“นี่คือมือถือราคาไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท
ที่รวมหลากหลายนวัตกรรมไว้ในเครื่องเดียว”
ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ทุกค่ายต่างคิดค้นวิธีการวางกล้องหน้าของตัวเอง Vivo เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ ที่คิดค้นวิธีการ Pop-up กล้องหน้า ใน Vivo Nex ก่อนจะเอามาพัฒนาและพอร์ตมาใส่ใน Vivo V15 & Vivo V15 Pro และยังคงความสามารถในการสแกนลายนิ้วมือผ่านหน้าจอไว้ แต่ยังไม่หมดแค่นี้ค่ะ อุ้มอยากให้ชม 2 ภาพนี้ ก่อนจะไปเล่าต่อสักนิดนึง
ถ้าเอาตามความรู้สึกอุ้มนะ AI Triple Camera ทำหน้าชัดหลังเบลออกมาได้ดีมากเลย รวมไปถึงความฉลาดในการปรับ Mood & Tone ของสีภาพด้วย แค่ยกกล้อง ก็ถ่ายได้แบบนี้เลย
หรือจะเป็นการถ่ายเจ้าแก๊งค์เหมียวน้อย ในที่แสงน้อย ที่ยังให้รายละเอียดของภาพออกมาได้ดี และ AI ก็จะ Detect เจอ ว่านี่คือการถ่ายน้องแมวนะ ที่หน้าจอจะขึ้นเป็นไอคอนแมวมุมซ้ายล่าง และปรับสีสัน คอนทราสให้เหมาะกับการถ่ายแมว
ภาพด้านบนนี้อึดอัดหน่อยๆ มั้ยคะ ลองกดคำว่า Wide ดูดีกว่า
ที่ตำแหน่งเดียวกัน แต่ได้ภาพที่มุมมองกว้างขึ้นกว่าเดิมถึง 120 องศา โดยไม่ต้องเดินถอยหลัง กล้องโหมด wide นี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจของอุ้มมาก ใช้ๆไป จะรู้สึกติดโหมดนี้ไม่รู้ตัวเลย
ทีนี้เจ้า AI Triple Camera ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง อธิบายง่ายๆ ดังนี้ค่ะ 1 กล้องหลัก 1 กล้องไวด์ 1 กล้องหน้าชัดหลังเบลอ
- กล้องหลัก ความละเอียด 48 MP f/1.8 0.8µm มี PDAF มาให้
- กล้องไวด์ มุมมองกว้าง 120 องศา ความละเอียด 8 MP f/2.2
- กล้องหนัาชัดหลังเบลอ ความละเอียด 5 MP f/2.4
ทั้งสามตัวจะทำงานรวมกัน พร้อมกับทั้งการเรียนรู้ซีนต่างๆ ที่เราถ่าย จนไปถึงการปรับแต่งสัดส่วนต่างๆของร่างกายเราอย่าง AI Body Shaping และการปรับแสงการถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ โดยใช้ AI Portrait Lighting มีรูปตัวอย่างให้ดูอีกนิดหน่อยค่ะ
แล้วกล้องหน้า เป็นยังไงบ้าง? ไปชมภาพกันก่อนนะคะ
นี่คือสภาพมนุษย์ที่ไม่ได้อาบน้ำไปทำรีวิว สภาพจริงคือโทรมมาก แต่พอมาเจอกล้อง Vivo V15 Pro ที่ความละเอียด 32MP ก็ดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาทันที
จะทำหน้าชัดหลังเบลอจากกล้องหน้า ก็ทำได้ ใสๆ แต่ไม่หลอกตา จริงๆ มันปรับแต่งได้ตั้งแต่สีผิว ไปจนถึงรูปหน้า ตา กราม จมูก รูปปาก ทุกๆอย่างเลย
