มาแรงมากๆ ฮิตติดกระแสมากๆ สำหรับมือถือ OPPO Find X5 Pro 5G กับความร่วมมือ (Co-Developed) กับ Hasselblad ทำให้คุณได้สัมผัสสุดยอดสมาร์ตโฟนเรือธง ที่ถ่าย 4K Ultra Night Video คมชัด ในที่แสงน้อยได้ดีที่สุด พร้อมใช้ชิปล่าสุด MariSilicon X ที่เปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยเปิดตัวในราคา 39,990 บาท
แม้ว่าปัจจุบันสมาร์ทโฟนจะมีการพัฒนาเรื่องการถ่ายภาพได้สวยงามแล้วแต่ก็ตาม แต่สำหรับในสภาวะแสงน้อย ยังเป็นเรื่องที่ท้าทายของกล้องบนสมาร์ทโฟน ซึ่งสมาร์ทโฟน OPPO ในตระกูล Find X Series นั้นได้ต่อยอดการพัฒนาการถ่ายภาพที่ยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ซึ่ง OPPO Find X5 Pro 5G บนความร่วมมือกับ Hasselblad กล้องชั้นนำระดับโลก ปลดล็อคข้อจำกัดของการถ่ายภาพบนสมาร์ทโฟน ที่มีข้อจำกัดในการถ่ายวีดีโอในที่แสงน้อยมากๆ ชัดระดับ 4K ให้ภาพวีดีโอที่สว่างเหมือนสายตาเรามองเห็น โดยมาพร้อมสโลแกน Empower Every Moment ที่บอกได้เลยว่า คุณจะต้องอยากจับจองเป็นเจ้าของอย่างแน่นอน เราไม่ใช่แค่บอกเล่า แต่เราอยากให้เห็นภาพจากกล้องด้วยตาของเพื่อนๆ เลย
โดย 4 จุดเด่นของ OPPO Find X5 Pro 5G ทำให้คุณได้ภาพถ่ายและวิดีโอคุณภาพคมชัดระดับโปร คือ
- ใช้ชิปประมวลผล MariSilicon X มี AI ที่ฉลาด ประมวลผลได้รวดเร็วมากขึ้น
- กล้องเซ็นเซอร์ Sony IMX766 สองเลนส์หลัก ความละเอียด 50MP เท่ากัน
- ระบบกันสั่น SLR-Level 5-Axis Image Stabilization
- บันทึกภาพวีดีโอคมชัดในที่แสงน้อย 4K Ultra Night Video
OPPO Find X5 Pro 5G ยกระดับใหม่ให้กับวงการสมาร์ตโฟน
OPPO Find X5 Pro 5G ฉีกข้อจำกัดของการถ่ายวีดีโอบนสมาร์ทโฟน โดยสามารถถ่าย 4K Ultra Night VDO ด้วยชิปใหม่ MariSilicon X Imaging NPU ขนาด 6 นาโนเมตร ที่ออกแบบและพัฒนาโดย OPPO เป็นครั้งแรก ทำให้คุณสามารถใช้กล้องถ่ายวีดีโอกลางคืนแบบ 4K ได้อย่างสว่าง คมชัด สวยงาม เหมือนที่ดวงตาเรามองเห็น
ด้วยความร่วมมือ Co-Developed ทำให้ได้กล้อง Hasselblad บนสมาร์ทโฟนรุ่นเรือธงของ OPPO เป็นตัวเลือกที่น่าจับตามองในตลาด และสำหรับคนที่ชอบถ่ายวีดีโอ มีระบบป้องกันภาพสั่นไหวระดับโปร แบบออปติคอล 5 แกน SLR-Level 5-Axis Image Stabilization ที่เรียกได้ว่าเป็นกันสั่นที่ดีที่สุด หลักการคล้ายไม้กันสั่น Gimbal ซึ่งหากมีแกนเยอะ ก็ยิ่งทำให้การสั่นไหวน้อยลงไปอีก และได้ภาพที่นิ่งมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
