OPPO อวดโฉมสมาร์ทโฟน 5G OPPO Reno7 Z 5G ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด กับโหมด Bokeh Flare Portrait เบลอฉากหลัง เห็นไฟโบเก้สวยๆ ให้คุณเป็นตัวเองได้ไม่จำกัด ด้วยพอร์ตเทรต
OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อม RAM 8GB ROM 128GB ดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Ultra-Slim Retro Design แบบใหม่ ขอบเหลี่ยม บางเบา และเทคนิคการเคลือบสีผสานกับ OPPO Glow อวดดีไซน์ที่ระยิบระยับ และเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังมี Dual Orbit Lights ไฟล้อมรอบกล้องหลักทั้ง 2 ตัว โดยจะมีไฟติดสว่างตามการใช้งาน ในสถานการณ์ต่างๆ เปิดราคาที่ 12,990 บาท ซึ่งร้อนระอุในกลุ่มมือถืองบหมื่นต้น
จุดเด่นของ OPPO Reno7 Z 5G คือเป็นมือถือที่รองรับ 5G ถ่ายภาพ วีดีโอสวย มาพร้อมฟีเจอร์ช่วยถ่ายภาพครบครัน แบบเครื่องเดียวจบ รันบน ColorOS 12 พร้อม Omoji, Air Gestures, Anti-Peeping for Notifications ซึ่งอัดมาให้เต็มล้นเกินราคาจริงๆ
OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อม กล้องหลัก 64MP (High-Res) กล้อง Depth 2MP และกล้อง Macro 2MP แต่ไม่มีเลนส์ Ultra-Wide ให้ ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP
The Portrait Expert กับที่สุดของการถ่ายพอร์ตเทรต
ตอกย้ำ OPPO Reno Series เทพพอร์ตเทรต มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ อัปเกรดฟีเจอร์ใหม่ ให้ถ่ายรูปสวยแบบมืออาชีพ โดยมีความฉลาดของ AI เก่งขึ้น ตัดขอบต่างๆ ได้เนียนขึ้น พัฒนาดีขึ้น ตัวแบบดูโดดเด่นขึ้นมาเลย
Bokeh Flare Portrait ถ่ายพอร์ตเทรตเหมือนกล้อง DSLR เพิ่มความสว่างให้แก่ตัวแบบ พร้อมเบลอพื้นหลังและเพิ่มดวงไฟโบเก้อัตโนมัติ ได้ภาพสวยๆ ไม่ง้อกล้องใหญ่ โดยรองรับทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง เรื่องเส้นผมที่จากเดิมเคยเบลอไม่เนียน ตอนนี้พัฒนาการตรวจจับเส้นผม รีทัชได้เนียน ไม่เบลอพลาดโดนเส้นผม ทำได้สวยและเป็นธรรมชาติมากๆ นอกจากนี้ ในขณะใช้ Bokeh Flare Portrait ยังใช้ Portrait Retouching ซ้อนทับได้ หน้าสวยเนียนไปอีก
บางภาพ หากซูมเข้าไปจะเห็นการเบลอขอบที่เพี้ยนอยู่เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าทำได้ดีมากๆ ในกลุ่มราคานี้ และทำได้ดีกว่า เก่งกว่าแต่ก่อนเยอะเลย สิ่งที่ชอบคือ ไม่ใช่แค่การเบลอฉากหลัง ทำโบเก้ แต่เป็นการไล่ระยะออกไป ทำให้ตัวแบบโดดเด่นเหมือนสายตาเราเห็น ไม่ลอยโดดออกมา ฉากที่ถ่ายมูลี่ ปรากฎว่าถ่ายได้สวยเลย กล้องเล่นกับแสงทำโบเก้ จากมู่ลี่ที่อาจจะไม่สวย กลับกลายเป็นฉากสวยๆ ให้เรา จากที่เคยหลบมูลี่ เป็นวิ่งเข้าใส่เลย
กล้องหน้าก็ทำโบเก้อย่างสวย อะไรที่รกรุงรังด้านหลังก็กลายเป็นเม็ดโบเก้สวยงาม ในภาพนี้ใช้ Portrait Retouching ทำให้หน้าเนียน ผิวสวยได้ด้วย
