จากความสำเร็จของ Galaxy S8 & S8 Plus เมื่อปีที่แล้ว ทำให้อุ้มคาดหวังกับ Galaxy S9 อยู่พอสมควรค่ะ เพราะมีหลายอย่างที่ดีอยู่แล้ว ถ้าเสริมอะไรเข้าไปอีกนิดหน่อย น่าจะทำให้เรือธงประจำต้นปีของ Samsung กินขาดหลายๆรุ่นมากขึ้น และคิดว่าหลายๆคน น่าจะรอเจอตัวจริงอยู่ ไปเริ่มกันเลยค่ะ
[RE] DESIGN
จะใช้คำว่า Redesign ซะทีเดียว ก็คงจะไม่ถูกต้องนัก เพราะอย่างที่หลุดๆกันมา คือเจ้า S9 & S9Plus หน้าตาคล้ายเดิมมาก คือถ้าจะถามว่าว๊าวมั้ย ก็คงไม่ว๊าวเหมือนปีที่แล้ว แต่ถามว่าสวยมั้ย ก็คงต้องบอกว่า สวยเหมือนเดิม โดยมากับหน้าจอแบบ Infinity Display เป็น Quad HD+ sAMOLED โดยมีขนาดหน้าจอที่ต่างกัน คือ
-
Galaxy S9 มากับหน้าจอขนาด 5.8 นิ้ว
-
Galaxy S9 Plus มากับหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว
ขนาดและน้ำหนัก ไม่แตกต่างจากเดิม แต่มีการเปลี่ยนแปลงบางจุดดังนี้
-
ย้ายที่สแกนลายนิ้วมือไปอยู่ใต้กล้อง ช่วยให้เราสแกนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ค่อยไปโดนเลนส์กล้องแล้ว 555 แต่ถามว่ามันอยู่ในตำแหน่งที่ดีมั้ย ส่วนตัวก็ยังคิดว่ายังสแกนลำบากอยู่หน่อยๆค่ะ
-
ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่อง ใช้วัสดุเป็นกระจกเหมือนเดิม โดยเจ้า S9&S9Plus จะใช้กระจก Gorilla Glass 5 และโครงรอบๆ จะเป็น Aluminum Series 7 ซึ่งถือว่าเป็น Galaxy ตัวแรก ที่ใช้วัสดุแบบนี้ แข็งแรงมากยิ่งขึ้น
-
หน้าจอกับขอบ เป็นเนื้อเดียวกันมากยิ่งขึ้น เพราะมีการเคลือบฟิล์มที่ทำให้หน้าจอเป็นสีดำสนิท ทำให้จากเดิมที่เราเห็น sensor เยอะแยะมากมายด้านบนของหน้าจอ กับ S9 ก็ไม่ค่อยเห็นแล้วค่ะ แต่ตัวฟิล์มตัวนี้ ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยป้องกันการขีดข่วนของหน้าจอเพิ่มมากขึ้นนะคะ ใส่มาเพื่อความสวยงามล้วนๆ
[RE] IMAGINED
ตอนนี้การแข่งขันเรื่องกล้องของสมาร์ทโฟนเรือธง รุนแรงมากเลยนะคะ เอาเป็นว่าใครไม่กล้องคู่ นี่ถือว่าแอบเชยหน่อยๆ แต่เรื่องกล้องของตระกูล S ถือว่าทำได้ดีมากๆ มาตั้งแต่สมัย S8 คอนเซปของกล้องใน Galaxy S9 เลยจะเน้นไปที่การ Re-imagined หรือคิดแบบใหม่ค่ะ
การคิดใหม่นี้ เป็นการคิดในมุมลูกค้า ที่ไม่ได้ใส่แค่ความชัดเข้ามาเพียงอย่างเดียว สิ่งแรกที่ทำให้อุ้มรู้สึกชอบมาก คือการใส่ Dual Aperture เข้ามา ตามมาด้วย AR Emoji และ Super Slow Motion เดี๋ยวมาเล่าคร่าวๆ กันก่อนนะคะ ไว้มีโอกาสเล่นแบบเต็มๆอีกครั้ง จะมาเล่าแบบจัดเต็มอีกครั้งนึง
Dual Aperture
-