สิ่งที่ทำให้กล้อง OPPO Find X5 Pro 5G น่าสนใจ นอกเหนือไปจาก MariSilicon X Imaging NPU ก็คือความร่วมมือ Co-Developed กับ Hasselblad ไม่ใช่แค่เรื่องความคมชัด แต่โทนสีของ Hasselblad ทำให้ได้แนวสีแบบธรรมชาติ Natural Color Calibration ที่เป็นเอกลักษณ์ ปกติเราถ่ายภาพบนมือถือ จะเห็นภาพบนหน้าจอสีสวย แต่พอเอาลงคอมแล้วเปิดบนจอคอม หรือมือถือรุ่นอื่นจะแตกต่างกัน แต่สำหรับ OPPO Find X5 Pro 5G ให้สีภาพบนจอที่ใกล้เคียงกับดวงตาเราเห็นมากที่สุด รวมไปถึงการนำ Master Filters มาให้แฟนๆ Hasselblad ได้ถ่ายภาพกัน โดยเฉพาะ User Interface และเสียงชัตเตอร์แบบ Leaf Shutter อันเป็นเอกลักษณ์ของ Hasselblad
จากภาพ จะเห็นได้ว่า ใบหน้าจะสว่างสดใสแบบไม่มีภาพไหนที่หน้ามืดเลย แม้จะแสงจะแรงหรือมืดแค่ไหนก็ตาม
MariSilicon X Imaging NPU กระบวนการผลิต 6 นาโนเมตร ถ่ายวีดีโอ HDR ในช่วง Dynamic Range 20-bit 120 dB มากกว่า OPPO Find X3 Pro 5G ถึง 5 เท่า ถ่ายในที่มืดได้สว่าง คมชัด เก็บรายละเอียดได้ดีเหมือนดวงตามนุษย์มองเห็นที่มืด
ไม่ใช่แค่หน้าจอ แต่กล้องรองรับ Billion Colour โดย MariSilicon X รองรับ Full-Path 10-bit Color Managenet System ทำให้แม้จะถ่ายภาพออกมายังไง จอก็แสดงผลออกมาได้แบบนั้นเลย ไม่ใช่ว่าจอรองรับพันล้านสี แต่กล้องถ่ายภาพไม่ได้ ก็ไม่สมบูรณ์แบบ ดังนั้น ไม่ว่าจะถ่ายภาพออกมาคมชัดแค่ไหน จอก็แสดงผลได้สมบูรณ์แบบที่สุด
ปกติเวลาเราเปลี่ยนมุมกล้อง เปลี่ยนเลนส์ เราจะได้สี โทนภาพที่แตกต่างกัน ซึ่งข้อดีอีกอย่างของกล้อง Sony IMX766 คือ MariSilicon X ช่วยให้กล้อง Wide และ Ultra-Wide ถ่ายได้สวยมากๆ และถ่าย 4K ได้ด้วย 4K Ultra Night Video ได้ดีที่สุด
กล้องหลัง Ultra-Wide ความละเอียด 50MP ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 มุมมอง 110 องศา รูรับแสง f/2.2
กล้อง Wide ความละเอียด 50MP ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 กันสั่น 5 แกน รูรับแสง f/1.7
สร้างสรรค์ภาพถ่ายได้ตามจินตนาการได้เลย
กล้อง Tele ความละเอียด 13MP รูรับแสง f/2.4 โดยกล้อง Wide และ Ultra-Wide ใช้เซ็นเซอร์เดียวกัน ทำให้การสลับกล้องในมุมมองต่างๆ ได้สีที่แม่นยำไม่ผิดเพี้ยน ทั้งกลางวันและกลางคืน
การถ่ายภาพทำได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าพกตัวเดียวจบจริงๆ
XPan Mode