ลองเอาโหมด Portrait มาถ่ายอาหาร ได้ภาพสวยเลย ไล่ระยะสวย ภาพอาหารชัด ตัดขอบดี
เข้าเมนูกล้อง – Portrait – ฟิลเตอร์ – Bokeh Flare Portrait
Bokeh Flare Portrait เวลากลางคืน ทำออกมาได้ดี เก็บรายละเอียดทำโบเก้สวยๆ ได้
บางภาพรู้สึกว่าติดอมแดงไปหน่อย แต่โดยรวมทำได้ดีมากๆ ในเวลากลางคืน กับมือถืองบหมื่นต้น
Portrait Retouching แบบอัปเกรด มาพร้อมเอฟเฟกต์การปรับแต่งใบหน้า โดยระบุจุดสำคัญบนใบหน้า สูงสุดถึง 373 จุด ในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอพอร์ตเทรต ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง ผิวสวย หน้าเนียน ตาโต ลบรอยสิว แผลเป็นจากสิว จุดด่างดำ รวมไปถึงสามารถระบุ เพศ เชื้อชาติ อายุ รีทัชหน้าให้เหมาะสมกับบุคคล ไม่ได้ขาวเว่อร์ นอกจากนี้ยังใช้ในโหมดวีดีโอ ตื่นนอนปุ๊บ กดถ่ายได้เลยแม้หน้าสด ไม่ได้แต่งหน้า หรือหน้าไม่พร้อม ปรับความเนียนใบหน้าให้พร้อมออกกล้องได้ทันที ไม่ต้องวิ่งหนีกล้องตอนหน้าสดแล้ว
เอกลักษณ์ของ OPPO คือ ดึงแววตาได้สวย ทำให้ได้ภาพที่สื่ออารมณ์เหมือนเจ้าของภาพอยู่ตรงหน้าเราจริงๆ ได้ภาพสวย เป็นธรรมชาติ หน้าไม่ลอย
เข้าเมนูกล้อง – Camera – โหมด Portrait กดที่ไอคอน beauty
Selfie HDR เซลฟี่ได้สว่าง คมชัด แม้ในที่แสงน้อย หรือย้อนแสง เก็บรายละเอียดของใบหน้าและพื้นหลังได้อย่างชัดเจน ทำให้หน้าไม่มืด ฉากหลังสว่าง แต่ทำได้เหมือนที่สายตาเราเห็น คือใบหน้าสว่างคมชัด ฉากหลังก็ยังสว่างแบบเป็นธรรมชาติ
ภาพนี้ถ่ายย้อนแสงด้วยกล้องหน้า สังเกตว่ายังเห็นภาพในกระจกด้านหลังครบถ้วนเลย หน้าเราขาว สว่าง ด้านหลังก็ยังสว่าง เห็นได้ชัดเจน
หากถ่ายบน Portrait Mode สามารถใช้ Selfie HDR และ Bokeh Flare Portrait ไปพร้อมๆ กันในโหมดนี้ได้เลย
เข้าโหมดกล้อง – Photo – HDR On
ส่วนการถ่ายภาพทั่วไป – ภาพอาหารทำได้ดี ดึงสีอาหารมาได้น่ารับประทาน
AI Color Portrait ปรับพื้นหลังให้เป็นสีขาวดำ ดึงความสนใจให้ตัวแบบเด่นชัดขึ้น โดยใช้ได้เฉพาะการถ่ายภาพนิ่งด้วยกล้องหน้าเท่านั้น แต่แนะนำถ่ายพอร์ตเทรต 1 คนในฉาก
AI Palettes มีสไตล์ภาพในรูปแบบต่างๆ ให้เลือก เรโทร สไตล์ญี่ปุ่น ภาพยนตร์ และวินเทจ ลองเอาภาพที่ถ่ายมาปรับตามสไตล์ต่างๆ ได้อารมณ์ไปอีกแบบ
การปรับแต่ง ให้เปิดรูปขึ้นมา จากนั้นเลือก แก้ไข เลือกเมนู AI Palettes เลือกโมดูล Mars, Gothic และ Red Orange
AI Scene Enhancement ปรับความอิ่มตัวของสี และ Contrast กว่า 23 ฉาก โดยใช้ AI ช่วยระบุฉากในขณะถ่ายภาพ บอกเลยว่าถ้าวันไหนไปถ่ายแล้วฟ้าไม่เป็นใจ โหมดนี้ช่วยชีวิตได้เยอะเลย
โดยในโหมดนี้ จะปรับภาพ ท้องฟ้า สีสัน ให้เหมาะสมกับสิ่งของ สภาพแวดล้อมที่เราถ่าย