กล้องตัวหลักของ S9 & S9 Plus จะมีค่ารูรับแสงถึงสองค่า คือ 1.5 และ F2.4
-
ในโหมดออโต้ ตัวกล้องจะเป็นคนเลือกค่ารูรับแสงให้อัตโนมัติ ปรับตามสภาพแวดล้อม เช่น เวลาเราถ่ายในที่แสงน้อย กล้องจะเลือกใช้ค่า 1.5 เพื่อให้รูรับแสงมีความกว้างมากที่สุด ภาพของเราก็จะสว่างมากยิ่งขึ้นด้วย
-
ในโหมดโปร เราจะเลือกได้ว่า จะใช้ค่า F ที่ 1.5 หรือ 2.4 ปรับได้เอง ซึ่งดีงามมาก เพราะแทบไม่เห็นกล้องมือถือตัวไหนทำได้มาก่อนค่ะ
-
มี Dual OIS ในกล้องหลังของ S9 Plus ทั้งสองตัว โดย Dual Aperture จะอยู่ที่เลนส์ตัวหลัก ก็คือเลนส์ Wide นั่นเอง
Super Speed Dual Pixel Sensor
-
มีการปรับให้ Sensor สามารถจับภาพได้ไวมากยิ่งขึ้น
-
ในที่แสงน้อย ตัวกล้องจะถ่ายภาพ 4 ชุด รวมกันทั้งหมด 12 ภาพ ทำให้ลด Noise ลดลงถึง 30%
-
สว่างคมชัดมากยิ่งขึ้น
AR Emoji
-
เป็นการสร้าง Emoji ขึ้นมาด้วยใบหน้าของเรา สแกนตา จมูก ปากของเรา แล้วแปลงเป็น Emoji
-
จะ Create เป็นไฟล์ GIF เริ่มที่ 18 Actions และต่อไปจะทำได้ที่ 54 Actions
-
สามารถสร้างได้สูงสุด 100 Characters
-
Export เป็นวิดีโอ หรือ Jpeg ได้ด้วย
960 fps Super Slow Motion
-
มีระบบ Auto Motion Detect ทำให้เราถ่ายวิดีโอแบบปกติ แต่กล้องจะขึ้นกรอบมาให้ ถ้ามีวัตถุผ่านกรอบนี้ จะทำให้เกิดการ Slow Motion ทันที
-
ถ่ายได้ shot ละ 2 วิ แปลงเป็น 63 วิ ให้คุณภาพวิดีโอแบบ HD
-
เมื่อถ่ายเสร็จแล้ว จะใส่ Random Background Music มาให้ สามารถมาตัดต่อทีหลังได้เลยค่ะ
สำหรับเรื่องกล้อง อุ้มอยากเอามาเล่าอีกที ตอนเล่นสักพักแล้วดีกว่านะคะ ว่าเป็นยังไงบ้าง แต่สิ่งที่ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ลองถ่ายเลยคือ สีสดขึ้นมาก คือถ่ายยังไง ก็สวย ก็แบ๊ว ยิ่งกล้องหน้านี่แบบ มีโหมดน่ารัก สดใหม่ ชวนฝัน อะไรแบบนี้ให้เลือกเต็มไปหมด แต่กล้องของ S9 และ S9 Plus จะมีความแตกต่างกันนิดหน่อยดังนี้ค่ะ
Galaxy S9 : มากับกล้องหลังตัวเดียว ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล แต่ใส่ Dual Aperture มาด้วย ปรับแต่งค่า F ได้ กล้องหน้าความละเอียด 8MP เท่าเดิมนะคะ
Galaxy S9 Plus : มากับกล้องหลังแบบคู่ ตัวหลักเป็นเลนส์ Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มี Dual Aperture และเลนส์ Tele ความละเอียด 12MP F2.4 กล้องหน้า 8MP ค่ะ แต่ว่าตัว S9 Plus จะมี Live Focus ทำหน้าชัดหลังเบลอ ตัวเล็กจะไม่มีนะคะ
ก่อนจะไปดูเรื่องอื่นกันต่อ มาดูตัวอย่างภาพกันเป็นน้ำจิ้มกันเล็กน้อยนะคะ
ภาพจากกล้องหน้า
ภาพจากกล้องหลังแสงในห้อง โหมด Live Focus