เป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากๆ และหลายคนก็ว้าวมากๆ ก็คือ XPan Mode บน Hasselblad ทำให้เราถ่ายภาพได้โปรขึ้น กดถ่ายแชะเดียว ได้ภาพสวย และอัตราส่วนเหมือนเราถ่ายแบบ Panorama แต่กดชัตเตอร์ครั้งเดียวจบเลย (เข้าเมนู More > XPan)
Master Filters อุ้มชอบโหมด Serenity มาก เพราะทำให้ได้ภาพสวย สว่างสดใสแบบน่าทึ่งมากๆ โดยสามารถใช้ในโหมด Portrait ได้ด้วย แถมกล้องหน้าก็ยังใช้ได้อีก โหมดนี้ถ่ายแล้วได้อารมณ์กล้องฟิล์ม ข้อดีคือมือถือจัดการให้ มีฟิลเตอร์พร้อมใช้ ไม่ต้องผ่านแอปอื่นเลย
ภาพโหมด Serenity นี้ อุ้มชอบมาก เพราะโทนสีที่ได้ และได้ภาพเหมือนถ่ายด้วยกล้องใหญ่เลย
และด้วยความที่ใช้เลนส์แก้วระดับเรือธง ทำให้สีสันแม่นยำขึ้น ดีกว่าเลนส์แบบพลาสติกทั้งหมด โดยเป็นเลนส์แก้วผสมพลาสติก ทำให้ความคลาดเคลื่อนสีลดลงถึง 77%
กล้องหน้า
ใช้ชิป Sony IMX709 เรียกได้ว่าเป็นกล้องเซลฟี่ที่ขับเคลื่อนด้วย MariSilicon X ถ่ายยังไงก็สวย และรองรับการถ่ายเซลฟี่มุมกว้างด้วย หากเปลี่ยนจากถ่ายคนเดียวเป็นถ่ายหลายคน ระบบจะปรับจากมุม 80 องศา เป็น 90 องศาโดยอัตโนมัติ กว้างขึ้น เก็บภาพได้ครบทุกคน ทั้งยังรองรับ Master Filters ในการถ่ายกล้องหน้าด้วย (ภาพที่ถ่ายด้านบนคือโหมด Serenity อมส้มนิดๆ ขับให้ผิวสวย) ซึ่งเป็นความชอบของแต่ละบุคคลว่าจะใช้โหมดไหนถ่ายภาพ
ในขณะที่งานวีดีโอทำได้ดีมากๆ เรื่องความนิ่ง ทำได้ดีมากๆ ทั้งกล้องหลังและกล้องหน้า โดยกล้องหลังรองรับการถ่ายวีดีโอ 4K (30fps/60fps), 1080P (30fps/60fps) และ 720P (30fps/60fps) และ Video Slo-mo: 1080P (240fps) และ 720P (480fps) ส่วนโหมด Video zoom รองรับ 4K(30fps/60fps), 720P(30fps/60fps), 1080P(30fps/60fps) ในขณะที่กล้องหน้า รองรับ 1080P/720P (30fps) โดยค่ามาตรฐานคือ 1080P (30fps) ดูตัวอย่างวีดีโอจากคลิปด้านล่างนี้
ดีไซน์ตัวเครื่อง
ดีไซน์สวยงาม จากแรงบันดาลใจแห่งโลกอนาคต วัสดุตัวเครื่อง ผลิตจากเซรามิก ทนทานแข็งแรง แบบ Unibody โค้งมนไร้รอยต่อ และไม่ต้องกังวล เพราะกันรอยขีดข่วน แข็งเป็น 2 เท่าของกระจก ขนาดตัวเครื่อง 163.7 ม.ม. x 73.9 ม.ม. x 8.5 ม.ม. น้ำหนัก 218 กรัม สี Ceramic White และ สี Glaze Black สีสวย หยิบออกมาแตกต่างจากทุกคนแน่นอน
วัสดุหน้าจอแบบ Corning Gorilla Glass Victus รูปทรง Unibody ผสานเส้นโค้งธรรมชาติ ได้รับแรงบันดาลใจจากการลงจอดยานบนดวงจันทร์
