รู้ไหมว่า สมาร์ทโฟนของคุณ ทั้ง iPhone Samsung Huawei OPPO และ Xiaomi สามารถตั้งค่าให้ใช้งาน SOS ขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ โดยมีปุ่มลัด SOS ที่สั่งให้โทรออก หาเบอร์ตำรวจ หรือบุคคลใกล้ชิดได้
อัพเดตบทความ กุมภาพันธ์ 2563
ในเหตุการณ์ไม่ปกติ เราสามารถตั้งค่ามือถือ ให้เรียกคำสั่งด่วน SOS แจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยมี 2 แบบ คือ การแจ้งเตือนภัยพิบัติ เช่น Google มีบริการ SOS Alerts แจ้งเตือน SOS ในกรณีฉุกเฉิน ช่วงที่เกิดภัยพิบัติจากธรรมชาติและจากฝีมือมนุษย์ โดย Google รวบรวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องและเชื่อถือได้จากเว็บ โซเชียลมีเดีย ตลอดจนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Google เพื่อใช้แจ้งเตือน โดยข้อมูลก็มาจาก เวลาที่เกิดเหตุการณ์ โดยคนที่ทราบข่าว มักจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก Google Search และ Google Maps ทำให้ Google รู้ว่ามีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ
ล่าสุด เหตุกราดยิงโคราช Google ได้ทำ SOS Alert แจ้งเตือนเส้นทาง ผ่าน SOS Alert บน Google Maps
จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นในหลายจุด Google ได้ทำ SOS Alert เพื่อช่วยให้ทุกท่านสามารถหาข้อมูลอัพเดทเรียลไทม์ได้ โดยการค้นหาคำว่า “ระเบิด” หรือหาข้อมูลผ่าน Google Search และ Google Maps pic.twitter.com/vDtO0InFV8
— Google Thailand (@GoogleThailand) 2 สิงหาคม 2562
ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์กราดยิงที่โคราช และสำหรับท่านที่อยู่บริเวณใกล้เคียง โปรดตรวจสอบการแจ้งเตือนเส้นทางผ่าน SOS Alert บน Google Maps เพื่อความปลอดภัย pic.twitter.com/fdFOM9yMcT
— Google Thailand (@GoogleThailand) February 8, 2020
อีกรูปแบบหนึ่งก็คือ การแจ้งขอความช่วยเหลือฉุกเฉินจากตำรวจ กู้ภัย หรือบุคคลใกล้ชิด เมื่อเกิดอันตรายกับเรา แต่บางครั้งเราอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถยกหูโทรหาตำรวจได้ตามปกติ ณ ขณะนั้น เช่น ถูกจี้ – ปล้น
มีเหตุกราดยิง แท็กซี่ขับพาอ้อม ไปที่เปลี่ยว ไม่ปลอดภัย ก็สามารถแอบกดคำสั่งลัดบนมือถือเพื่อถ่ายรูป บันทึกเสียง ส่ง Location หาตำรวจหรือคนสนิท หรือญาติเราได้
มือถือทุกแบรนด์ iPhone, Huawei, OPPO, Samsung และ Xiaomi มีเมนูคำสั่ง SOS ฉุกเฉิน
โดยเข้าไปตั้งค่า SOS ที่เมนูการตั้งค่า แล้วบอกคนใกล้ชิดไว้ ว่าเราจะใส่เบอร์โทรเขาไว้เพื่อติดต่อฉุกเฉิน เพื่อให้คนใกล้ชิดกับเราทราบว่าถ้ามีเหตุการณ์ผิดปกติกับเรา อยู่ๆ หากเราโทรหา แล้วมีเสียงปลายสายแปลกๆ หรือรับสายแล้วเราไม่คุย แต่มีเสียงแปลกๆ รู้สึกได้ว่าเหตุการณ์ไม่ปกติ จะมี SMS / รูปภาพ วีดีโอ ส่งไปให้ ขอให้แจ้งตำรวจให้ด้วย
หลักการทำงาน
เมื่อคุณตั้งค่า SOS ไว้ หากกดเข้าคำสั่ง SOS ฉุกเฉิน มือถือของคุณจะต่อสายโทรหาหมายเลขบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ (อย่ากดเล่น) มือถือบางแบรนด์สามารถเลือกโทรแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือเรียกรถพยาบาลได้ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มรายชื่อติดต่อฉุกเฉินได้อีกด้วย
วิธีใช้ SOS ฉุกเฉินบน iPhone
เพื่อนๆ สามารถใช้ SOS ฉุกเฉิน โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ และส่งการเตือนไปยังรายชื่อติดต่อฉุกเฉินได้ โดยสามารถแจ้งตำแหน่ง location แจ้งผ่านตัวอักษร กรณีที่เราไม่สะดวกโทร