ภาพจากกล้องหลังแสงน้อย โหมด Live Focus
ภาพจากกล้องหลังแสงในผับ โหมด Live Focus
[RE] THINKING
ในส่วนนี้อุ้มจะขอสรุปเรื่องอื่นๆ ที่มีการเพิ่มเติมเข้ามาใน S9 & S9 Plus ที่ช่วยทำให้ชีวิตเราง่ายยิ่งขึ้น มีหลายเรื่องเหมือนกัน ดังนี้ค่ะ
1.Intelligent Scan
-
สามารถใช้ Face Recognition คู่กับ Iris Scanner ได้ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนใส่แว่นตานะคะ Iris มันชอบสแกนไม่เข้า โดยที่ตัวมือถือจะเป็นตัววัดเองว่า จะใช้อันไหนเป็นตัวสแกน เช่น ในที่แสงน้อย จะใช้การสแกนม่านตาเพราะทำได้ดีกว่า อะไรแบบนี้
-
ในฟังก์ชั่นที่ต้องการเรื่อง Security สูงๆ จะสแกนทั้งคู่เลยค่ะ เพื่อความปลอดภัย
2.ลำโพงแบบ Dual Stereo
-
ลำโพง Stereo คู่ Tuned โดย AKG
-
รองรับ Dolby Atmos
3.รองรับเทคโนโลยี Giga LTE รองรับความเร็วสูงสุด 1.2 Gbps
4.ผ่านมาตรฐาน IP68 กันน้ำกันฝุ่นเหมือนเดิม
5.ใช้ชิปประมวลผล Exynos 9810 ให้แรมมา 4GB สำหรับ S9 และแรม 6GB สำหรับ S9 Plus
6.เพิ่มเมมได้สูงสุดถึง 400 GB
7.ถ่ายวิดีโอแบบ UHD Videos และใช้เทคโนโลยีบีบอัดไฟล์แบบ HEVC
8.แบตเท่าเดิม คือ 3,000 mAh สำหรับ S9 และ 3,500 mAh สำหรับ S9 Plus รองรับการชาร์จเร็วและชาร์จไร้สาย
[RE] SUMMARY
จากปรากฏการณ์ในปีที่แล้ว S8 Plus น่าจะเป็นมือถือรุ่นนึง ที่อุ้มทำให้คนซื้อตามได้มากที่สุด ทั้งเพื่อน ทั้งแม่ ทั้งแฟนเพจ ซึ่งมันดีและน่าเชียร์จริงๆ แบบไม่มีเงื่อนไขใดๆ จนมาถึง S9 ในปีนี้ ถ้าใช้ S8 & S8 Plus อยู่ ควรจะเปลี่ยนมาใช้มั้ย บอกตอนนี้เลยว่า ยังตอบไม่ได้ค่ะ
อย่างแรกเลยคือ ถือแล้วอาจจะแยกไม่ออก ว่าเราถือ S8 หรือ S9 อยู่ อย่างที่สองคือ ฟังก์ชั่นที่เพิ่มเติมขึ้นมา เราได้ใช้งานมันมั้ย? …
สำหรับอุ้ม สิ่งที่คิดว่าทำได้ดีขึ้น จนต้องซื้อ คือ กล้องทั้งด้านหน้าและด้านหลัง | การสแกนที่รวม Face & Iris และการใช้งานร่วมกับ Samsung DeX Pad ตัวใหม่ ที่พอเสียบใช้ปุ๊ป จะกลายร่างเป็นเมาส์ และคีย์บอร์ดทันที
หลังจากที่เปลี่ยนไปถือรุ่นอื่นอยู่นาน ทำให้คิดถึงความ Smart Thing ของ Samsung อยู่เหมือนกันค่ะ เช่นการเดินเข้าไปในห้องนอน แล้วเอามือถือของเราขึ้นจอได้เลย โดยไม่ต้องเสียบสายอะไรเพิ่ม นี่คือความคิดถึง และความสะดวกสบายที่อุ้มอยากได้กลับมา
วันนี้อุ้มขอฝากรีวิวแรก ของ Samsung Galaxy S9&S9 Plus ไว้เพียงเท่านี้ ถ้ามีคำถามอะไร ก็สอบถามกันมาได้เลยนะคะ ไว้จะเอามาเทียบกับ iPhone X ให้อีกครั้งเร็วๆนี้ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า