Ultra-Clear 108MP Image ถ่ายภาพ High-Res ความละเอียดสูง 64MP มีเมนู 64MP ให้เลือกตอนถ่ายรูป โดยถ่ายภาพความละเอียดสูงถึง 108MP โหมดนี้รองรับเฉพาะกล้องหลังเท่านั้น
Dual-View Video สายถ่าย Vlog ต้องชอบแน่นอน ถ่ายวีดีโอกล้องหน้าและกล้องหลังพร้อมกัน สลับกล้องหน้าและกล้องหลังได้อย่างรวดเร็ว โดยเข้ากล้อง Photo – More – Dual-View Video สามารถถ่ายวีดีโอ 1x 2x และ 5x
ตัวอย่างภาพถ่าย
ดีไซน์ตัวเครื่อง
หน้าจอ OLED display ขนาด 6.4 นิ้ว สีสันสดใส สว่าง คมชัดดี อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่อง 90.8% อัตรา Refresh Rate 60Hz รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ ตรงนี้แอบเสียดายเรื่องหน้าจออยู่เหมือนกัน เพราะได้ Refresh Rate เพียงแค่ 60Hz ปรับแต่งเป็น 90Hz ไม่ได้ รองรับ Netflix Widevine DRM L1 แต่มีลำโพงตัวเดียว
ดีไซน์ตัวเครื่องขอบเหลี่ยม บาง แต่ยังจับได้ถนัดมือ
ฝาหลังใช้กระบวนการการเคลือบ 2 ชั้นและพื้นผิว 3 เลเยอร์ และ OPPO Glow ทำขึ้นเพื่อช่วยให้ฝาหลัง ทั้งสีรุ้ง Rainbow Spectrum และ Cosmic Black มีพื้นผิวแบบด้าน แต่ยังคงมีความเปล่งประกายระยิบระยับ Ultra-Slim Retro Design
โดยสี Rainbow Spectrum บาง 7.55 มม. น้ำหนัก 173 กรัม และสี Cosmic Black บาง 7.49 มม.
สี Rainbow Spectrum ใช้เทคนิคการเคลือบ 2 ชั้น ไล่เฉดสีสะท้อนแสงตอนที่เอียงตัวเครื่องในองศามุมต่างๆ ปรึซึ่มสีรุ้ง ส่องสะท้อนสีชมพู ม่วง เขียวมิ้นต์ และชอบตรงที่แถมเคสใสมาในกล่องด้วย
ไฟ Dual Orbit Lights ตรงเลนส์กล้อง แบบ Dual-Ring ปกติจะพบได้ในรุ่น Pro แต่ทาง OPPO ให้มากับรุ่นหมื่นต้นนี้ด้วย โดยกระพริบหรือส่องแสงเป็นสีน้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู ตามสถานการณ์ต่างๆ เช่น เมื่อโทรศัพท์เปิดเครื่อง ขณะชาร์จ รับสายเรียกเข้า หรือการแจ้งเตือนที่ยังไม่ได้อ่าน รวมถึงการเปิดเกม (ต้องตั้งค่าก่อน โดยเข้าไปที่ settings – Personalizations – Breathing Light – กดเปิด Breathing Light
ประสิทธิภาพ
ในกล่องให้อะแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC™ หัวแบบ USB-A ชาร์จแบตเตอรี่ ความจุ 4500mAh ถึง 100% ภายในเวลาเพียง 63 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยได้ถึง 3 ชั่วโมง
ชิป Qualcomm® Snapdragon™ 695 5G Mobile Platform 6nm ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีเยี่ยม และการรองรับการใช้งานได้ยาวๆ เพราะจัดการการใช้พลังงานที่น้อยลง
รองรับการใช้งาน 5G ทั้ง SA และ NSA ตอนนี้มือถือราคาหมื่นต้น รองรับการใช้งาน 5G ได้ดีแล้ว
RAM Expansion ขยายแรมแบบชั่วคราว จาก 8GB เพิ่มได้สูงสุด 5GB ทำให้ใช้แอปหลายๆ ตัวพร้อมกัน สลับแอปได้ลื่นๆ (เมื่อตั้งค่าแล้วให้ปิดเปิดเครื่องใหม่ก่อนใช้งาน)
