ตั้งแต่ต้นปี มีหูฟังไร้สายออกมาให้เลือกครบทุกแบรนด์ ซึ่งจากที่อุ้มได้สัมผัส ทดลองใช้หลายๆ รุ่น หลายๆ แบรนด์ คำถามที่ผู้ใช้ถามบ่อยมากที่สุดก็คือ “ดีเลย์ไหม” (เสียงไม่ตรงกับภาพ) กับการคาดหวังเรื่องการเชื่อมต่อ ว่าเสถียรแค่ไหน นอกเหนือจากเรื่องของรสนิยมด้านเสียง และการสวมใส่สบาย โดย vivo TWS Neo เป็นหูฟังไร้สายแบบ Half in-ear คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ เสียงคมชัด สมจริง ค่าความหน่วงต่ำถึง 88ms
หูฟัง Bluetooth ไร้สาย นั้นต่างจากหูฟังแบบมีสาย ก็เลยทำให้สิ่งแรกที่ผู้ใช้สนใจคือ เรื่องของการดีเลย์ แต่นับวัน หูฟังไร้สาย ได้พัฒนาเทคโนโลยีการรับส่งข้อมูลให้เร็วเทียบเท่ากับหูฟังแบบมีสาย (ไร้ดีเลย์) เพื่อการรับส่งข้อมูลที่มี latency ต่ำ ซึ่ง vivo TWS Neo มีความน่าสนใจตรงที่มีการรับส่งข้อมูล Dual-Channel Transmission 2.0 ผ่านเทคโนโลยี Bluetooth 5.2 ได้ไกลถึง 10 เมตร ใช้ได้กับมือถือ ทั้ง Android และ iOS โดยใช้ได้กับมือถือได้ครั้งละ 1 เครื่อง เท่านั้น หากใช้กับมือถือ vivo รุ่นที่รองรับ ก็จะใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพทุกฟีเจอร์ ส่วนมือถือรุ่นอื่นๆ ใช้งานเป็นหูฟังทั่วไป
เชื่อมต่อง่าย กับมือถือ vivo
vivo TWS Neo ใช้งานได้กับมือถือทุกรุ่น ทุกแบรนด์ แต่ถ้าใช้กับมือถือ Vivo รุ่นที่รองรับ แค่เปิดฝาแล้วจะมีหน้าจอเชื่อมต่อเด้งขึ้นมาแสดงบนมือถือ จับคู่ง่าย เพราะเมื่อเปิดฝา Vivo TWS Neo ก็สามารถเข้าสู่โหมดสแตนบายพร้อมใช้งานได้ทันที ส่วนรุ่นอื่นๆ และแบรนด์อื่นๆ เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ได้ตามปกติเหมือนหูฟังทั่วๆ ไป
ดีไซน์
เป็นหูฟังไร้สายที่สวย มี 2 สี คือ สี Moonlight White และ Starry Blue มาพร้อมกล่องเคสดีไซน์โค้งมนสวยหรู สีเดียวกันกับหูฟัง หูฟังดีไซน์แบบ Open-fit ดูทันสมัยและกะทัดรัด มีปลอกเสียบรูหูและใบหูที่ออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เข้ากับสรีระ ขนาดพอดีกับใบหู ใส่ได้นานๆ ได้โดยไม่อึดอัด ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ใส่ก็กลัวจะหลุดอยู่เหมือนกัน แต่โยกหัวเท่าไหรก็ไม่หลุด นอกจากนี้ หูฟังยังกันน้ำกันฝุ่น IP54 ให้ใส่ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างไร้กังวล