สำหรับการออกแบบตัวเครื่อง ดีไซน์โค้งมน แต่ได้ความเพรียวบางของตัวเครื่อง OPPO Find X5 Pro ใช้เซรามิกที่เรียบหรู โดยตัวเครื่องได้ผ่านขั้นตอนการขัดเงามากกว่า 14 ขั้นตอน เป็นเวลาทั้งสิ้น 269 นาที เพื่อให้ได้รูปแบบดีไซน์ที่มีความเรียบเนียนสวยงาม พร้อมกับองศาลาดเอียง 75 องศา ให้ได้เส้นโค้งมนที่เหมาะสมที่สุด สำหรับการส่องสว่างของตัวเครื่องภายใต้แสงและเงา ไม่ว่าจะเอียงมุมไหน องศาไหน ก็ยังสวยแบบไม่อยากใส่เคสเลย และตัวเครื่องยังกันน้ำกันฝุ่น ในมาตรฐานระดับ IP68 อีกด้วย
ในขณะที่ ตัวเครื่อง ใช้ชิป Qualcomm® Snapdragon® 8 Gen 1 แบบ Multi-Core ทำให้เราใช้งานได้ลื่นๆ RAM 12GB ROM 256GB และหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว AMOLED ความละเอียด WQHD+ แสดงผล 10 บิต พร้อมการแสดงผลได้มากกว่า 1 พันล้านสี บนหน้าจอ 1 Billion Color Bionic Display สี P3 พร้อมรองรับ 120Hz Dynamic Refresh Rate ปรับระหว่าง 1 – 120Hz โดยอัตโนมัติ
การดูหนังบนมือถือ O1 Ultra Vision Engine เพิ่มขนาดภาพ 720p และ 1080p แสดงผลบนหน้าจอความละเอียดสูง โดยสร้างความละเอียดของภาพได้สูงสุด 2160p รองรับ HDR10 และ HDR10+ ทำให้ดูหนังได้คมชัด แม้จะอยู่บนหน้าจอความละเอียดสูงก็ตาม
นอกจากนี้ ตัวเครื่อง รองรับ การสแกนนิ้วมือบนหน้าจอ สแกนใบหน้า ลำโพงสเตอริโอ รองรับ Dolby Atmos เสียงออกโทนแหลม แต่เบสไม่ได้แน่น
เสารับสัญญาณ ดีที่สุด
ระบบ 360 Smart Antenna 3.0 ทำให้การเชื่อมต่อ 5G ไหลลื่น มีการรับสัญญาณดีที่สุด โดยมีสองเสา แต่ละเสามีสองตัว เลือกจับสัญญาณเสาที่ดีที่สุดด้วยเสาอากาศทั้งสี่ตัว รองรับ 5G ซิมคู่ บนเทคโนโลยี SA และ NSA
ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber ขนาดใหญ่ ที่ครอบคลุมทั้ง SoC และแบตเตอรี่ ใหญ่กว่ารุ่นก่อนเกือบ 75% ทำให้สามารถกระจายความร้อนที่เกิดจากการเล่นเกม ปรับอัตรารีเฟรชเรต 90Hz หรือ 120Hz และลดพลังงานความร้อนในขณะที่ชาร์จแบตมือถือแบบไร้สายได้ดี
สำหรับการเล่นเกมนั้น AI Frame Rate Stabilizer ช่วยควบคุมอุณหภูมิ รักษาเฟรมเรตขณะเล่นเกม ไม่กระตุก หรือเฟรมเรตตก
ส่วนการชาร์จแบตเตอรี่ มาพร้อมระบบชาร์จไว 80W SUPERVOOC สามารถชาร์จได้ 50% ภายใน 12 นาที และรองรับ 50W AIRVOOC ที่สามารถชาร์จไร้สายได้ 100% ในเวลาเพียง 47 นาที รวมถึง Battery Health Engine เทคโนโลยีการชาร์จอัจฉริยะที่พัฒนาล่าสุด ที่ทำให้วงรอบการชาร์จ เพิ่มขึ้น 2 เท่า ถึง 1,600 ครั้ง อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 2 เท่า ใช้ไปยาวๆ แบตไม่เสื่อม และระบบระบายความร้อนที่กล่าวไป ก็มีส่วนเรื่องระยะเวลาในการใช้งานแบตเตอรี่ด้วย