ฟีเจอร์สำหรับการเล่นเกม
รองรับการเล่น RoV High Frame-Rate ลื่นๆ เลย
AI System Booster มี AI Frame Rate Stabilizer ช่วยให้เฟรมเรตคงที่
Quick Startup เล่นเกมไหนบ่อยที่สุด ทำงานเบื้องหลัง
Game Focus Mode
ปิดการแจ้งเตือน ข้อความ และสายเรียกเข้า โดยเข้าไปที่ Games – More – เปิดใช้งาน Game Focus Mode
OPPO Omoji
อีโมจิ 3 มิติ บน ColorOS 12 เป็นอวาตาร์อีโมจิ จากที่ทดลองใช้พบว่า ตรวจจับการกระพริบตา การแสดงอารมณ์บนใบหน้าได้เป็นธรรมชาติ ขยิบตา รอยยิ้ม สร้างอีโมจิได้ง่ายมากๆ
ผ่อนคลายด้วย O Relax
มีเสียงให้รู้สึกผ่อนคลาย ฝึกสมาธิ นอนหลับได้ดีขึ้น มาพร้อม The Sounds of the Cities, White Noise Customization และเกมคลายเครียด
Air Gestures มือไม่ว่างจิ้มหน้าจอ ใช้โบกบนหน้าจอแทนได้
มือเลอะไก่ ข้าวเหนียว หรือทำขนม โบกมือโดยไม่ต้องแตะหน้าจอให้เลอะ ปัดมือเลื่อนจอขึ้นลง (รองรับแอป Facebook, Tiktok, IG, YouTube) รับสายผ่านโทรศัพท์ (ไม่ใช่รับสาย LINE หรือ Messenger) หรือปิดเสียง โดยโบกมือเหนือหน้าจอ จากที่ลองใช้ สะดวกดี แต่จะต้องฝึกฝนสักหน่อย เข้าไปตั้งค่า setting – system settings – Gestures & Motions – Air Gestures
ส่วนตัวชอบการออกแบบไอคอนของ ColorOS 12 มาก จัดระเบียบเป็นแบบ 3D สวย เรียงลำดับเมนูเข้าใจง่าย มือใหม่ก็ใช้ได้ เข้าใจได้ไม่ยากเลย
โดยรวมประทับใจมือถือหมื่นต้นที่ทำได้น่าทึ่งมากๆ กับการถ่ายภาพ เบลอฉากหลังโบเก้สวยๆ ไม่น่าเชื่อว่านี่คือมือถือหมื่นต้น แต่น่าเสียดายตรงลำโพงตัวเดียวและจอ 60Hz นอกนั้นดีงามสุดๆ ถ้าใครเน้นถ่ายภาพ วีดีโอ จัดไปได้เลย เล่นเกมก็ลื่นๆ ความสามารถเกินตัวจริงๆ สำหรับ OPPO Reno7 Z 5G วางขายในราคา 12,990 บาท
นอกจากนี้ ขอแนะนำ หูฟังไร้สาย OPPO Enco Air2 ตัวใหม่ล่าสุด ในราคา 1,999 บาท ดีไซน์เคสโปร่งแสงที่แปลกตากว่าแบรนด์อื่นๆ ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะรุ่นนี้เลย และด้วยพลังเสียงของ OPPO บนเทคโนโลยี Blu-ray ที่มาพร้อมกับ 13.4 mm composite tetanized diaphragm driver ทำให้ได้หูฟังไร้สายเสียงดีๆ ในราคาประหยัด
นาฬิกา OPPO Watch Free ติดตามการนอนหลับ ด้วย OSleep วัดค่า Sp02 แบบต่อเนื่อง ประเมินความเสี่ยงอาการนอนกรน หลายๆ คนน่าจะชอบฟีเจอร์นี้ พร้อมจอแสดงผลขนาดใหญ่ สวมใส่สบาย ในราคา 2,999 บาทเท่านั้น
เรียกได้ว่า OPPO Reno7 Z 5G เป็นตัวจบของ The Portrait Expert ที่น่าจับตาในช่วงราคาหมื่นต้น แต่ก็มีจุดนึงที่ต้องถามใจตัวเองว่ารับได้หรือเปล่าเรื่องจอ 60Hz กับลำโพงเดียว นอกนั้นแทบไม่มีอะไรให้ติเลย
สำหรับใครที่สนใจ สามารถจองสินค้าได้แล้ววันนี้ถึงวันที่ 3 – 16 มีนาคม 2565 ของมูลค่ารวม 7,499 บาท โดยผู้จองจะได้รับ E-VIP CARD ประกันจอแตกและประกันตัวเครื่อง OPPO SPORTS BAG