เคสเก็บหูฟัง ใช้ชาร์จไฟให้หูฟังได้ โดยตัวเคส รองรับการชาร์จแบตเตอรี่ผ่านพอร์ตชาร์จ Type-C โดยใช้งานได้ต่อเนื่อง 4.5 ชั่วโมง (สำหรับการชาร์จ 1 ครั้ง) และต่อเนื่อง 22.5 ชั่วโมง (เมื่อใช้คู่กับเคส) เคสชาร์จ 100 นาที ส่วนหูฟังชาร์จ 45 นาที
สวมใส่สบาย เสมือนไม่ได้ใส่
Vivo TWS Earphone Neo เป็นหูฟังไร้สายแบบ Half in-ear ซึ่งมีข้อดีตรงที่สวมใส่สบาย ไม่เจ็บหู แต่ก็มีจุดที่อาจขัดใจไปบ้าง เพราะไม่ได้ยัดเข้าไปในหูแบบ In-ear จึงทำให้ยังมีเสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามาได้อยู่ ต่างจากหูฟังแบบ In-ear ที่ใส่แน่นลึกเข้าไปในหู ทำให้เสียงรบกวนน้อยกว่ามาก ซึ่งจากที่ลองใช้คุยโทรศัพท์เป็นเวลา 1.30 ชั่วโมง พบว่าน้ำหนักเบา สวมใส่สบาย แต่ถ้าคุยในที่มีเสียงรอบข้างดัง ก็ต้องเดินหลบไปคุยในที่เงียบๆ เช่นกัน
คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
การฟัง
ณ วันที่เขียนบทความนี้ Vivo TWS Earphone Neo เป็นหูฟังไร้สายที่มีขนาดไดรเวอร์ไดนามิคใหญ่ที่สุดในตลาด โดยมีไดร์เวอร์ไดนามิกขนาด 14.2mm ข้อดีคือ ให้คุณภาพเสียงคมชัด สมจริง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการฟังเพลง เสมือนอยู่ในสตูดิโอ ด้วยทองแดง Daikoku คุณภาพดี จากประเทศญี่ปุ่น พร้อมเทคโนโลยีคุณภาพเสียงระดับ CD Audio
เสียงเทียบเท่า CD Audio
เทคโนโลยีคุณภาพเสียง aptX มาตราฐาน CD Audio ถ้าบอกว่า “คุณภาพเสียงระดับ CD Audio” เราจะทราบและเข้าใจดีว่า คุณภาพเสียงเทียบเท่ากับไฟล์ต้นฉบับ โดยค่า aptX เพิ่มขึ้นเป็น 48KHz / 24bit สูงกว่าค่ามาตราฐาน Audio CD ที่ 44.1KHz / 16bit โดยเทคโนโลยีการเข้ารหัสเสียงนี้ เก็บรักษาข้อมูลเสียงได้มากกว่าหูฟังไร้สายแบบเดิมถึง 1.5 เท่า เก็บรายละเอียดได้ดีที่สุด และได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพเสียง มาตรฐานเดียวกับเพลงคุณภาพสูง
เทคโนโลยี Deep X คุณภาพเสียงสมจริง
เทคโนโลยี DeepX ใช้หลักการสร้างเสียงแบบ Deep Field คมชัดทุกย่านเสียง โดยการเพิ่มความถี่เสียงของผู้ใช้งาน ตั้งแค่คลื่นความถี่ 1000-3000Hz
การสนทนา
ด้านการใช้สนทนาคุยโทรศัพท์ มาพร้อมไมโครโฟนแบบคู่ การตัดเสียงรบกวน เน้นตัดเสียงรบกวนให้คู่สนทนาได้ยินชัดเจน แต่ฝั่งผู้ใช้นั้น เนื่องจากเป็นหูฟังแบบ Half in-ear จึงยังมีเสียงรบกวนขณะฟัง แต่ไมค์ตัดเสียงรบกวนให้คู่สนทนาได้ยินชัดเจน โดย Vivo TWS Neo มาพร้อมเทคโนโลยี AI ระบบตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ SmartSound ดังนั้นจะฟังเพลง หรือคุยโทรศัพท์ ก็ชัดเจนทั้งคุยและฟัง