ColorOS 12
หลักๆ คือการจัดการข้อมูลส่วนตัว แอปไหนที่ใช้สิทธิไมค์ กล้อง ขอข้อมูลส่วนตัว ปรับแต่งได้ด้วยตนเอง รวมไปถึงแอปที่ขอตำแหน่งก็เป็นการแชร์ตำแหน่งโดยประมาณ ไม่ใช่ตำแหน่งถูกต้องจริงๆ อันนี้ยกเว้น Google Maps นะ เน้นความเป็นส่วนตัวให้เราปลอดภัย และมีการตรวจจับใบหน้าด้วย Anti-Peeping ที่ตรวจสอบใบหน้าที่กำลังดูหน้าจอ ถ้าเป็นเพื่อน ภรรยา แอปดูก็สามารถซ่อนการแจ้งเตือนได้ ทำให้เรามีความเป็นส่วนตัวเฉพาะเราเท่านั้น
เชื่อมต่อกับจอคอมผ่าน Multi-Screen Connect
ทำงานบนคอม ผ่านมือถือ หรือทำงานบนมือถือผ่านคอมได้ โดยแคสหน้าจอมือถือไปไว้บนคอม จัดการแจ้งเตือนบนคอม เวลาเราอยู่หน้าจอคอมไม่ได้เช็คจอมือถือ ถ้ามีแจ้งเตือนอะไรก็จะเด้งไปแสดงบนจอคอม Windows PC หรือพิมพ์แช็ตส่งข้อความด้วยคีย์บอร์ดคอมได้เลย
Omoji จับใบหน้าได้ 77 จุด พร้อมสไตล์ตกแต่งกว่า 200 รูปแบบ
ราคาเริ่มต้นเพียง 39,990 บาท วางจำหน่ายที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ
OPPO Enco X2 ที่สุดของหูฟังไร้สายพรีเมียม คุณภาพระดับสตูดิโอ
การออกแบบ OPPO Enco X2 ดีไซน์โค้งมน สวยงาม ใส่แล้วเข้ากับเครื่องแต่งกาย สี Frosty White ให้ความรู้สึกผ่อนคลายในตอนเช้าของฤดูหนาว
รองรับระบบเสียง Super DBEE และ Coaxial dual-driver five-magnet sound system โดยพัฒนาร่วมกับ Dynaudio ให้เสียงระดับไฮเอนด์ รองรับ Hi-Res Audio Wireless ถึงแม้จะเป็นหูฟังไร้สาย แต่ได้ยินรายละเอียดเสียงแบบไม่ถูกลดทอน เสียงคมชัดด้วย Golden Sound Boost
นอกจากนี้ ยังมีระบบตัดเสียงรบกวนด้วย Ultra-wideband และ ultra-deep active noise control (ANC) ที่พัฒนาต่อยอดให้ลดเสียงรบกวนได้ทุกเวลาที่ต้องการ รวมถึง wind noise control ช่วยลดเสียงลมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถใช้งานได้ทุกสถานที่ คุยโทรศัพท์ ประชุม ได้ทุกที่จริงๆ
และแบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 40 ชั่วโมง พร้อมระบบชาร์จไว สามารถเล่นเพลงได้ถึง 2 ชั่วโมง จากการชาร์จเพียง 5 นาที และยังรองรับการชาร์จแบบไร้สายอีกด้วย
อีกปัญหาของผู้ใช้คือ ความสะอาดของหูฟัง OPPO Enco X2 ได้ติดตั้งจุกหูฟังป้องกันแบคทีเรียและขี้หูโดยเฉพาะ ทำความสะอาดง่าย และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในหู จากการสวมใส่เป็นเวลานาน ซึ่งหลายๆ คนเจอปัญหานี้กับหูฟังในทุกรุ่น เวลาใช้นานๆ