iPhone 8 หรือใหม่กว่า
หากอยู่ในสถานการณ์วิกฤต สามารถโทรบริการฉุกเฉินได้โดย
- กดปุ่มด้านข้าง และปุ่มปรับระดับเสียง (ปุ่มใดปุ่มหนึ่ง) ค้างไว้ จนกว่าแถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินจะปรากฏขึ้น
- ลากแถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินเพื่อต่อสายบริการฉุกเฉิน
- หากคุณไม่ลากแถบเลื่อน แต่กดปุ่มด้านข้างและปุ่มปรับระดับเสียงค้างไว้ต่อไปแทน ระบบจะเริ่มนับถอยหลังและส่งเสียงเตือน
- หากคุณกดปุ่มทั้งสองค้างไว้จนการนับถอยหลังจบลง iPhone ของคุณจะต่อสายบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ
iPhone 7 หรือก่อนหน้า
- กดปุ่มด้านข้าง (หรือด้านบน) 5 ครั้งอย่างรวดเร็ว
- แถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินจะปรากฏขึ้น
- ลากแถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินเพื่อต่อสายบริการฉุกเฉิน
- หลังจากวางสายแล้ว iPhone จะส่งข้อความ SMS ที่มีตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของคุณไปให้รายชื่อติดต่อฉุกเฉินของคุณ (กดยกเลิกได้)
- หากปิดบริการหาตำแหน่งที่ตั้ง ระบบจะเปิดคุณสมบัตินี้ชั่วคราว หากตำแหน่งที่ตั้งของคุณมีการเปลี่ยนแปลง รายชื่อเหล่านั้นจะได้รับข้อมูลอัพเดท และคุณจะได้รับการแจ้งเตือนในอีกประมาณ 10 นาทีถัดมา
หมายเหตุ : หากคุณใช้ปุ่มลัด SOS ฉุกเฉิน คุณจะต้องป้อนรหัสของคุณเพื่อเปิดใช้งาน Touch ID อีกครั้ง แม้ว่าคุณจะต่อสายหาบริการฉุกเฉินไม่สำเร็จก็ตาม
วิธีเพิ่มรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน
- เปิดแอพสุขภาพ และแตะรูปโปรไฟล์ของคุณ
- แตะ ID ทางแพทย์
- แตะแก้ไข แล้วเลื่อนไปยังรายชื่อฉุกเฉิน
- แตะปุ่มเพิ่ม เพื่อเพิ่มรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน
- แตะที่รายชื่อ แล้วเพิ่มความสัมพันธ์ของรายชื่อนั้น
- แตะเสร็จสิ้น เพื่อบันทึกการเปลี่ยนแปลงคุณไม่สามารถตั้งค่าบริการฉุกเฉินต่างๆ เป็นรายชื่อ SOS ได้
ใช้ SOS ฉุกเฉินใน Apple Watch
Apple Watch มีแบบใส่ซิม และไม่รองรับซิมการ์ด
คุณสมบัติ SOS ฉุกเฉิน เพื่อนๆ สามารถโทรแจ้งขอความช่วยเหลือและแจ้งเตือนไปยังรายชื่อติดต่อฉุกเฉิน ของเพื่อนๆ ได้
วิธีการทำงาน
เมื่อคุณโทรออกด้วย SOS ฉุกเฉิน Apple Watch ของคุณจะโทรหาบริการฉุกเฉินในพื้นที่โดยอัตโนมัติและแชร์ตำแหน่งที่ตั้งของคุณให้เจ้าหน้าที่ บางประเทศอาจมีให้เลือก โทรแจ้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง หรือรถพยาบาล แต่ถ้าเพื่อนๆ มี Apple Watch Series 5 (GPS + Cellular) นาฬิกาของคุณสามารถโทรหาบริการฉุกเฉินในพื้นที่ (ในประเทศที่รองรับ) ได้ด้วย
หลังจากวางสายโทรฉุกเฉินแล้ว Apple Watch จะแจ้งเตือนไปยังรายชื่อติดต่อฉุกเฉินผ่านทางข้อความ และส่งตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของคุณให้รายชื่อติดต่อฉุกเฉินดังกล่าว เพื่ออัพเดตให้ผู้ติดต่อฉุกเฉินของเราทราบตำแหน่งที่ตั้ง โดยแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่ตั้งเป็นระยะ
*แต่ถ้าเราไปต่างประเทศ ก็ต้องศึกษา SOS ฉุกเฉินของประเทศนั้นๆ เพราะเบอร์โทรฉุกเฉิน คนละหมายเลขกัน และมีเรื่องโทรทางไกล – โรมมิ่งด้วย