ควบคุมด้วยปลายนิ้วสัมผัส
ควบคุมหูฟัง โดยใช้ปลายนิ้วสัมผัส สามารถปรับระดับเสียง กดหยุดเล่นเพลง – เริ่มเล่นเพลงได้ด้วยนิ้วมือสัมผัสบนตัวหูฟัง ซึ่งขึ้นอยู่กับการรองรับของแอปพลิเคชั่น
จำง่ายๆ กับ 3 คำสั่ง
Double Tap (แตะ 2 ครั้ง) ใช้งาน Jovi, การโทร และควบคุมเพลง คือแตะ 2 ครั้งเพื่อหยุด-เล่น เพลง/วีดีโอ
Press and Hold กดค้างเพื่อปฏิเสธสาย (ตัดสายโทรเข้า)
Slide (รูดขึ้นลง) เพื่อปรับเพิ่ม-ลดเสียง
จากที่ใช้งาน แอบหวั่นตรงที่เวลาเราคิดว่าหูฟังไม่กระชับ แล้วเอามือขยับหูฟังให้กระชับ แต่ตอนใช้งานก็ไม่ได้เสี่ยงนิ้วไปหยุดเล่นเพลงหรือวีดีโอได้ง่ายนัก ต้องตั้งใจรูดนิ้วหรือแตะจริงๆ
ทั้งนี้ การถอดหูฟัง แล้วหยุดเล่นอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับแอปว่ารองรับคำสั่งแบบไหน
ถอดหูฟัง แล้วเพลง-วีดีโอ หยุดอัตโนมัติ
ทดสอบกับ vivo V19 ทั้ง YouTube และ Joox ถอดหูฟังแล้วหยุดเล่น ใส่หูฟังแล้วเริ่มเล่นต่ออัตโนมัติ
Find My TWS Neo
Find My TWS Neo จำเป็นต้องใช้คู่กับมือถือ vivo รุ่นที่รองรับ และใช้แอปในรุ่นที่ไม่รองรับ รวมทั้งมือถือแบรนด์อื่นๆ ใช้ค้นหาตำแหน่งหูฟัง สามารถบอกพิกัดแสดงตำแหน่งที่ทำหล่นหาย ในระยะจับสัญญาณเชื่อมต่อ Bluetooth เท่านั้น ไม่สามารถใช้ค้นหาแบบหามือถือหายได้ เนื่องจากหูฟังไม่มีอินเทอร์เน็ตและ GPS ในตัว
ดีเลย์ไหม?
ตามทฤษฎีแล้ว ค่าความหน่วงหรือ latency ยิ่งต่ำ ยิ่งดี โดยมีค่าความหน่วงต่ำสุดเพียง 88ms ทำให้สามารถเชื่อมต่อการใช้งานไร้สายที่เสถียรเป็นพิเศษ จากที่ใช้งาน ดูวีดีโอ ปากตรงกับเสียง ไม่หน่วง และระยะการใช้งานแม้จะเดินไปรอบๆ ห้อง ในรัศมี 10 เมตร ก็ยังพูดคุยและฟังได้ชัดเจน
ใช้แล้วรู้สึกยังไง?
จากที่ใช้งาน ชอบตรงน้ำหนักเบา สวมใส่สบายๆ ใส่นานๆ ไม่อึดอัด เสียงดี แต่ด้วยความที่เป็นหูฟัง Half in-ear ก็เลยต้องแลกกับการไม่ตัดเสียงรบกวนภายนอกหูฟัง ทำให้ผู้ใช้ ยังได้ยินเสียงรอบข้างอยู่ แต่ไมค์ตัดเสียงรบกวนได้ดี พูดง่ายๆ คือ ฝั่งคู่สนทนาได้ยินชัดเจน แต่ฝั่งผู้ใช้เองต้องหลบเลี่ยงเสียงรบกวนที่ดังเข้าไปในหูขณะสนทนาหรือฟังเพลง ชอบตรงการควบคุมผ่าน Touch Control ส่วนแบตเตอรี่ใช้งานได้นานแบบไม่ต้องกังวลใดๆ
ซื้อได้ในราคา 2,999 บาท กับสี Moonlight White และ Starry Blue