด ไม่ปวดหูเลย ตอนประชุม คุยโทรศัพท์เสียงคุยก็ชัดเจน เสียงที่ฟังก็ชัดเจน ถ้าประชุมยาวๆ สิ่งที่กวนใจ ก็คือเรื่องแบตเตอรี่ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะเราใส่หูฟังทีละข้าง พอแบตหมดก็เก็บในเคสชาร์จ ชาร์จแป๊บเดียวก็คุยต่อได้แล้ว
ดีไซน์ การออกแบบ
บริเวณหูฟังด้านบน ใช้พื้นผิวแบบด้าน โค้งมนออกแบบป้องกันเหงื่อและฝุ่นได้ดียิ่งขึ้น ส่วนบริเวณก้านที่เป็นส่วนควบคุมฟังค์ชั่นต่าง ๆ ใช้กระบวนการเคลือบด้วยเลเซอร์ NCL พื้นผิวแบบโลหะสีเงินผิวมัน มีให้เลือกทั้งหมด 2 สี คือสีขาว Glossy White และสีดำ Matte Black
บอกได้เลยว่าเป็นหูฟังไร้สายแบบ In-ear ที่มีดีไซน์โค้งมน สวมใส่ได้สบาย จากการทดสอบดู YouTube พบว่าใช้งานได้ดี พอใส่หูปุ๊บ ตัดเสียงรบกวนรอบข้างทันที และใส่ได้แบบไม่อึดอัดจมูกเลย (ปกติพอใส่หูฟังแบบ In-ear แล้วเปิดระบบ ANC มักจะมีความรู้สึกเหมือนอึดอัดจมูกแปลกๆ) มาพร้อมซิลิโคนให้เลือก 3 ขนาด แต่อันที่ให้มากับหูฟังเลยก็ใส่สบายแล้ว
การเชื่อมต่อ แนะนำให้ใช้กับมือถือ OnePlus แต่ถ้าใช้กับมือถือรุ่นอื่นๆก็สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าใช้กับ OnePlus แค่เปิดเคสก็เชือมต่อได้ไวมากๆ (Fast and smooth pairing) ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็เปิด Bluetooth เชื่อมต่อได้ตามปกติ
แต่บอกเลยว่าควรใช้กับมือถือ OnePlus เพราะจากที่ใช้กับ OnePlus Nord 2 5G รู้สึกสะดวกมากๆ และที่สำคัญ รองรับ Codec LHDC
สิ่งที่ชอบใน หูฟังไร้สาย OnePlus Buds Pro คือการเป็นหูฟังพรีเมี่ยมที่สวมใส่สบาย ใส่ยาวๆ ไม่อึดอึดเลย เหมาะกับคนที่ชอบเสียบคาหูไว้ตลอดเวลา สายโทรเข้าก็รับสาย มีประชุมก็คุยยาวๆ จะเข้าห้องน้ำ เดินไปมา ทำอะไรก็สะดวกจริงๆ เรื่องเสียงมีไดร์เวอร์ใหญ่ เหมาะกับการฟังเพลง เล่นเกม ดูหนัง และถ้ามีหนัง หรือมีไฟล์ที่เป็น LHDC ยิ่งได้เสียงดี เหมาะกับการใช้งานในยุคนี้มากๆ ส่วนเรื่องการตัดเสียงรบกวน ทำได้ดี และมีหลายระดับ การสั่งงานเป็นการบีบก้านหูฟัง ทำความคุ้นเคยสักหน่อยก็ไม่ยาก เคสชาร์จไว จากที่ใช้งานมา 1 วันกว่าๆ ก็ยังไม่ได้ชาร์จเคสหูฟังเลย ถ้าเอาตรงๆ คือใช้งานได้ยาวๆ ตามที่ทางแบรนด์บอกไว้เลย และบอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งหูฟังไร้สายที่แม้จะได้มารีวิวแต่ก็แบบอยากได้ใช้เองจริงๆ เพราะใช้แล้วประทับใจ ดังนั้นใครที่กำลังมองหาหูฟังไร้สายประสิทธิภาพแบบ “โปร” แนะนำเลย #OnePlusBudsPro #HeartheUnheardTimeline
วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ วันที่ 10 ตุลาคม 2564 ในราคา 4,999 บาท