หรือจะปรับสีของภาพให้ดูมีอะไรๆ จากกล้องของ V15 Pro เลยก็ได้นะคะ ไม่ต้องไปเข้าแอพอื่นแล้ว
กลไกการยกกล้องหน้าแบบ Pop-up ใช้เวลาน้อยมากๆ เพียงแค่ 0.46 วินาที น้อยจนเราแทบไม่รู้สึกเลยนะคะ เอาเป็นว่า ใครที่ชอบปลดล็อคโดยการสแกนหน้าก็ไม่ต้องห่วงเพราะคอนเฟิร์มความไวจริงๆ โดยทาง Vivo เอง ก็บอกว่าเค้าเทสแล้วกว่า 300,000 ครั้ง มั่นใจหายห่วง
แต่ถ้ายังเสพติดการสแกนลายนิ้วมือ อุ้มว่าที่สแกนของ V15 Pro แอบเร็วกว่าตัวก่อนๆขึ้นมาหน่อย เอาจริงๆ ก็ยังไวมากกว่าหลายๆแบรนด์อยู่ดีนะ 555
‘อุ้มชอบจอแบบสุดๆไปเลย’
เจ้า Vivo V15 Pro จะมาพร้อมกับจอ Ultra FullViewTM Display ขนาด 6.39 นิ้ว ตีเป็น 84.2% Screen to body ratio ความละเอียดระดับ FHD+ 2340×1080 pixel หรือประมาณ 404 ppi หน้าจอ Super AMOLED ตัวนี้ แสดงสีสันได้ดีมากๆ คอนทราสแม่นยำ แต่ความเจ๋งมันไม่ได้อยู่ที่ความละเอียดนะคะ
จอแบบนี้ทำให้เราเสพ Multimedia ต่างๆได้เต็มพื้นที่ ไม่ต้องห่วงว่าจะมีอะไรมาบังสายตา หรือไม่ต้องห่วงว่าสุดท้ายตัวแอพก็จะถูกดันลงมาเหลือพื้นที่ด้านบนให้หงุดหงิด โดยเฉพาะการเล่นเกม
ทาง Vivo เอง ใส่ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 675AIE Octa-core มาให้ พร้อมแรม 6GB และความจุภายในตัวเครื่อง 128GB สามารถเพิ่มเมมภายหลังได้ การเล่นเกมบนจอตัวนี้ คือเพลินมากๆ อย่าง RoV จะเล่นได้ที่ 30fps แต่ลื่นจริง ตรงมินิแมพก็โล่งเลยค่า ให้แบตมา 3,700 mAh และมี Dual-Engine Fast Charging ชาร์จอย่างไว ไม่หงุดหงิดเวลาแบตอ่อนๆ
ถ้าถามว่ามีตรงไหนที่อุ้มว่ายังไปได้อีก คงเป็นเรื่องของน้ำหนักแค่ ตัวนี้หนัก 185 กรัม ถ้าเบาลงมาอีกสัก 15 กรัม ก็จะกำลังถือเล่นเกมได้ยาวๆเลย รวมทั้งพอร์ต micro usb ที่อยากให้เปลี่ยนเป็น usb-c สักกะที คงต้องรอเจนหน้า
แต่ภาพรวมของ Vivo ในความรู้สึกอุ้มคือ กำลังไปได้สวย ค่อยๆหลุดกรอบออกมาเรื่อยๆ และมีหลายอย่างที่พัฒนาก้าวกระโดดจากคู่แข่ง การเลือกพรีเซนเตอร์เป็นแบมๆเอง ก็พิสูจน์แล้วว่า Vivo อยากดึงเอาฐานลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น ที่ชอบถ่ายเซลฟี่ ชอบถ่ายภาพหน้าชัดหลังเบลอ จนไปถึงชอบเล่นเกม และเค้าก็ทำได้ดีมากในราคา 14,999 บาท เอาเป็นว่าใครอยากได้ตัวราคาเบาๆ กว่านี้ รอติดตามรีวิว Vivo V15 จากอุ้มเร็วๆนี้นะคะ วันนี้ไปก่อนค่า สวัสดีค่ะ