ถ้าใช้ SOS ฉุกเฉินบน Apple Watch ที่ไม่รองรับซิมการ์ด เพื่อนๆ จะต้องมี iPhone อยู่ใกล้กัน หากไม่มี iPhone อยู่ใกล้ๆ Apple Watch จะเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ที่รู้จัก (เคยเชื่อมต่อ) ซึ่งแนะนำว่าให้ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ และต้องตั้งค่าการโทรผ่าน Wi-Fi ไว้ด้วย
วิธีต่อสาย มีดังนี้
- กดปุ่มด้านข้างของนาฬิกาค้างไว้จนกว่าจะปรากฏแถบเลื่อน SOS ฉุกเฉิน
- แถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินบน Apple Watch
- กดปุ่มด้านข้างค้างไว้ต่อไป รอให้ระบบเริ่มนับถอยหลังและส่งเสียงเตือน คุณยังสามารถลากแถบเลื่อน SOS ฉุกเฉินได้อีกด้วย
- เมื่อสิ้นสุดการนับถอยหลัง นาฬิกาจะต่อสายหาบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติ
- หลังจากวางสายแล้ว Apple Watch จะส่งข้อความที่ระบุตำแหน่งที่ตั้งปัจจุบันของคุณไปให้รายชื่อติดต่อฉุกเฉิน หากตำแหน่งที่ตั้งของคุณมีการเปลี่ยนแปลง จะได้รับการอัพเดตเป็นระยะ
อัพเดต 11 กุมภาพันธ์ 2563
Samsung SOS – Smart Phone Emergency
มือถือ Samsung ในตระกูล Galaxy มีคุณสมบัติ Samsung SOS- Smart Phone Emergency โดยต้องเข้าไปเปิดที่ ตั้งค่าขั้นสูง [Advanced Features] แล้วเลือก ส่งข้อความ SOS ซึ่งเราใส่เบอร์ตำรวจ หรือคนที่สนิทหรือญา่ติสนิทได้ โดยระบบจะส่งภาพ – เสียง เพื่อรายงานสถานการณ์โดยรอบ พร้อมตำแหน่ง เพื่อให้คนที่ได้รับการติดต่อ รู้ตัวว่าเรากำลังอยู่ในอันตราย
อัพเดต กุมภาพันธ์ 2563
การตั้งค่าบนมือถือ iPhone, Huawei, OPPO, Samsung และ Xiaomi
iPhone [กดปุ่ม Power 5 ครั้ง]
เข้าสู่โหมด SOS โดยกดไปที่ การตั้งค่า > ค้นคำว่า SOS ตรงช่องค้นหา> เข้า SOS ฉุกเฉิน > เปิดฟีเจอร์ [กดปุ่ม Power 5 ครั้ง] โทรหา 191 (สามารถกำหนดรายชื่อติดต่อฉุกเฉินได้) และแนะนำ ให้ปิด “เสียงนับเวลา”
Huawei [กดปุ่ม Power 5 ครั้ง]
เข้าไปที่ setting การตั้งค่า > ค้นหา คำว่า SOS > เข้าไปที่ SOS ฉุกเฉิน ด้านบนสุด > เปิด และเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อฉุกเฉิน หรือ 191 ก็ได้ จะมีข้อความพร้อมพิกัดแจ้งฉุกเฉินของเรา
OPPO [กดปุ่ม Power 5 ครั้ง]
เข้าไปที่การตั้งค่า พิมพ์คำว่า SOS ในช่องค้นหา > เข้า SOS ฉุกเฉิน > กดเปิด โดยมือถือ OPPO จะส่งรูป สถานที่เราอยู่ พร้อมถ่ายวีดีโอ 5 วินาที กล้องหน้า – กล้องหลัง ส่งให้ผู้ติดต่อฉุกเฉิน หรือโทรหา 191 1669 199 112 รวมไปถึงเพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อฉุกเฉินได้
Samsung [กดปุ่มด้านข้าง 3 ครั้ง]
พิมพ์คำว่า SOS ส่งข้อความฉุกเฉิน ให้เปิด > ยืนยันว่าอ่านข้อตกลงแล้ว > เพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อฉุกเฉิน > ให้กดปุ่มด้านข้างเร็วๆ 3 ครั้ง ตอนฉุกเฉินจะแนบรูป กล้องหน้า – กล้องหลัง บันทึกเสียง 5 วินาที ส่งข้อความเพื่อแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ
Xiaomi [กดปุ่ม Power 5 ครั้ง]
เข้าไปที่การตั้งค่า > พิมพ์คำว่า SOS > เปิดคุณสมบัติ SOS > เพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อ > ส่งประวัติการโทร ส่งข้อความ ตำแหน่งพิกัดของเราได้
แต่ถ้าใครใช้มือถือแบรนด์อื่นๆ แนะนำให้ใช้แอป Police i lert u แจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจได้
สุดท้าย ขอให้มีสติ และหมั่นตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ หรือพกแบตสำรองเตรียมไว้พร้อมเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินอยู่เสมอ