งานสำหรับนักพัฒนา WWDC 2023 จัดขึ้นวันที่ 5 – 9 มิถุนายน 2023 โดยมี Keynote ที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ จาก Apple โดยเราสรุปไฮไลท์งาน WWDC 2023 มาให้ติดตามกัน
เรียกได้ว่าสมกับการรอคอย งาน WWDC 2023 กับฉากสุดท้าย ‘One More Thing’ ที่หลายๆ คนรอคอย โดยในงานมีการเปิดตัว เวอร์ชั่นใหม่ของ iOS, macOS, iPadOS, WatchOS รวมไปถึง Apple Vision Pro ซึ่งเป็นแว่น VR รุ่นแรกของ Apple และยังได้เปิดตัวฮาร์ดแวร์ Mac Studio, Mac Pro ที่ใช้ชิป M2 Ultra
เปิดงานมาปุ๊บ ก็รวบรัดรีบเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทันที ทิ้งให้เรารอลุ้น ‘One More Thing’ ท้ายรายการ โดยเปิดตัว MacBook Air 15 (2023) ที่ชูจุดเด่น บางเฉียบ 11.5 มิลลิเมตร ใช้ชิป M2 แบตอึด 18 ชั่วโมง ใช้ยาวๆ
ทำให้เรียกได้ว่าเป็น ultrabook ของฝั่ง Mac ที่เร็ว แรง บางเฉียบ และแบตอึด โดยรุ่นใหม่ รุ่น 15 นิ้ว (ชิป M2) เริ่มต้นที่ 47,900 บาท
Mac Studio และ Mac Pro รุ่นใหม่ ที่ใช้ชิป M2 Ultra เร็ว แรง ขึ้น 50% กับประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ผลงาน รัน เรนเดอร์วีดีโอ และด้วยชิปใหม่ก็ทำให้การจัดการงานต่างๆ ได้ดีขึ้น โดย Mac Studio เริ่มต้นที่ 74,900 บาท และ Mac Pro ทาวเวอร์ เริ่มต้นที่ 249,900 บาท Mac Pro แร็ค เริ่มต้นที่ 269,900 บาท
ตามมาด้วย iOS 17 ที่หลายคนเฝ้ารอว่ามีอะไรใหม่บ้าง
ความว้าวคือ ฟีเจอร์ Phone ที่แสดงหน้าจอภาพคนโทร Contact เราได้ ปรับปรุงส่วนของ contact cards, name drops และมีสติ๊กเกอร์แบบใหม่ iMessage ส่งผ่านโปรโตคอล RCS
ยอมรับว่าหลายๆ อย่าง Android มีแล้ว สำหรับ airdrop สามารถแชร์ contact ได้แล้ว ส่วน keyboard ก็มีการปรับปรุงเรื่อง Auto Correct สะกดคำ AI ทำให้แม่นยำขึ้นและไม่ต้องช้ำใจแล้ว แน่นอนว่าประสบการณดีขึ้น แต่ภาษาไทยรอพิสูจน์กัน
นอกจากนี้ ‘Diary’ ใช้แทร็ค ตรวจจับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ใช้ข้อมูลจาก Photos, Music, Health
มีคำบรรยายให้อ่าน Voice Mail ถ้าเราไม่สะดวกฟัง
แต่น่าเสียดายว่ารอบนี้ iPhones X และ iPhone 8 ไม่ได้ไปต่อแล้ว
iPadOS 17 ทำให้ใช้แท็บเล็ตได้คุ้มค่ามากขึ้น มาพร้อม interactive widgets ที่ทำให้สะดวกในการจัดการสิ่งต่างๆ และการปรับแต่ง lock panel แบบเดียวกับ iOS
นอกจากนี้ยังใช้ ‘Live Activities’ กับแอปหรือบริการที่รองรับ ในส่วนของ ‘Health’ มีการทำงานบนแท็บเล็ตได้ดีขึ้น ใช้งานง่ายขึ้น
ส่วนคนที่ทำงานเอกสาร PDF ก็ใช้กับ Note ได้สะดวก ‘Grades’ รองรับการแก้ไข PDF เช่นการเซนต์ชื่อบนเอกสาร PDF
macOS Sonoma ทำงานกับ iOS หรือ iPadOS ได้ไร้รอยต่อ สามารถใช้ screensaver หรือ interactive widgets กับ PC ได้ และยังใช้ widget ที่เชื่อมต่อกับ iPhone ได้อีกด้วย
สิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คือ Game Mode ที่ดูแลเรื่องประสิทธิภาพการเล่นเกมเมื่อ latency ตก บน AirPods และพบความผิดปกติในการเชื่อมต่อกับ PlayStation และ Xbox ทำให้การเล่นเกมดีขึ้น โดยคุณ Hideo Kojima ได้แนะนำ Death Stranding for macOS
นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเรื่อง security และ privacy โดยเฉพาะบน Safari สามารถ block browser windows ไม่ให้ไปยุ่งกับ Passkeys เรียกได้ว่าหวงความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้มากขึ้น
tvOS กับ video call ที่นำเอามือถือ iPhone มาใช้เป็นกล้อง ใช้ทีวีเป็นจอ ทำให้การประชุม เห็นหน้า พรีเซ็นต์ แยกฉากหลัง แยกสไลด์ออกมาได้สวยแบบมืออาชีพ
watchOS 10 ถือได้ว่าเป็นการอัปเกรดขึ้นยิ่งใหญ่ของ Apple Watches เลยก็ว่าได้ โดยมีอินเตอร์เฟซใหม่ รองรับ widgets และมี watchfaces ปรับปรุงดีไซน์ของ dial เรียกได้ว่าตอบโจทย์คนที่ใช้งานจริงๆ รวมไปถึงสาย sports กับการดูแลสุขภาพ ตัวอย่าง เช่น altimeter [เครื่องวัดระยะความสูง] ที่แสดงเส้นทาง หากหลงป่า ปีนเขา และยังรองรับ cycling app กับเซ็นเตอร์เฉพาะกีฬาในรูปแบบต่างๆ
AirPlay เล่นหนังบนจอที่โรงแรมได้แล้ว โดยใช้งานกับทีวีของโรงแรมที่รองรับ เปิดโอกาสให้โรงแรมได้บริการลูกค้าได้ประทับใจ
Apple Vision Pro แว่น VR ที่หลายๆ คนรอคอย
เปลี่ยนโลกด้วยผลิตภัณฑ์ Apple กับ ‘One More Thing’ โดย Apple Vision Pro ทำให้เข้าสู่โลก VR โดยใช้แว่น และใช้ Gesture สั่งงานด้วยนิ้วมือ เรียนรู้ง่าย ไม่เหมือนกับแว่น AR / VR ที่เราเคยเห็น การควบคุม ใช้ดวงตา นิ้วมือ ข้อมือ และเสียง คือเราปรับใหม่เลย ทิ้งรูปแบบเดิมๆ ที่น่าเวียนหัวไปได้เลย
ข้อดีคือปกติแว่น VR เราจะมองไม่เห็นใครนอกจากจอเลย แต่ Apple ทำให้เรามองเห็นคนข้างๆ ด้านหน้า คือทำอะไรได้ตามปกติโดยไม่ต้องถอดแว่นออก ระบบเสียงก็รองรับ spatial audio และเล่นเกมบน Apple Arcade เชื่อมกับ gamepads ของ PlayStation หรือ Xbox และดีลกับ disney กับคอนเทนต์ที่รองรับ
สำหรับ EyeSight น่าสนใจมาก ถ้ามีคนเดินมาคุยตอนเราใส่แว่น ก็จะเห็นดวงตาเราเหมือนคุยกันตามปกติเลย Apple Vision Pro ยังใส่อยู่บนหัวเรา ซึ่งสามารถสบตา มองตา eye contact กับผู้ฟังฝั่งตรงข้ามได้ตามปกติ
สำหรับฮาร์ดแวร์ ใช้ชิป Apple M2 และ มีเลนส์ 3 ตัว (triple lens) สำหรับดวงตาแต่ละข้าง ความละเอียด 4K และมี HDReye movement detection system ตรวจจับการกรอกตา
สำหรับราคาเริ่มต้นคือ $3,499 ประมาณ 121,730 บาท ขายในปี 2024 (ปีหน้า) ยังมีเวลาเก็บเงิน
ถือได้ว่างาน WWDC 2023 ในรอบนี้ น่าสนใจ เพราะนี่คือการพลิกโลกอีกครั้งจาก Apple
ชม Live บรรยายไทยย้อนหลัง
เรียบเรียงจาก Live ของ Apple และ crast.net